ดร.กมล รอดคล้าย คณะทำงานยุทธศาสตร์ด้านการศึกษา พรรคภูมิใจไทย กล่าวผ่านรายการ “พรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ” เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก ยูทูป และ TikTok พรรคภูมิใจไทย ถึงนโยบายสร้างนักธุรกิจดิจิทัล ของพรรคภูมิใจไทย ว่า วันนี้ปัญหาของคนไทย และคนทั้งโลกคือ ปัญหาเรื่องปากท้อง เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ และเรื่องของอาชีพ เพราะว่าสถานการณ์ปัญหาจากโควิด-19 ที่สืบเนื่องมา รวมไปถึงว่าภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งเรื่องสงคราม ปัญหาเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และอื่นๆ ที่กระทบต่อการใช้ชีวิต และการสร้างรายได้ของพี่น้องประชาชน
พรรคภูมิใจไทย มีหลักคิดว่า เราไม่ได้แจกเงิน ไม่ได้ให้ปลาแก่ชาวบ้าน แต่เราจะให้เครื่องมือ ให้เขาไปจับปลา ให้เครื่องมือให้เขาไปหารายได้ โดยการสร้างนักธุรกิจดิจิทัล ใช้ระบบออนไลน์เข้ามาผสมผสาน ที่เป็นการสร้างนักธุรกิจดิจิทัลโดยใช้เงินลงทุนไม่มาก และเป็นอาชีพที่สามารถที่จะแพร่หลายไปยังประชาชนทั่วประเทศ
.
ดร.กมล กล่าวต่อว่า ช่วงที่ พรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐบาลที่ผ่านมา เราทำสิ่งเหล่านี้สำเร็จมาแล้ว โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการของพรรคภูมิใจไทย ที่ได้ดูแลงานของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน รวมไปถึงการศึกษาอาชีพต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เราได้ทำโครงการ กศน. WOW ที่ทำให้ศูนย์ กศน.ทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด มีสิ่งดีๆ ตั้งแต่ Good Place เข้าไปแล้วสวยงาม, Good Teacher มีครูที่เก่งๆ, Good Activities มีกิจกรรมสอนอาชีพต่างๆ, Good Innovation ทำสินค้าโฆษณา กศน.แล้วขายผ่านตลาดออนไลน์, Good Co-Learning Space ห้องสมุดที่ปรับเปลี่ยนให้ทันสมัย มีกิจกรรมต่างๆ ในห้องสมุด เปิดให้บริการถึงห้าทุ่มเที่ยงคืน และ Good Partnership มีองค์กรต่างๆ ทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมการจัดการศึกษา
.
“สิ่งที่เราได้จากโครงการ กศน. WOW ทำให้เราคิดว่า จะขับเคลื่อนต่ออย่างไรให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด โดยมองที่การสร้างรายได้ให้กับประชาชน ก็คือ การสร้างอาชีพ และมองว่าคนไทยสนใจอาชีพที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล” ดร.กมล กล่าว
.
ดร.กมล กล่าวอีกว่า การพัฒนานักธุรกิจดิจิทัลของพรรคภูมิใจไทย ทั้งหมด 10 ด้าน เราเตรียมการว่า เราจะพัฒนาให้ได้อย่างน้อย 9 ล้านคน ในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ โดนประเทศไทยมีประมาณ 7 พันตำบล เราจะพัฒนาอย่างน้อยตำบลละ 1 พันคน กระบวนการจัดการของเราก็คือ ให้มหาวิทยาลัยต่างๆ เสนอตัวเพื่อจะเปิดสอนในหลักสูตร 10 สาขา ในทั่วประเทศ แล้วรัฐจัดเงินสนับสนุนครึ่งหนึ่งไปให้สถาบันการศึกษาในการจัดการเรียนการสอน อีกครึ่งหนึ่งให้กับผู้เรียนเพื่อนำไปใช้ในการประกอบธุรกิจ หรือเริ่มกิจการตัวเองในลักษณะของ Start Up โดยจะแบ่งคนเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เป็นคนที่อยู่ในหมู่บ้านหรือในตำบลต่างๆ ที่สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ ไปแปลงสิ่งที่เขาเคยทำอยู่ให้เป็นอาชีพที่ทันสมัยขึ้น เช่นเกษตรกรปรับตัวเองเป็น Smart Farming สามารถขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น กับกลุ่มคนที่เรียนในมหาวิทยาลัย หรือเรียนในสถาบันการศึกษา ที่นอกจากนำไปประกอบอาชีพได้แล้ว ยังสามารถเก็บหน่วยกิตนำไปเพื่อเก็บไว้ในธนาคารหน่วยกิต (Credit Bamk) สามารถเทียบโอนผลการเรียนในอนาคตได้อีก
.
“เชื่อว่าหลังจากเราทำเรื่องนี้ ฐานเศรษฐกิจของประเทศจะเปลี่ยนแปลงไป คนที่มีความเชี่ยวชาญระบบออนไลน์ 9 ล้านคนทั่วประเทศไทย จะนำพาไปสู่การสร้างรายได้ให้กับตัวเขาเองต่อพี่น้องประชาชนที่อยู่รอบข้าง รวมไปถึงสังคมที่เขาอยู่ นี่คือภาพที่ พรรคภูมิใจไทย อยากเห็นและเราเชื่อว่า 4 ปีต่อจากนี้ เราจะสามารถทำสิ่งเหล่านี้ให้ประสบความสำเร็จได้” ดร.กมล กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ทักษิณ' แจงไปตีกอล์ฟ ไม่มีอะไรต้องเคลียร์ 'อนุทิน' เป็นเรื่องธรรมดาลิ้นกับฟัน
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปรากฎภาพตีกอล์ฟร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสารัชถ์ รัตนาวะดี
'อนุทิน' ขอบคุณสื่อตั้งฉายา ภูมิใจทำประโยชน์บ้านเมือง ปัดขวางใคร อุ้ม 2 รมต.โลกลืม
'อนุทิน' น้อมรับฉายาสื่อทำเนียบฯ ลั่นภูมิใจทำประโยชน์ให้บ้านเมือง ไม่ได้คิดขวางใคร อวย 'แพทองธาร' ตั้งใจทำงาน แจงแทน 2 รมต.โลกลืม 'เพิ่มพูน' พูดน้อยแต่ผลงานอื้อ
'รัฐบาลพ่อเลี้ยง' ฉายารัฐบาลปี67 นายกฯ'แพทองโพย' อนุทิน'ภูมิใจขวาง' วาทะแห่งปี'สามีเป็นคนใต้'
สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายาปี 67 'รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง' ส่วนฉายานายกฯ 'แพทองโพย' 7 รมต.ติดโผ 'บิ๊กอ้วน-อนุทิน-ทวี' พ่วง 3 รมต.โลกลืม
ไม่ใช่อีแอบแล้ว แนวทางชัดขนาดนี้! 'สุขุม' อ่านเกม 'ภูมิใจไทย' ปมโหวตประชามติแก้ รธน.
ต่อประเด็นเรื่องการโหวตประชามติแก้ไข รธน. ที่พรรคภูมิใจไทย โหวตต่างจากพรรคแกนนำรัฐบาล ขณะที่พรรคร่วมบางพรรค ไม่ร่วมโหวต ซึ่งทาง สส.เพื่อไทย มองเป็นอีแอบ
'ทักษิณ' ขออย่าสนใจ 'อีแอบ' ยันคุยกับ 'ภูมิใจไทย' อยู่ตลอด
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยตบไหล่ผู้สื่อข่าว พร้อมกล่าวว่า “เดี๋ยวไว้เราเจอกันที่เชียงใหม่”