การแบ่งเกรดโครโมโซมตัวอ่อนดีต่อการตั้งครรภ์อย่างไร?

การตั้งครรภ์ไม่ใช่ทั้งเรื่องง่ายและเรื่องยาก เพราะมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการใช้ชีวิต สุขภาพร่างกายของทั้งตัวผู้ชายและผู้หญิง รวมถึงความแข็งแรงของน้ำและรังไข่ ซึ่งล้วนส่งผลต่อความเป็นไปได้ที่จะตั้งครรภ์ ซึ่งในปัจจุบัน คู่รักหลายคู่ที่มีปัญหาสุขภาพ ตั้งครรภ์ได้ยาก การเลือกใช้วิธีผสมเทียมเด็กหลอดแก้ว เป็นอีกเทคโนโลยีที่ช่วยให้ตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งในขั้นตอนการผสมเทียม คุณหมอหรือคู่รักเองอาจไม่แน่ใจถึงคุณภาพของยีนส์ตัวอ่อนที่เกิดขึ้น ดังนั้นการเลือกใช้บริการตรวจ PGT-M หรือการแบ่งเกรดโครโมโซมตัวอ่อนก่อนการฝังตัวอ่อน เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงอาการและโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับทารกเกิดใหม่ได้ วันนี้จะพาไปทำความรู้จักกับตรวจ PGT-M การแบ่งเกรดโครโมโซมตัวอ่อน คืออะไร มีข้อดีอย่างไร ตามมาดูกันได้ที่นี่เลย

จะเห็นได้ว่า ในปัจจุบันมีเทคนิคการผสมเทียมหรือการทำเด็กหลอดแก้ว เพื่อสำหรับคู่รักที่มีปัญหาสุขภาพ ที่ทำให้มีลูกยาก ดังนั้นการเลือกใช้วิธีการผสมเทียมจึงเป็นอีกทางเลือกยอดนิยม ที่สามารถทำให้เกิดการตั้งครรภ์ที่ง่ายขึ้นได้ ซึ่งก่อนการผสมเทียม จะมีอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ได้ตัวอ่อนที่มีคุณภาพได้ นั้นก็คือ ขั้นการแบ่งเกรดโครโมโซมตัวอ่อน หรือการตรวจ PGT-M นั่นเอง

การตรวจ PGT-M คืออะไร?

ตรวจ PGT-M เป็นขั้นตอนการแบ่งเกรดโครโมโซมตัวอ่อนก่อนการฝังตัวอ่อน ซึ่งจะได้หลังจากที่ไข่ได้ผสมกับสเปิร์มแล้วจะเกิดตัวอ่อนขึ้น ซึ่งคุณหมอจะทำตัวอ่อนเหล่านี้ไปเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ และทำการเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด เพื่อดูการพัฒนาการของตัวอ่อนเหล่านี้ ซึ่งอาจใช้เวลาในการดูถึง 5-6 วัน หลังจากนั้นจะทำการแบ่งเกรดโครโมโซมตัวอ่อนที่มีความแข็งแรง และมีความสมบูรณ์มากที่สุด เพื่อทำการย้ายกลับเข้าสู่มดลูก และเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ต่อไป

ตัวอ่อนที่ดี ช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้

การแบ่งเกรดโครโมโซมตัวอ่อนเป็นขั้นตอนสำคัญที่คุณหมอจะเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด โดยจะเฝ้ามองในระยะต่อวัน แล้วคัดเลือกด้วยการตรวจลึกไปถึงระดับโครโมโซม ว่ามีโครโมโซมคู่ไหนที่มีความผิดปกติ จนไม่สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้อีก แล้วทำการคัดออก เพื่อให้เหลือแค่ตัวอ่อนที่มีความสมบูรณ์แข็งแรง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์สูงขึ้น 60-80 %

การแบ่งเกรดโครโมโซมตัวอ่อนดีต่อการตั้งครรภ์อย่างไร?

• เพื่อรับรู้ถึงความผิดปกติของตัวอ่อนก่อนทำการฝังตัวในมดลูก
• ช่วยลดความเสี่ยงที่ทารกในครรภ์จะมีโอกาสผิดปกติ
• ช่วยป้องกันการเกิดโรคทางพันธุกรรมในทารกได้ 
• ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาโรคทางพันธุกรรม
• ช่วยให้สามารถเลือกตัวอ่อนที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงได้
• ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์สูงขึ้น 60-80 %