ข้อเสนอของเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนและประชาสังคม ต่อพรรคการเมือง

เครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนและประชาสังคม เกิดจากการรวมตัวกันเป็นเครือข่ายทำงานเพื่อพัฒนาชุมชนในทุกมิติ โดยเฉพาะประเด็นที่ไม่ได้รับความสนใจหรือความเป็นธรรมจากภาครัฐ เครือข่ายองค์กรชุมชนมีหลากหลายครอบคลุมกว่า 7,000 ตำบล ทั้ง 77 จังหวัด มีประชาชนที่เกี่ยวข้องในกระบวนการประมาณกว่า 10 ล้านคน มีการแก้ไขปัญหาร่วมกัน เช่น ปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัย ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การแก้ไขปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ  การแก้ไขปัญหาหนี้สิน ปัญหาด้านสิทธิมนุษยธรรม ปัญหาด้านการศึกษา ปัญหาความรุนแรงในสังคม การขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชน เป็นต้น

จุดยืนหลักของเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนและประชาสังคม คือการสนับสนุน ผลักดันให้ประชาชนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง ตามความหลากหลายของวิถีชีวิต วัฒนธรรม และภูมิปัญญาของท้องถิ่น เพื่อรักษาไว้ซึ่งสิทธิชุมชนในการสร้างความเป็นธรรมและเท่าเทียม อันเป็นอำนาจที่แท้จริงของประชาชนชาวไทย ขบวนองค์กรชุมชนจึงมีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในอันที่จะพัฒนาไปสู่ชุมชนเข้มแข็งจัดการตนเองได้ เพื่อเข้าไปมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศ  สร้างระบบประชาธิปไตย และระบบธรรมาภิบาลร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ อย่างมีศักดิ์ศรีและเท่าเทียม

ผลงานการขับเคลื่อนของเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนและประชาสังคม

1. การจัดตั้งสภาองค์กรชุมชน เป็นองค์กรที่จัดตั้งตาม พ.ร.บ. สภาองค์กรชุมชน พ.ศ. 2551 เพื่อให้เป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงองค์กรชุมชน และทุกภาคส่วนในตำบลมาทำงานแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในตำบล ปัจจุบัน ได้มีการจดแจ้งจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนตำบลแล้วประมาณ 7,795 ตำบล มีองค์กรชุมชนซึ่งจดแจ้งแล้วประมาณ 156,280 องค์กร ผู้แทนของชุมชนและผู้ทรงคุณวุฒิรวม 254,945 คน

2. การแก้ไขปัญหาความไม่มั่นคงในที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ทั้งในเมืองและชนบท ปัจจุบัน เกิดการสนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัย “โครงการบ้านมั่นคง” รวม 127,920 ครัวเรือน ใน 1,832 ชุมชน 77 จังหวัด ประกอบด้วย บ้านมั่นคงในพื้นที่เมือง 108,848 ครัวเรือน และพื้นที่ชนบท 19,072 ครัวเรือน

3. กลุ่มองค์กรชุมชนด้านสวัสดิการชุมชน ภายใต้หลักคิด “ให้อย่างมีคุณค่า รับอย่างมีศักดิ์ศรี” โดยรัฐร่วมสมทบเข้ากองทุนสวัสดิการชุมชนในอัตราเท่ากับที่ชุมชนสมทบ รวมทั้งการสมทบจากองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น คือ 1 : 1 : 1 ปัจจุบันมีกองทุนสวัสดิการชุมชนประมาณ 5,913 ตำบล (กองทุน) สมาชิก 4 ล้านคน เงินกองทุนประมาณ 20,412.35 ล้านบาท

4. กลุ่มองค์กรชุมชนด้านเศรษฐกิจราก คือ ระบบเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่นที่ต้องสามารถพึ่งตนเองเป็นระบบเศรษฐกิจที่มีคุณธรรม มีการช่วยเหลือเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน และเป็นระบบเศรษฐกิจที่เอื้อให้เกิดการพัฒนาทุกด้าน มีการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนตามแนวทางแผนธุรกิจเพื่อชุมชน (Community Business Model Canvas : CBMC) ทั้งด้านการผลิต แหล่งทุนสนับสนุน รวมถึงระบบการตลาด เทคโนโลยีดิจิทัล

5. การป้องกันและต่อต้านการทุจริตโดยการมีส่วนร่วมของเครือข่ายภาคประชาชนและองค์กรชุมชน : เปลี่ยนภาคประชาชนเป็นพลังพลเมือง โดยการมีส่วนร่วมของเครือข่ายภาคประชาชนและองค์กรชุมชนใน 17 จังหวัด 171 ตำบล 3,078 คน ในการหล่อหลอมพฤติกรรม “คน” ทุกกลุ่มในสังคมให้มีจิตสำนึกและพฤติกรรมยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต

ข้อเสนอต่อพรรคการเมือง

1.แก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนที่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ตั้ง สรร.ชุดใหม่จากการเลือกตั้งทั้งหมดสนับสนุนความเป็นอิสระของท้องถิ่น ให้ทุกจังหวัดที่มีความพร้อมสามารถเลือกตั้งผู้ว่าได้ เพิ่มงบประมาณให้กับท้องถิ่น ถ่ายโอนอำนาจให้ท้องถิ่นสามารถบริหารจัดการทรัพยากรของตนเองได้ เพิ่มอำนาจให้ท้องถิ่นสามารถจัดการกับภัยพิบัติทุกรูปแบบ

2. ปฏิรูปที่ของรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาสร้างที่อยู่อาศัยในโครงการบ้านมั่นคง เช่น ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้คนจนเมืองมีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานและสอดคล้องกับวิถีชีวิต

3.ปฏิรูประบบที่ดินทั้งประเทศ บังคับใช้ One Map เร่งรัดการพิสูจน์สิทธิ์ จัดตั้งธนาคารที่ดินขยายกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ประชาชน ผลักดันกฎหมายภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้าแบบรวมแปลง ปฏิรูปฐานข้อมูลที่ดินอย่างเป็นระบบ ออกโฉนดเอกสารสิทธิ์ให้กับเกษตรกร ดึงที่ดิน สปก ออกจากมือนายทุน พิสูจน์สิทธิ์ที่ดินทันที เพิกถอนสภาพที่ดินของรัฐที่ประกาศทับพื้นที่ชุมชนที่อยู่มาก่อน

4.พัฒนาการเกษตรของไทยอย่างเป็นระบบ ลดต้นทุนการผลิตในทุกมิติ พัฒนาคุณภาพและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ปลดล็อกกฎหมายที่ล้าหลัง เช่น ผลักดันสุราก้าวหน้า ตัดวงจรสินค้าเกษตรที่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เปลี่ยนเป็นประเทศเกษตรอินทรีย์อาหารปลอดภัยให้เพิ่มขึ้นปีละ 25 % ใช้เทคโนโลยีทำการเกษตรในทุกขั้นตอน ส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียวแบบครบวงจร

5.พรรคต้องประกาศนโยบายต่อต้านและกำจัดทุจริตทุกรูปแบบทั้งในภาคการเมือง ภาครัฐ และภาคเอกชน พรรคต้องไม่เสนอหรือแต่งตั้งให้บุคลากรของพรรคที่เคยและหรือเกี่ยวข้องกับการทุจริตและประพฤติมิชอบให้มีตำแหน่งทางการเมือง

6.จัดทำระบบการเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างทุกบาท ทุกขั้นตอน มีระบบการแจ้งเตือนการทุจริตโดยอัตโนมัติผ่านแอปฟลิเคชั่น พรรคต้องจัดให้มีกลไกและเครื่องมือในการติดตามและรายงานการดำเนินงานของรัฐบาล ฝ่ายนิติบัญญัติ หน่วยงานรัฐ ในกระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวกับปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรูปแบบต่อสาธารณะ

7.ต้องผลักดันให้สภาผ่านร่าง พรบ.ข้อมูลข่าวสาร ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ให้หน่วยงานของรัฐเปิดเผยข้อมูลโครงการและงบประมาณของหน่วยงานรัฐต่อสาธารณะ และประชาชนต้องเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย

การติดตามนโยบายของพรรคการเมืองหลังเลือกตั้ง

เครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนและประชาสังคมจะติดตามนโยบายเมื่อพรรคการเมืองได้เข้าร่วมรัฐบาล โดยวิธีการดังนี้

1.ยื่นหนังสือติดตามนโนบายที่เคยสัญญาไว้ก่อนการเลือกตั้ง

2.จัดขบวนไปทวงถามนโยบายที่เคยสัญญาไว้ก่อนการเลือกตั้ง ณ ทำเนียบรัฐบาล

3.การรณรงค์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เกิดการดำเนินการตามนโยบายที่ได้หาเสียงเอาไว้อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ด้อมส้วมดิ้น! 'เพนกวิน' ย้อนพรรคส้ม ไม่ควรฟ้องปิดปากประชาชน

นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ผู้ต้องหาคดี 112 ซึ่งหลบหนีออกไปต่างประเทศ โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาชนประกาศว่า จะดำเนินการฟ้องร้องประชาชน

'ดร.ณัฏฐ์' นักกฎหมายมหาชน ฟันธงตัวแปรรัฐบาลชิงยุบสภา ยังไม่เกิด

ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ “ดร.ณัฏฐ์” นักกฎหมายมหาชน กล่าวถึงกระแสข่าวฐบาลมีโอกาสชิงยุบสภา จะเกิดขึ้นก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

อึ้ง! ปชช. 57% ไม่เชื่อมั่นฝ่ายค้าน 'ไหม' โดดเด่นสุด 'เท้ง' รั้งอันดับ 9 'ป้อม' บ๊วย

โพลชี้ 'ศิริกัญญา' โดดเด่นสุด สส.ฝ่ายค้าน แซง 'หัวหน้าเท้ง' อยู่อันดับ 9 ตามคาด 'ลุงป้อม' รั้งท้าย อึ้ง! ประชาชนไม่เชื่อมั่นการทำงานฝ่ายค้านกว่า 57%

‘สุริยะใส’ จี้ทุกพรรคแสดงจุดยืน พื้นที่ทับซ้อนเกาะกูด ห่วงสถานการณ์ความขัดแย้งบานปลาย

ข้อพิพาทเกาะกูด ที่มีประเด็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลนั้น น่าเป็นห่วงสถานการณ์อาจบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งใหม่