"กัลฟ์"สานต่อ GULF Sparks Smiles มอบรอยยิ้มสดใสให้ชุมชนยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

ปัญหาสุขภาพช่องปากของคนไทย เป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่มักถูกมองข้าม ยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และวิกฤติทางเศรษฐกิจ  ส่งผลให้ปริมาณของผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพฟันมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงนำไปสู่จุดเริ่มต้นของการร่วมมือระหว่าง บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ กัลฟ์ และ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำโครงการ “GULF Sparks Smiles มอบรอยยิ้มสดใสให้ชุมชน” ขึ้น

แต่ในช่วงปี 2563 การแพร่ระบาดของดควิด-19 ยังอยุ่ในช่วงวิกฤติทำให้การรักษาด้านทันตกรรมหยุดชะงักไป ดังนั้นได้มีการเริ่ม"โครงการออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่" เพื่อลงพื้นที่ไปยังชุมชนที่ไม่สามารถเข้าถึงการตรวจรักษาปัญหาสุขภาพช่องปากที่มีประสิทธิภาพได้ และให้บริการรักษาทางทันตกรรมให้กับคนในชุมชน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมถึงมีตัวแทนอาสาสมัครให้ความรู้ด้านทันตสุขศึกษา เพื่อช่วยส่งเสริมให้เกิดการรักษาสุขภาพช่องปากอย่างยั่งยืน  นอกจากนี้ กัลฟ์ ยังได้บริจาคเครื่องดูดน้ำลายความแรงสูง High Power Suction จำนวน10 เครื่อง ให้กับทางคณะทันตะ จุฬาฯ เพื่อให้การออกหน่วยเคลื่อนที่เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ที่จะต้องทำการรักษาแบบ New Normal

สำหรับในปี 2565 นี้ กัลฟ์ และ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้สานต่อโครงการออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ “GULF Sparks Smiles มอบรอยยิ้มสดใสให้ชุมชน” ปีที่ 2 เพื่อขยายขอบเขตโครงการฯ ไปยังพื้นที่อื่นๆ เพิ่มเติมอีก 3 หน่วย ได้แก่ หน่วยที่ 1 เขตบางขุนเทียน จัดขึ้นในวันที่ 19 ต.ค.65, หน่วยที่ 2 เขตหนองจอก จัดขึ้นในวันที่ 9 พ.ย.65 และ หน่วยที่ 3 เขตลาดกระบัง จัดขึ้นในวันที่ 23 พ.ย.65 ซึ่งพื้นที่ที่ทางโครงการฯ ได้เลือกมานั้นเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ มีประชาชนอาศัยอยู่เยอะ แต่ยังขาดแคลนในเรื่องของความสามารถในการเข้าถึงการรักษาทางทันตสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ

ดังนั้น เพื่อให้การรักษาครอบคลุมไปยังชุมชนที่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มอย่างแท้จริง โดยโครงการฯ จะให้บริการตรวจรักษาปัญหาสุขภาพช่องปากในเบื้องต้น อาทิ อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน เคลือบฟลูออไรด์ และเอ็กซเรย์ รวมไปถึงทันตกรรมที่ซับซ้อนอย่างการผ่าฟันคุด จากทีมทันตแพทย์ที่มากประสบการณ์ ซึ่งสามารถให้บริการผู้ป่วยได้ถึง 200 คน/วัน

สิ่งที่สะท้อนความสำเร็จของโครงการ GULF Sparks Smiles มอบรอยยิ้มสดใสให้ชุมชน ไม่ใช่เพียงการลดความเหลื่อมล้ำให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้รับการรักษาทางทันตกรรมที่มีประสิทธิภาพอย่างเท่าเทียมเท่านั้น แต่ยังเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปได้ตระหนักถึงความสำคัญและกระบวนการในการรักษาฟันมากยิ่งขึ้น เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการลดปัญหาโรคร้ายแรงที่เกิดจากสุขภาพช่องปากได้  และยังเป็นการส่งต่อแรงบันดาลใจและมอบประสบการณ์ที่หาได้ยากให้กับเยาวชนที่สนใจและอยากเข้าศึกษาในคณะทันตแพทยศาสตร์ ได้มีโอกาสมาเป็นอาสาสมัครผู้ช่วยทันตแพทย์ในโครงการฯ นี้อีกด้วย สะท้อนถึงพันธกิจของกัลฟ์ภายใต้แนวคิด “Powering the Future, Empowering the People” ที่มุ่งดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมอย่างยั่งยืน

สามารถติดตามข่าวสารและข้อมูลของโครงการดีๆ จากกัลฟ์ได้ทางเฟสบุ๊คแฟนเพจ Gulf Spark ที่ https://www.facebook.com/GulfSPARK.TH/

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘กัลฟ์’ ผนึก ‘ทันตะ จุฬาฯ’ เดินหน้าโครงการ GULF Sparks Smiles ปี 4 พร้อมให้บริการทำฟันฟรีส่งท้ายปี วันที่ 17 ต.ค. ที่ คณะทันตะ จุฬาฯ

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ กัลฟ์ ร่วมมือกับ คณะทันตแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมเดินหน้าให้บริการหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่

GULF Sparks Smiles มอบรอยยิ้มสดใสเพื่อชุมชน ปี 4 กลับมาอีกครั้ง 14 มี.ค.นี้ พร้อมออกหน่วยพิเศษเพื่อผู้พิการทางสายตาที่โรงเรียนสอนคนตาบอด กรุงเทพฯ

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ กัลฟ์ ร่วมมือกับ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ทสท.รับทำข้อมูลพลาด ปมกล่าวหากัลฟ์ทำค่าไฟแพง

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 66 นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส - Treerat Sirichantaropas ระบุว่า

กัลฟ์ จับมือ ทันตะ จุฬา สานต่อโครงการ GULF Sparks Smiles ปี 3 เปิดตัวหน่วยทันตกรรมแรกเพื่อกลุ่มผู้พิการทางสายตา

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สานต่อโครงการออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่

กัลฟ์ มอบเงิน 55 ล้านบาท สนับสนุนการสร้าง “ศูนย์ไตเทียม” แก่รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ

เนื่องจากสถานการณ์ที่ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคไตที่จําเป็นต้องได้รับการฟอกไตเพิ่มมากขึ้นทุกปี การได้เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่เท่าเทียมและได้มาตรฐานจึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย