บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) แจ้งสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล (SBM-2) คลี่คลาย โดยล่าสุดจากการสำรวจทั้งทางอากาศและเรือลาดตระเวน เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 กันยายน 2566 ไม่พบคราบน้ำมันอีก และด้วยสถานการณ์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว กองทัพเรือจึงมีคำสั่งปิดศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันของกองทัพเรือ ในพื้นที่รับผิดชอบของทัพเรือภาคที่ ๑ อย่างไรก็ตาม จะยังคงมีการเฝ้าระวังและสำรวจคราบน้ำมันอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจัดเตรียมกำลังพลและเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ สำหรับแก้ไขสถานการณ์หากพบเห็นคราบน้ำมัน
โดยนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ บริษัทฯ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจและเฝ้าระวังสภาพชายฝั่งทะเลของเกาะสีชัง เกาะท้ายตาหมื่น เกาะค้างคาว เกาะลอย รวมถึงชายหาดบางพระ ไม่ปรากฏคราบน้ำมันบนชายหาดต่างๆ แต่อย่างใด
พลเรือตรี พาสุกรี วิลัยรักษ์ รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ กล่าวว่า “ตามที่ทุกหน่วยงานได้ดำเนินการตามหน้าที่ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสถานการณ์ปัจจุบันตรวจไม่พบคราบน้ำมันทั้งในทะเลและชายฝั่ง รวมถึงใต้น้ำบริเวณปะการังที่เป็นจุดอ่อนไหว จึงขอยุติการปฏิบัติงานของศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการฯ เพื่อส่งมอบหน้าที่ให้กรมเจ้าท่าซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานตามแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันแห่งชาติ ไทยออยล์ และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการในการติดตามสถานการณ์ เฝ้าระวัง และฟื้นฟู กรณีมีผู้ได้รับผลกระทบให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยต่อไป”
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวแสดงความเสียใจและขออภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกล่าวเพิ่มเติมว่า “ทันทีที่เกิดเหตุการณ์บริษัทฯ ได้ทุ่มสรรพกำลังและทรัพยากร พร้อมประสานขอความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ในการแก้ไขสถานการณ์ ป้องกันและบรรเทาผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม จนทำให้สถานการณ์กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมและคลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว”
พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณการสนับสนุนและความร่วมมือเป็นอย่างดี ของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ทัพเรือภาคที่ 1 กรมเจ้าท่า กรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี กองบังคับการตำรวจน้ำ ท่าเรือแหลมฉบัง ภาคีเครือข่ายจากสมาคมอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน (IESG) รวมถึงสื่อมวลชนที่ช่วยเผยแพร่ข่าวสารที่ถูกต้องให้สาธารณชนได้รับทราบ
“สำหรับสาเหตุของการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบในรายละเอียดโดยร่วมมือกับทีมผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้อง พร้อมกันนี้ บริษัทฯ จะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐอย่างเต็มที่ในการติดตามตรวจสอบและดำเนินการต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าสภาพสิ่งแวดล้อมทางทะเลจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว” นายบัณฑิต กล่าวเสริม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทยออยล์เผยกลยุทธ์ธุรกิจปี 2568 และเร่งบริหารจัดการโครงการ CFP
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (“ไทยออยล์”) เผยกลยุทธ์ธุรกิจปี 2568 มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมีในปีหน้ายังคงมีความท้าทายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
ไทยออยล์ ได้รับคะแนน CGR ระดับ "ดีเลิศ" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ “ดีเลิศ” (Excellent CGR Rating) หรือ 5 ตราสัญลักษณ์
CEO ไทยออยล์ คว้ารางวัล CEO of the Year 2024 in Transformation Excellence
เมื่อเร็วๆ นี้ คุณบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัล Bangkok Post CEO of the Year 2024
“ไทยออยล์” ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2567
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 ภาพรวมผลการดำเนินงานปรับลดลง
“ไทยออยล์” ส่งมอบระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ให้กับ รพ.สต.- รร. ต.ช.ด. 5 แห่ง ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ไทยออยล์ ขับเคลื่อนโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า ให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
บริษัทผู้รับเหมาช่วงแถลงข่าวเรียกร้องค่าตอบแทนค้างจ่ายจาก UJV - Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd. (“Samsung”), Petrofac South East Asia Pte. Ltd. (“Petrofac”) และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (“Saipem”)
จากกรณีที่บริษัทผู้รับเหมาช่วงของกิจการร่วมค้าระหว่าง - Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd. (“Samsung”), Petrofac South East Asia Pte. Ltd. (“Petrofac”) และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (“Saipem”) (เรียกรวมกันว่า “UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem”) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักในการก่อสร้างโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ให้กับ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (“ไทยออยล์”) จำนวน 16 บริษัท ใ