ครบ 1 ปี PDPA…มาดูกันว่า ทรู คอร์ป คุมเข้มข้อมูลส่วนบุคคลลูกค้าอย่างไรกันบ้าง

1 มิถุนายน 2566 ครบ1 ปีที่กฎหมาย PDPA (Personal Data Protection Act) มีผลบังคับใช้ คงมีคำถามมากมายว่าแต่ละองค์กรทำอะไรไปบ้าง ซึ่งทรู คอร์ป หนึ่งในองค์กรที่มีลูกค้าจากการควบรวมทรู-ดีแทค มากถึง 50.5 ล้านเลขหมาย ได้ออกแนวทางหรือมาตรการอะไรในการดูแลลูกค้าทรู-ดีแทค เรื่องการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลไปบ้างแล้ว

ในช่วงปีที่ผ่านมา ทรู คอร์ปอยู่ในกระบวนการควบรวมทรู-ดีแทค ซึ่งมีหลายอย่างที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือทั้ง 2 องค์กรต่างให้ความสำคัญสูงสุดกับนโยบายการดูแลเรื่องการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งของลูกค้าและพนักงานในองค์กร ซึ่งภายหลังการรวมธุรกิจ ทรู คอร์ปได้นำสิ่งที่ดีที่สุด เข้มงวดที่สุดของแต่ละองค์กรมากำหนดเป็นนโยบายและแนวปฎิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล Privacy Policy and Procedure เพื่อให้เป็นไปตามฟุตพริ้นท์มาตรฐานการปกป้องข้อมูลที่เป็นสากล และสอดคล้องกับกฎหมาย GDPR (General Data Protection Regulation) ซึ่งเป็นกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป โดยทรู คอร์ป ได้ดำเนินการ 5 แนวทางสำคัญ เพื่อดูแลคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ดังนี้  

1. แต่งตั้งทีมงานดูแลเรื่องการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ที่เป็นอิสระและเป็นกลาง เนื่องด้วยการประเมินการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะมิติใดก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่ควรมีมุมมองที่อิสระและเป็นกลาง เพื่อให้การควบคุมเป็นไปภายใต้มิติที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ทรูได้รับการยินยอมจากลูกค้า ทรู คอร์ป จึงแต่งตั้งให้มีทีมงานดูแลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นกลางและมีอิสระในการตรวจสอบทุกหน่วยงานภายใน รายงานตรงผู้บริหารงานกิจการองค์กร และมีช่องทางรายงานต่อผู้บริหารสูงสุดหรือ CEO ซึ่งสะท้อนชัดว่า การดูแลข้อมูลส่วนบุคคล เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในองค์กร

2. จัดทำนโยบายและแนวปฎิบัติในการคุ้มครองการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล Privacy Policy and Procedure ที่ชัดเจน

การป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection)เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง ดังนั้นทุกชุดข้อมูลจะถูกกำกับตามมาตรฐานอุสาหกรรม และ กฎหมาย PDPA เพื่อปกป้องสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล โดยทรู คอร์ปยึดหลัก 2 แกนสำคัญ คือ 1. ความเป็นส่วนตัว (Privacy) ที่เน้นความโปร่งใส ใช้ข้อมูลตามที่สัญญากับลูกค้าเท่านั้น และข้อมูลที่ใช้งานจะสอดคล้องกับประเภทธุรกิจที่บุคคลนั้นๆใช้บริการ เท่านั้น 2. การรักษาความปลอดภัย (Security) เพื่อมั่นใจว่าการใช้ข้อมูลทุกชุดเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ทรู ตระหนักดีว่า ลูกค้าเป็นเจ้าของข้อมูล เราเป็นเพียง ‘ผู้คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น’ การกระทำการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่โปร่งใสและลูกค้าอนุญาต ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัว ภายใต้มาตรการที่เข้มแข็งตาม มาตรฐานความปลอดภัยสารสนเทศ ISO 27001 ที่ช่วยรับประกันให้ระบบความปลอดภัยของข้อมูล ลดความเสี่ยงไม่ให้มีความละเมิดเกิดขึ้นได้

3. อบรมบุคลากรในองค์กร เรื่องของพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพราะเราตระหนักดีว่าการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นหน้าที่ของพนักงานทรูทุกคน จึงจัดอบรมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับพนักงานทุกคน ในเรื่องของพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และได้มีการกำหนดแนวทางปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานที่ต้องสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์ตามกฎหมาย รวมทั้งปลูกฝังเรื่องดังกล่าวให้เป็นสิ่งสำคัญของวัฒนธรรมองค์กรโดยได้ระบุไว้ในหลักธรรมาภิบาล (Code of Conduct)ของบริษัท ฯ   

4. คุมเข้มการเข้าถึงข้อมูล ยึดหลัก Security and Privacy by Design (SPbD) ทรู คอร์ป ได้ปรับเปลี่ยนระบบการทำงานภายในองค์กร รวมถึง ผู้ให้บริการภายนอก (vendors), พันธมิตรทางธุรกิจ (Business Partners), และ บริษัทในเครือ (Subsidiaries) ให้มีการกลั่นกรองและการทบทวนสิทธิเข้าถึงข้อมูลลูกค้าของทุกหน่วยงานในองค์กร ตลอดจนคุมเข้มการเข้าถึงและการใช้งานข้อมูลตามขอบเขตและวัตถุประสงค์ของกฎหมาย รวมทั้งกำหนด checkpoint สำหรับการใช้ข้อมูลทุกชุดและทุกกระบวนการ เพื่อให้ทุกการใช้ข้อมูลอยู่ในทัศนะวิสัย (Visibility) และ ออกแบบกระบวนการโดยยึดการเคารพสิทธิ์ลูกค้าเป็นหลัก (Privacy by Design)

ทั้งนี้ ทรู ยังกำหนดมาตรการในการปฎิบัติตามคำขอของหน่วยงานภาครัฐอย่างเคร่งครัด โดยทุกคำขอต้องยืนอยู่บนฐานกฎหมายและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน รวมถึงการขอข้อมูลการใช้งานหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่จากเจ้าหน้าที่ ตำรวจ หรือคำสั่งปิดเว็บไซต์ จำเป็นต้องมีการอ้างอิงฐานกฎหมาย หรือคำสั่งศาล ทั้งนี้เพื่อปกป้องสิทธิของลูกค้าบนหลักสิทธิมนุษยชน

5. ใช้เทคโนโลยี AI และระบบออโตเมชั่นเพิ่มความแม่นยำในการเก็บ-ใช้-เปิดเผยข้อมูลของลูกค้า ซึ่งจะเป็นไปตามมาตรฐานที่ กสทช. กำกับ เช่น การลงทะเบียนซิมโทรศัพท์ จะมีขั้นตอนการพิสูจน์ตัวตน ใช้ระบบ AI เน้นความแม่นยำและความปลอดภัย อีกทั้งทำให้บริการลูกค้าได้เร็ว สะดวก ยิ่งขึ้น และมีการเปิดซิมใหม่โดยใช้วิธีการสแกนหน้า กับบัตรประชาชน ซึ่งการนำเทคโนโลยีมาใช้ ช่วยลดปัญหาความผิดพลาดที่อาจเกิดจากคน และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้หรือนำไปเปิดเผยไม่ว่าจะวัตถุประสงค์ใดก็ตาม จะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งกับเจ้าของข้อมูลเท่านั้น หากนอกเหนือจากที่แจ้ง จำเป็นต้องขอคำยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนเสมอ

ทั้งนี้ทรูตระหนักดีว่า สิทธิ์ในข้อมูลเป็นของเจ้าของข้อมูล ทรูมีช่องทางต่างๆ เพื่อให้เจ้าของข้อมูลสามารถติดต่อสอบถามถึงการใช้ข้อมูล(Right to Information) รวมถึงการใช้สิทธิ์ต่างๆ ตาม กฎหมาย

นอกจากนี้ เพื่อให้ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของโลก ทันต่อทุกสถานการณ์ ทรู คอร์ป ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาครัฐ และองค์กรที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อเสนอแนะแนวทางเน้นความเป็นบูรณาการในการควบคุมดูแลสิทธิ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้มั่นใจว่าการทำงานของเราก้าวทันในยุคดิจิทัล ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นและไว้วางใจได้ เพราะเหนือสิ่งอื่นใดแล้ว ประโยชน์และคุณค่าที่เกิดขึ้นแก่ลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักกีฬาไทยขอบคุณ'ทรู คอร์ป 'มอบ'ซิม' หนุนการสื่อสาร ช่วงลุย'ปารีส 2024'

ทัพนักกีฬาไทย ชุดแรกที่มีเทเบิลเทนนิส, แบดมินตัน, จักรยานประเภทถนน, กรีฑา และว่ายน้ำ ลัดฟ้าบุกปารีส ประเทศฝรั่งเศส พร้อมขอบคุณ ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่มอบ “ซิมทรู GO Travel” ในการเข้าร่วมทำศึกโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ช่วยให้มั่นใจในเรื่องการสื่อสาร ขอกำลังจากใจครอบครัว เติมพลังใจเต็มเปี่ยม เตรียมพร้อมสำหรับการชิงชัย