กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) ได้จ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลา 9 ปี จนมาถึงวันครบกำหนดวันซื้อขายหน่วยลงทุนวันสุดท้ายในวันที่ 6 ธันวาคม 2565 กองทุน ABPIF ถือเป็นการระดมเงินผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานธุรกิจไฟฟ้าเอกชนแรกของประเทศไทย โดย บี.กริม เพาเวอร์ ยังคงมุ่งมั่นรักษาความแข็งแกร่งทางการเงิน บริหารจัดการด้านแหล่งเงินทุนควบคู่กับการขยายธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยที่ผ่านมาได้บุกเบิกการออกหุ้นกู้สีเขียว (Green Bond) เป็นรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองโดย Climate Bonds Initiative และ เงินกู้สีเขียว (Green Loan) เป็นรายแรกในประเทศไทยและภูมิภาค CLMV ที่ได้รับการรับรองโดย Climate Bonds Initiative
โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 11 และโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 2 ได้ดำเนินธุรกิจเพื่อสนับสนุนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมมายาวนานมากกว่า 20 ปี ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน และมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมายาวนาน มีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ ABPIF อย่างสม่ำเสมอด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 6.69% ต่อปี ในช่วงระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา โดย สัญญาโอนผลประโยชน์ของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 2 ได้สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2565
กองทุน ABPIF ได้มาถึงวันสุดท้ายของการซื้อขายหลักทรัพย์ ในวันที่ 6 ธันวาคม 2565 จะมีการขึ้นเครื่องหมายห้ามการซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมในวันที่ 7 ธันวาคม 2565 โดยวันที่ 9 ธันวาคม 2565 เป็นวันปิดสมุดทะเบียน (Book Closing) เพื่อกำหนดสิทธิผู้ถือหน่วยลงทุนที่จะมีสิทธิได้รับเงินคืนจากการลดทุน (XN) จำนวน 0.5436 บาท (และมีกำหนดการจ่ายเงิน วันที่ 22 ธันวาคม 2565) โดยวันที่เพิกถอนหน่วยลงทุนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน คือวันที่ 10 ธันวาคม 2565 (หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับกองทุนรวม ABPIF โปรดติดต่อ โทร 0-2673-3999 โทรสาร 0-2673-3988 E-mail : [email protected] ในระหว่างเวลาทำการ 08.30 – 17.00 น.)
โดยนับตั้งแต่กองทุน ABPIF จัดตั้ง มีการจ่ายส่วนลดเงินทุนจดทะเบียน 18 ครั้ง (รวมครั้งนี้) รวมเป็นเงิน 9.6176 บาทต่อหน่วย และจ่ายปันผล 17 ครั้ง รวมเป็นเงิน 4.5689 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นจำนวนรวม ณ สิ้นสุดวันที่ 22 ธันวาคม 2565 ที่ 14.1865 บาทต่อหน่วย
ทางบริษัทอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 และ บริษัทอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 2 ขอขอบคุณผู้ถือหน่วยลงทุน ABPIF ทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนและให้ความเชื่อมั่นมาโดยตลอดระยะเวลา 9 ปี เราจะมุ่งมั่นและตั้งใจในการพัฒนาศักยภาพขององค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้ปรัชญาการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารีที่ยึดถือมามากกว่า 144 ปี
1 สัญญาโอนผลประโยชน์ของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 สิ้นสุดลงในวันที่ 16 ก.ย. 62
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บี.กริม เพาเวอร์ ผนึก ม.ธรรมศาสตร์ ลงนาม MOU ต่อยอดและพัฒนาโครงการพลังงานทดแทน
บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU)
บี.กริม เพาเวอร์ ผนึก “ราช กรุ๊ป” และ Lao World Engineering and Construction ลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซกอง ใน สปป.ลาว
กรุงเทพฯ - บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าขยายธุรกิจพลังงานทดแทน ล่าสุดร่วมกับ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (“สปป. ลาว”) เดินหน้าตามยุทธศาสตร์
บี.กริม เพาเวอร์ ทุ่มงบฯกว่า 400 ล้านบาท ลงทุน “โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์” ในสาธารณรัฐเกาหลี
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า
บี.กริม เพาเวอร์ โรงเรียนจิตรลดาวิชาชีพและมูลนิธิคีนันแห่งเอเชีย ร่วมลงนามความร่วมมือในโครงการ SKILLS4TECH
คุณเกรียงไกร อยู่ยืน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคล บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) รองศาสตราจารย์ ดร.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา
บี.กริม เพาเวอร์ พานักลงทุนดูงานโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ ระยอง และ บี.กริม คันทรี คลับ
บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM จัดทริปพิเศษพานักลงทุน บี.กริม เพาเวอร์ กว่า 30 ท่าน เข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานภายในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง)
บี.กริม เพาเวอร์ กดปุ่ม COD โรงไฟฟ้า อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 กำลังผลิต 140 เมกะวัตต์ รุกขายไฟฟ้าให้ กฟผ. และกลุ่มอุตสาหกรรม รองรับ EEC
บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 จำกัด บริษัทย่อยของ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM (ถือหุ้น 50.7%) ประกาศเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 (ABP1R)