'บีโอไอ'นำพาเศรษฐกิจไทยสู่ New Economy ด้วย '7 หมุดหมาย' - '9 มาตรการ' พร้อมสนับสนุนเงินค่าจ้างบุคลากรให้ Startup ผ่าน Startup Grant

คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ภายใต้การบริหารงานของเลขาธิการคนใหม่อย่าง นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ พร้อมนำเศรษฐกิจไทยสู่ New Economy ด้วย “7 หมุดหมาย” - “9 มาตรการ” โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญที่บีโอไอได้ทำร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA คือ มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เป้าหมาย สำหรับกิจการด้านไบโอเทคหรือด้านการแพทย์หากตั้งอยู่ในย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธีจะได้รับมาตรการพิเศษเพิ่มจากบีโอไอ นอกจากนี้ บีโอไอยังให้การส่งเสริม Startup ผ่าน Startup Grant โดยเน้นกลุ่ม Deep Tech Startup หรือ Growth-Stage Startup ด้วยการสนับสนุนเงินค่าจ้างบุคลากรไม่เกิน 5 ล้านบาท
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่เศรษฐกิจใหม่” ในงานสตาร์ทอัพและอินโนเวชั่น ไทยแลนด์ เอ็กซ์โป 2023 (STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2023) หรือ SITE 2023 จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ว่า โลกต้องเจอความท้าทายที่หลากหลาย ซึ่งหลายปัจจัยมีผลต่อการลงทุนในอีก 4 - 5 ปีข้างหน้า โดยเทรนด์ของโลกประกอบด้วย 1. Geopolitical Tensiona ความขัดแย้งในมุมต่างๆ ของโลก ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มมองหาที่ลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ยืดหยุ่นสูง นับเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยที่สามารถรองรับตรงนี้ได้ 2. Decarbonization /ESG เป็นอีกเทรนด์ที่บริษัทชั้นนำต่างให้ความสำคัญ ทำให้การนักลงทุนเริ่มมองหาแหล่งที่มีการลงทุนในเรื่องของกรีน เรื่องของพลังงานสะอาดที่จะมาป้อนให้กับภาคอุตสาหกรรมได้ 3. Digital Transformation เป็นสิ่งที่นิยมหลังเกิดโควิด หลายบริษัทให้ความสำคัญในเรื่องการเปลี่ยนผ่าน 4. Global Minimum Tax นับเป็นกติกาใหม่ของโลกที่มาจาก OECD (Organisation for Economic Co-operation and Development) ซึ่งมีผลต่อการลงทุนของบริษัทข้ามชาติ และ 5. Aging Society หลายประเทศผู้สูงอายุมีสัดส่วนสูงขึ้น สิ่งเหล่านี้นำไปสู่เทรนด์การนำหุ่นยนต์หรือเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้มากขึ้น
 
อย่างไรก็ดี ประเทศไทยมีจุดแข็งที่รองรับเทรนด์เหล่านี้ได้ นั่นคือ ภูมิประเทศของไทยสามารถเชื่อมโยงได้หลายประเทศและอยู่ใกล้กับตลาดใหญ่อย่างจีนและอินเดีย ไทยยังมีความพร้อมด้านพื้นฐานโครงสร้างที่ดีที่สุดในภูมิภาค มี supply chain ที่ครบวงจรโดยเฉพาะชิ้นส่วนยานยนต์หรืออิเลคทรอนิกส์ นอกจากนี้ มีสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ ที่สำคัญคือ Green Investment ไทยมีโครงสร้างพลังงานที่เพียงพอและมีการใช้พลังงานหมุนเวียนที่สูงกว่าประเทศอื่น ตัวภาคเอกชนก็เห็นความสำคัญใน BCG 
 
“ตอนนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และกระทรวงพลังงาน กำลังดีไซน์การจัดหาพลังงานสะอาดให้กับภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้ธุรกิจที่เข้ามาลงทุนบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ไทยยังมี Resiliency + Neutrality คือ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลายประเทศ ถ้ามาลงทุนในไทยสามารถทำมาค้าขายได้กับทุกประเทศทั่วโลกได้” 
 
นายนฤตม์ กล่าวต่อว่า จากเทรนด์ของโลกและจุดแข็งที่ประเทศไทยมี วันนี้ไทยพร้อมแล้วสำหรับการเป็นฮับใน 5 ด้าน คือ 1. Tech Hub โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหลักอย่าง ดิจิทัล อิเลคทรอนิกส์ EV ฯลฯ 2. BCG Hub ไทยมีความสามารถเป็น BCG Hub ได้ เพราะมีความหลากหลายทางด้านชีวภาพ มีวัตถุดิบ ทำให้สามารถต่อยอดทางด้านอาหารได้ 3. Talent Hub ไทยมีการออกมาตรการที่หลากหลายเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติให้มาทำงานที่ไทย 4. Logistics & Business Hub ไทยมีความพร้อมสำหรับการเป็น Headquarters ซึ่งบีโอไอให้การส่งเสริมไปแล้ว 400 โครงการ โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทญี่ปุ่นเพราะมีฐานการผลิตในไทยที่ยาวนาน และ 5. Creative Hub โดยอาศัย soft power และ Design 
 
ด้วยปัจจัยทั้งหมด บีโอไอ ได้นำมากำหนดเป็นยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) เพื่อนำพาเศรษฐกิจไทยไปสู่ New Economy ที่ประกอบด้วย Innovative – Competitive – Inclusive โดยมี 7 หมุดหมายสำคัญ คือ 1. ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมและสร้างความเข้มแข็ง Supply Chain 2. เร่งเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมไปสู่ Smart & Sustainable Industry 3. ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศและประตูการค้าการลงทุนของภูมิภาค 4. ส่งเสริม SMEs & Startup ให้เข้มแข็งและเชื่อมต่อกับโลก 5. ส่งเสริมการลงทุนตามศักยภาพพื้นที่เพื่อสร้างการเติบโตอย่างทั่วถึง 6. ส่งเสริมการลงทุนเพื่อชุมชน & สังคม และ 7. ส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ 
 
โดยภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่ บีโอไอ มี 9 มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อผลักดันยุทธศาสตร์ใหม่ให้ได้ผล คือ 1. มาตรการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ 2. มาตรการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมโดยรวม การวิจัยและพัฒนา การเทรนนิ่ง 3. มาตรการรักษาและขยายฐานการผลิตเดิม 4. มาตรการส่งเสริมการย้ายฐานธุรกิจแบบครบวงจร 5. มาตรการกระตุ้นการลงทุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ 6. มาตรการยกระดับอุตสาหกรรม การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรไปสู่เครื่องจักรประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานหมุนเวียนในกิจการ 7. มาตรการส่งเสริมการลงทุน SMEs 8. มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งบีโอไอมีการทำงานร่วมกับ NIA อาทิ กิจการด้านไบโอเทค หรือด้านการแพทย์หากตั้งอยู่ในย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธีจะได้รับมาตรการพิเศษเพิ่มจากบีโอไอ และ 9. มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม 
 
นอกจากนี้ บีโอไอ มีการส่งเสริม Startup Grant โดยเน้นกลุ่ม Deep Tech Startup หรือ Growth-Stage Startup ซึ่งมีเงื่อนไขว่าต้องผ่านการระดมทุนจาก VC/CVC ไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท โดยบีโอไอจะให้เงินสนับสนุนจ้างบุคลากรไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2565 ถึงปัจจุบันมีผู้ได้รับการอนุมัติไปแล้ว 30 ราย 
 
การเติบโตของ Startup ไทยต้องมาจากทุกหน่วยงานร่วมกันผลักดัน “บีโอไอ” เป็นหนึ่งในองค์กรสำคัญที่ช่วยผลักดัน Startup ไทย ภายใต้ พรบ. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยพร้อมเปิดพื้นที่สร้าง Startup ไทยให้เติบโต.                          

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

IRPC ลุยพลังงานสะอาดดัน IRPC Clean Power คว้าประมูลผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนที่ดิน 716 ไร่ อ.จะนะ จ.สงขลา

IRPC ขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเดินหน้าในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนผ่านบริษัทในเครือ IRPCCP ที่ได้รับคัดเลือกจาก กกพ. ให้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด

เริ่มแล้ว!! เวทีการประกวดผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยที่ปลุกปั้นนักออกแบบไทยไปไกลถึงระดับโลก International Craft Creation Concept Award 2025 หรือ I.CCA.2025

สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT เชิญชวนนักออกแบบ และกลุ่มผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรม

โบว์แดง 'รทสช.' ผสานกำลัง 2 กระทรวงปลดล็อก 'โซลาร์รูฟท็อป'

ไทยเดินหน้าพลังงานสะอาด “หิมาลัย” เผย “พีระพันธุ์-เอกนัฏ” ผสานกำลังปลดล็อก “โซลาร์รูฟท็อป” สำเร็จ เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงพรรค

กลุ่ม ปตท. และกลุ่มฯ โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ส.อ.ท. พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศไทย ด้วยพลังงานสะอาด และคาดการณ์ราคาน้ำมันในปี 68

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า งานสัมมนา The Annual Petroleum Outlook Forum