เวทีดีเบตพัทยาสุดคึกคัก!!  'สุชาติ' ลั่น นโยบาย รทสช.เดินหน้าดูแลแรงงาน - หนุนเศรษฐกิจภาคตะวันออก

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2566 ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น กรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ขึ้นเวทีดีเบตนโยบายในภาคตะวันออกของพรรคการเมือง ซึ่งจัดขึ้นโดยเนชั่นทีวีที่ได้เชิญแกนนำพรรคการเมืองจาก 8 พรรคมาร่วมเวทีภายใต้โครงการ “Road to The Future : เลือกตั้ง 66 อนาคตประเทศไทย” ซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านเพจเฟสบุ๊คเนชั่นออนไลน์ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักถึงแม้ว่าบางช่วงจะมีฝนตกลงมาแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด มีกองเชียร์ของพรรคโดยเฉพาะชาวชลบุรีต่างให้ความสนใจเดินทางมารับฟังการดีเบตอย่างเนืองแน่นเต็มพื้นที่ด้านหน้าศาลาว่าการเมืองพัทยา

ในช่วงแรก นายสุชาติได้กล่าวถึงนโยบายของพรรค รทสช.ว่า ภาคตะวันออกเป็นพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ อีอีซี ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ทำเอาไว้ ที่ผ่านมาช่วงเกิดโควิด-19 ได้ประคับประคองอุตสาหกรรมส่งออกและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกตัวอย่างช่วงนั้น องค์การอนามัยโลก  (WHO) ได้มาพบตนที่กระทรวงแรงงาน ซึ่งได้ขอบคุณและชื่นชมที่กระทรวงแรงงาน ได้ทำโครงการแฟคทอรี่แซนบ็อก และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสภาอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งประเทศไทย เพิ่งตกลงโบนัสกัน โดยบริษัทยานยนต์หลายแห่งได้จ่ายโบนัสให้พนักงานสูงสุดถึง 8.5 เท่า ซึ่งเป็นผลพวงจากโครงการแฟคทอรี่แซนบ็อก

“อดีตเมื่อครั้งเกิดโควิด-19 ระบาด กระทรวงแรงงานได้เสนอ ครม. ขอทำโครงการดังกล่าว เพื่อตรวจคัดกรองโควิดแบบ RT-PCT 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าตรวจเจอนำไปรักษาใน Hospitel ที่ได้เช่าโรงแรมกว่า 50,000 ห้อง ให้แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ป่วยโควิดได้เข้าไปรักษาที่ Hospitel ของประกันสังคม นอกจากนี้ ยังฉีดวัคซีนโควิดจากกระทรวงสาธารณสุขให้แรงงานในสถานประกอบการเพื่อไม่ต้องปิดโรงงาน เดินตามหลักเศรษฐศาสตร์ควบคู่สาธารณสุขทำให้ประเทศไทยสามารถผลิตออเดอร์ส่งออกได้ตลอดเวลา ในขณะที่ประเทศอื่นผลิตไม่ได้ จนรัฐบาลสามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดจากประเทศเพื่อนบ้านที่ซัพพลายเชนปิด นอกจากนี้ อัตราว่างงานประเทศไทยต่ำสุดในโลกอยู่ที่ 1 เปอร์เซ็นต์ จากรายงานของ IMF เมื่อ 2 เดือนก่อน ซึ่งเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในไทย เกิดจากเรารักษาการจ้างงาน รัฐบาลให้เงิน SME หัวละ 3,000 บาท เรารักษาการจ้างงานไว้ 5.5 ล้านคน ภายในระยะเวลา 3 เดือนก่อนเปิดประเทศ อันนี้คือสิ่งหนึ่งที่เป็นเม็ดเงินในอีอีซีที่รัฐบาลช่วยอุดหนุน 1.9 หมื่นล้านบาท” นายสุชาติ กล่าว

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า กรณีการเปิดประเทศฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียในรอบ 32 ปี ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและทำสำเร็จในยุครัฐบาลที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ไปเปิดประเทศเพื่อส่งออกแรงงานไปทำงานในซาอุ ไม่ได้ไปเป็นกรรมกร แต่ส่งคนงานไปทำงานบนแท่นขุดเจาะน้ำมัน ที่มีเงินเดือนสูงถึง 7-8 หมื่นบาท วันนี้สิ่งที่ได้จากการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซาอุฯ ทำให้เรามีนักท่องเที่ยวบินเข้า
มาในประเทศไทยหลายเที่ยวบิน เกิดการจับจ่ายใช้สอยมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะรายได้จากการท่องเที่ยวในภาคตะวันออกด้วย และในส่วนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น โดยส่วนตัวซึ่งอยู่ในฝ่ายบริหารมองว่า ยังยึดมั่นในระบบไตรภาคี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมของเศรษฐกิจภูมิภาค จีดีพีรายได้ต่อหัวแต่ละจังหวัดด้วย

นายสุชาติ ยังกล่าวถึงสิ่งที่พรรค รทสช.จะทำเพื่อพี่น้องผู้ใช้แรงงานและพี่น้องประชาชนเมื่อกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง อาทิเช่น บัตรสวัสดิการพลัส จากเดิมที่เคยได้ 300 - 400 บาท จะเพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือน ภาคตะวันออกมีแรงงานภาคอุตสาหกรรมหลายล้านคน การผลักดัน พ.ร.บ.ประกันสังคม 3 ขอ ให้แล้วเสร็จ
และจะคืนเงินชราภาพผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 จำนวน 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเงินในส่วนนี้ไม่ใช่เงินของรัฐบาล แต่เป็นเงินของกองทุนประกันสังคม ให้ผู้ประกันตนได้นำไปใช้ก่อนได้ โรงพยาบาลประกันสังคมเพื่อความภาคภูมิใจของผู้ใช้แรงงาน รวมทั้งปรับเพิ่มเงินเลี้ยงดูแลบุตร จากเด็กแรกเกิดจนถึง 6 ขวบ จากเดิม 800 ปรับเป็น 1,000 บาท เพิ่มเงินชราภาพ อายุ 55 ปี เป็น 10,000 บาท ซึ่งนโยบายเหล่านี้พรรค รทสช.ได้คิดไว้ทั้งหมดแล้ว

ทั้งนี้ ในช่วงตอบคำถาม นายสุชาติได้ตอบคำถามในประเด็นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหานอมินีชาวต่างชาติและทุนสีเทา โดยมีแนวคิดว่า สิ่งหนึ่งที่ต้องทำได้นั้น อย่างแรกต้องรู้ว่า แหล่งทุนที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่นั้นมีแหล่งที่มาอย่างไร ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหานั้น ผู้นำท้องถิ่นท้องที่ต้องช่วยกันสอดส่องดูแล รวมทั้งการตรวจสอบบัญชีธนาคารต่าง ๆ เพื่อเอานอมินีตัวจริงของแหล่งทุนต่างๆ ที่กระทำผิดมาลงโทษ เชื่อว่าหากเจ้าหน้าที่เคร่งครัดในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ถูกต้อง และให้ความเป็นธรรม ก็จะสามารถป้องกันการเล็ดลอดของผู้กระทำความผิดปัญหาดังกล่าวไปได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ธนกร' หนุนรัฐบาลเร่งปราบนอมินี ธุรกิจอำพรางคนต่างด้าว แนะตั้ง KPI ประกบเห็นผลชัดใน 3 เดือน

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า หลังจากมีคนต่างชาติลักลอบเข้ามา ประกอบธุรกิจต่างๆทั้งการขายสินค้าโรงงาน ร้านอาหาร และธุรกิจอื่นๆ หลายย่านในกรุงเทพฯ

'ธนกร' จี้ กกต. คุมเข้มเลือกตั้งนายก อบจ. ปูด 'เมืองคอน' เริ่มซื้อเสียง

'ธนกร' จี้ กกต. คุมเข้มหาเสียงเลือกตั้ง อบจ. หลายจังหวัด แนะทำงานเชิงรุก จับตา 'เมืองคอน' สู้ดุเดือด ชาวบ้านแจ้งเรียกเก็บบัตรประชาชนหลายพื้นที่ ขอตรวจสอบเข้มโปร่งใส

'สุชาติ' ยึดหลัก 'ฝ่าทุกวิกฤต ด้วยวิธีคิดนอกกรอบ' มอบแนวทางประสบความสำเร็จว่าที่ด๊อกเตอร์ม.นอร์ทกรุงเทพ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้บรรยายในงานสัมมนาวิชาการระดับชาติ ”นวัตกรรมองค์การและการบริหารทรัพยากรบุคคล“

'ธนกร' หนุนถอยคนละก้าว ใช้เกณฑ์เสียงข้างมากชั้นครึ่ง สส.-สว.ถกร่างประชามติ

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า หลังการประชุมทั้งกมธ. สส.และสว. ที่ยังมีความคิดเห็นแตกต่างกันเรื่องสว.ยืนกรานทำประชามติ 2 ชั้น แต่สส.เห็นควรปรับให้กึ่งกลางเหลือแค่ชั้นครึ่ง

ไทย-ตุรกี ชื่นมื่น รมช. สุชาติ จับมือ รมช. การค้าตุรกี ผลักดันเจรจา FTA ต่อ เพื่อสานสัมพันธ์การค้าการลงทุน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนได้พบหารือทวิภาคีกับนายมุสตาฟา ตุซคู (H.E. Mr. Mustafa Tuzcu) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าสาธารณรัฐตุรกี ในห้วงการเดินทางเยือนตุรกี เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการถาวรว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า

“รมช. สุชาติ” ร่วมเวทีครบรอบ 40 ปี COMCEC กระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับโลกมุสลิม มุ่งส่งเสริมการค้าผ่านระบบดิจิทัล

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมประชุม COMCEC ครั้งที่ 40 ณ นครอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า มุ่งกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศมุสลิม