อธิบดีกรมการจัดหางาน เผยรายได้ที่แรงงานไทยในต่างประเทศกว่า 1 แสนคน ส่งกลับประเทศผ่านระบบธนาคารแห่งประเทศไทย ในปี 2565 และ 2566 ยอดรวม 2 ปี สร้างรายได้เข้าประเทศ 299,077 ล้านบาท
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด คลี่คลาย กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกกลับมาสู่สภาพปกติ ตลาดแรงงานในต่างประเทศ มีความต้องการแรงงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งแรงงานไทยโดยเฉพาะแรงงานประเภทฝีมือ และกึ่งฝีมือนับเป็นแรงงานคุณภาพที่นายจ้างในต่างประเทศต้องการตัว เนื่องจากแรงงานไทยมีทักษะฝีมือดี ขยัน มีน้ำใจ จนเป็นที่ยอมรับ โดยในปี 2565 และปี 2566 กรมการจัดหางานมีการอนุญาตให้แรงงานไทยเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ทั้งสิ้น 113,186 คน แยกเป็นปี 2565 จำนวน 88,164 คน และปี 2566 (ณ เดือนมีนาคม)จำนวน 25,022 คน โดยประเทศที่แรงงานไทยเดินทางไปทำงานมากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ ไต้หวัน สาธารณรัฐเกาหลี อิสราเอล ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ตามลำดับ ซึ่งรายได้ที่แรงงานไทยในต่างประเทศส่งกลับบ้าน ผ่านระบบธนาคารแห่งประเทศไทย มีมูลค่าถึง 299,077 ล้านบาท
อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวต่อไปว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กรมการจัดหางานมีเป้าหมายจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ จำนวน 50,000 คน โดยมุ่งเน้นรักษาตลาดแรงงานเดิม ด้วยการส่งเสริมการจ้างงานอย่างต่อเนื่องกับงานภาคเกษตรในรัฐอิสราเอล ภายใต้โครงการ “ความร่วมมือไทย-อิสราเอล เพื่อการจัดหางาน (TIC) งานภาคอุตสาหกรรมในประเทศญี่ปุ่น ผ่านองค์กร IM JAPAN และงานภาคก่อสร้าง อุตสาหกรรม และการเกษตรในสาธารณรัฐเกาหลี ผ่านระบบ EPS ควบคู่การขยายตลาดแรงงานใหม่ที่มีแนวโน้มความต้องการแรงงานไทย อาทิ งานเกษตรตามฤดูกาลในสาธารณรัฐเกาหลี งานภาคก่อสร้างในอิสราเอล งานภาคก่อสร้างและภาคบริการทางการแพทย์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ ในซาอุดีอาระเบีย เพื่อเพิ่มโอกาสการมีอาชีพ มีรายได้ ให้พี่น้องแรงงานไทย ลดปัญหาการว่างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจ และนำเงินกลับเข้าประเทศไทย
ทั้งนี้ แรงงานไทยที่ต้องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 -10 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน 1694 หรือเว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ doe.go.th/overseas โดยขอย้ำให้แรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศด้วยวิธีที่ถูกกฎหมายเท่านั้น เพราะจะทำให้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ได้ค่าจ้างที่เหมาะสม และยังได้รับการดูแลที่ดีตามสิทธิที่พึงมีด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘พิพัฒน์‘ ลุยพอร์ตมัจฉานุท่าเรือซุปเปอร์ยอร์ชใหญ่สุดในเอเชีย สร้างแรงงานในธุรกิจเรือรายได้สูง รองรับฮับท่องเที่ยวระดับโลกฝั่งอันดามัน
วันที่ 9 มกราคม 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวแสดงความยินดีในพิธีเปิดงานมหกรรมแสดงเรือนานาชาติแห่งประเทศไทย ลักซ์ซูรี่ไลฟ์สไตล์ ประจำปี 2568
ประกันสังคม เตือนนายจ้าง อย่าลืม!! ชำระเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนประจำปี 2568 ภายในวันที่ 31 มกราคม 2568 และรายงานค่าจ้างประจำปี 2567 ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568
นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานประกันสังคมมีการจัดเก็บเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนจากนายจ้างเป็นรายปี โดยได้จัดส่งใบประเมินเงินสมทบประจำปี 2568 พร้อมแบบแสดงเงินค่าจ้างประจำปี 2567 ให้นายจ้างทั่วประเทศ เมื่อเดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา
"สิรภพ" เตรียมจัดกิจกรรม เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ เดิน-วิ่ง-ไถ “Child Run for Orphan Friends 2025 เพื่อเพื่อนกำพร้า” ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาและสุขภาพแก่เยาวชนใน อ.เบตง
นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานศูนย์ประสานงานกิจกรรมกลางแจ้ง อำเภอเบตง จ.ยะลา เตรียมจัดงาน เดิน-วิ่ง-ไถ “Child Run for Orphan Friends 2025 วิ่งเพื่อเพื่อนกำพร้า”
ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ร่วมกับ REV RUNNR มอบรองเท้ากีฬาให้ ม.อ.ปัตตานี กว่า 1,200 คู่ เพื่อส่งเสริมกีฬาและการศึกษา พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนรอบข้าง
นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ผู้ริเริ่มและประสานงานโครงการกีฬาและการศึกษา เป็นผู้แทนบริษัท REV RUNNR ในเครือบริษัท เรฟ อีดิชั่น จำกัด มอบรองเท้ากีฬาจำนวน 1,195 คู่ มูลค่า 1,070,000
ประกันสังคม มอบเงินช่วยเหลือ ผู้รับเหมา ผู้ประกันตนที่เสียชีวิตเหตุอาคารถล่ม ปราจีนบุรี แล้ว “พิพัฒน์” กำชับดูแลสิทธิประโยชน์ให้ทายาท
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กำชับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ เหตุการณ์อาคารโรงงานถล่มในนิคมอุตสาหกรรม อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี วันที่ 30 ธันวาคม 2567 ทับคนงานของผู้รับเหมาที่กำลังปฏิบัติงาน เสียชีวิต 5 ราย พร้อมมอบให้สำนักงานประกันสังคม