"เสนา"ปักหมุดพัฒนาบ้านรักษ์โลกปี'66 ตอบโจทย์ลดค่าครองชีพ-หนุนNet Zero

กระแสการตื่นตัวที่สังคมพูดถึงมากเป็นอันดับต้นๆ คือปัญหาด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
เพราะทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและธรรมชาติ เทรนด์การอยู่อาศัยในยุคนี้จึงต้องให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในระยะยาวกันมากขึ้น เน้นรักษ์สิ่งแวดล้อมประหยัดพลังงานและดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ทำให้ตลาดอสังหาฯ ในยุคนี้ ต้องมีการปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ประกอบกับองค์กรภาคเอกชน ต้องมีเป้าหมายพัฒนาธุรกิจตอบโจทย์เรื่องความ "ยั่งยืน" (Sustainability) โดยเฉพาะการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ซึ่งเป็นก้าวที่สำคัญ ที่ทุกฝ่ายต่างมุ่งไปสู่การแก้ปัญหากับการที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) โดยหนึ่งในประเด็นที่สำคัญ การที่ไทยที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ต้นทุนการดำรงชีวิตสูงขึ้น ดังนั้นหากทุกคนสามารถผลิตพลังงานใช้เองได้ นับเป็นหนทางการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ในยุคปัจจุบันและอนาคต โดยการใช้แหล่งพลังงานจากธรรมชาติ ที่มีอยู่อย่างไม่จำกัด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับประเทศ

บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ในฐานะ Developer รายแรกที่ทำหมู่บ้านโซลาร์เต็มรูปแบบ ได้นำปัญหาและมองถึงวิธีแก้ปัญหามาต่อยอดธุรกิจ ด้วยการผลักดันโมเดล นวัตกรรมบ้านพลังงานเป็นศูนย์ หรือ ZEH (Zero Energy Housing) บ้านที่จะมาตอบโจทย์และลดข้อจำกัดของลูกค้าในเรื่องของค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งกระทบต่อรายได้ และความเป็นอยู่โดยเฉพาะผู้ใช้ไฟบ้านท่ามกลางค่าครองชีพที่เป็นขาขึ้น และขับเคลื่อนเป้าหมายของไทยในการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ปี ค.ศ.2050 และ Net Zero Emission ปี ค.ศ.2065

"โมเดล ZEH นั้น คือ การใช้ไฟในชีวิตประจำวันในรอบ 1 ปีเข้าใกล้ศูนย์หรือน้อยกว่าศูนย์ หรือพูดง่ายๆ ว่าใช้ไฟทั้งปีโดยไม่ต้องจ่ายค่าไฟเลย นี่คือหลักคิดสำคัญซึ่งนับเป็นโจทย์ที่ยากเพื่อไปสู่จุดมุ่งหมาย Net Zero Housing แต่ความตั้งใจของเราคือต้องเริ่มทำกันตั้งแต่วันนี้แม้ว่าตัวช่วยอื่นๆ อาจจะยังไม่มีก็ตาม เพราะเราเห็นถึงความเป็นไปได้ และเราต้องทำให้มันเป็นวิทยาศาสตร์มากที่สุด" ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์" กรรมการผู้จัดการเสนา กล่าว

สำหรับโมเดล ZEH เป็นนวัตกรรมของประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ซึ่งเป็นพันธมิตรกันมายาวนานนับ 7 ปี จะมีส่วนสำคัญในการตอบโจทย์เป้าหมายในอนาคตของเสนาฯ ที่มุ่งดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อความยั่งยืนขององค์กรและโลกที่ยังคงสภาพเดิม ดังนั้นหลักคิด ZEH ที่นำมาปรับใช้จะต้องมีการออกแบบบ้านให้ระบายความร้อนได้ดี ใช้ไฟฟ้าอย่างอัจฉริยะ ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น ระบบสมาร์ทโฮม หรือระบบเซ็นเชอร์มาใช้ รวมไปถึงการผลิตไฟฟ้าจะต้องมาจากพลังงานสะอาด ทั้งหมดของหลักคิดเมื่อบวกรวมเข้าด้วยกันแล้ว เท่ากับว่าเจ้าของบ้านไม่ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเลย ทั้งนี้ยังต้องขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ไฟฟ้าในแต่ละบ้านเป็นอย่างไร

การพัฒนาที่อยู่อาศัยด้วย ZEH จึงแบ่งออกเป็น 4 เกณฑ์ ตามตัวเลขลดการใช้พลังงาน บวกรวมกับการใช้พลังงานสะอาดคือ 1. ZEH Oriented มีเป้าหมายลดการใช้พลังงานได้ไม่ต่ำกว่า 20% 2. ZEH Ready มีเป้าหมายลดการใช้พลังงานได้ไม่ต่ำกว่า 50% 3. Nearly ZEH มีเป้าหมายลดการใช้พลังงานได้ไม่ต่ำกว่า 75% และ 4. ZEH มีเป้าหมายลดการใช้พลังงานได้ไม่ต่ำกว่า 100% ซึ่งจะเห็นว่าการลดใช้พลังงานเป็นแบบขั้นบันได จึงสะท้อนว่าการดำเนินการไม่ได้การันตีในครั้งแรกจะลดเป็นศูนย์ได้ทันที ยังคงต้องใช้เวลา และขึ้นอยู่กับจำนวนของการพัฒนาด้วย

อย่างไรก็ตามโจทย์สุดหินของที่อยู่อาศัยแบบ ZEH นั่นคือ "ต้นทุนเพิ่มขึ้น" ราว 30-50%
เมื่อเปรียบเทียบกับบ้านราคาปกติ ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่า ราคาที่อยู่อาศัยในรูปแบบต่างๆ อยู่ในช่วงขาขึ้นอีกด้วย จึงต้องมีตัวช่วยอื่นๆ อย่างเช่นการสนับสนุนจากภาครัฐ รวมไปจนถึงการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน เพราะทุกภาคธุรกิจในขณะนี้ต่างพร้อมใจมุ่งไปสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงยังได้ประโยชน์จากการซื้อขายคาร์บอนเครดิตอีกด้วย โดยสถาบันการเงินควรพิจารณาปล่อยกู้เงินบนเงื่อนไขที่ว่า สินค้าต่างๆ ต้องรักษ์โลกด้วย และให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพื่อให้ผู้ซื้อมีงบประมาณในการซื้อที่ต่ำลง

อย่างไรก็ตามเสนาฯ ยังคงเป็นผู้พัฒนาบ้านและคอมโดมิเนียมเป็นหลัก และการจะทำให้ธุรกิจอยู่ในโลกของความยั่งยืนได้นั้น คือการพัฒนาสินค้าให้อยู่ภายใต้ความยั่งยืนด้วย เสนาฯ กำลังชี้ให้เห็นถึงการปักธงครั้งสำคัญที่ทำให้การพัฒนาในเชิงธุรกิจเดินหน้าไปพร้อมกันกับการรักษาสิ่งแวดล้อม พลิกที่อยู่อาศัยให้เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย

ส่วนเจ้าของแนวคิดที่อยู่อาศัยแบบ ZEH ที่มีประสบการณ์การพัฒนามาแล้ว อย่าง นายโทดะ มาซาฮิโกะ ผู้อำนวยการฝ่ายบ้านจัดสรรต่างประเทศ บริษัท ฮันคิวฯ เองได้ฉายภาพในระดับนโยบายของประเทศและก้าวต่อจากนี้ของ ฮันคิวฯ ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเรื่องการรักษ์โลกอย่างมาก โดยวางเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 46% ภายในปี ค.ศ. 2030 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% ให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ของโลกที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมาเป็นอันดับต้นๆ

นอกจากนี้ บริษัท ฮันคิวฯ ยังวางเป้าหมายในการเป็นผู้นำเพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืน และสอดคล้องไปกับนโยบายของบริษัทแม่ เพื่อลดการใช้พลังงานในครัวเรือน สร้างรูปแบบพลังงานแบบใหม่ อีกทั้งเพิ่มเติมการใช้พลังงานทดแทน ในอาคารที่บริษัท ฮันคิวฯ ถือครอง อีกทั้งในขณะนี้ยังได้จัดหาพื้นที่เพื่อทำ Carbon Neutral ในพื้นที่ตัวอย่างภายในปี ค.ศ. 2030 และคาดว่าจะขยายพื้นที่ครอบคลุมทั่วประเทศให้ได้แบบโดมิโน่

นางสาว ยูคาโกะ มาสึโอะ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายธุรกิจบ้านจัดสรร อธิบายเพิ่มเติมว่า ญี่ปุ่นให้เงินสนับสนุน สำหรับบ้านที่ผ่านเกณฑ์บ้านพลังงานเป็นศูนย์แบ่งเป็น บ้านเดี่ยวอยู่ที่ 5.5 แสนเยน และ 4 แสนเยนต่ออาคาร ขณะที่แบบแมนชั่นสูง จะได้รับเงินสนับสนุนอยู่ที่ 1 ใน 3 หรือ 1 ใน 2 ของค่าใช้จ่าย และยังรวมถึงสิทธิประโยชน์ด้านอื่นๆ เช่น โอกาสในการเข้าถึงเพื่อขอกู้ซื้อบ้าน อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่จะต้องทำคือ การสร้างความเข้าใจในโมเดล ZEH ไปสู่ลูกค้า เนื่องจากการสร้างบ้านในรูปแบบดังกล่าวจะมีราคาสูงกว่าปกติ

ปี 2566 นี้ เสนาพร้อมลุยเต็มสูบในการพัฒนาบ้าน Zero Energy Housing ที่ใช้กับบ้านทุกหลังทุกโครงการรวมไปถึงใช้หลักการดังกล่าวพัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในอนาคต โดยจะนำโมเดลดังกล่าวนำร่อง โครงการแกรนด์โฮม บางนา กม.29 และคอนโดมิเนียม แบรนด์นิช (Niche) ย่านบางโพ ซึ่งเป็นโครงการใหม่ พร้อมเริ่มก่อสร้างในปี 2566 ด้วยเช่นกัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

GC จับมือ Honeywell ศึกษา พัฒนาเทคโนโลยีดักจับและใช้ประโยชน์จากคาร์บอนอย่างคุ้มค่า เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero มุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต และ Honeywell

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จับมือ TOA เดินหน้าพิชิต Net Zero มุ่งใช้นวัตกรรมสีรักษ์โลกลดก๊าซเรือนกระจก (GHG) ยกระดับที่อยู่อาศัย เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

“เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย” ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน จับมือพันธมิตร “TOA” ผู้นำเบอร์หนึ่งในตลาดสีทาอาคาร เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง

GPSC แข็งแกร่งรับการสนับสนุนเงินกู้ระยะยาว จาก 3 แบงค์รัฐ-เอกชน มูลค่า 7 พัน ลบ. รุกพลังงานสะอาด ตอบโจทย์ Net Zero รองรับแผนพัฒนาพลังงานชาติ

GPSC ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารทีเอ็มบีธนชาต ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย วงเงินรวม 7,000 ลบ. มุ่งธุรกิจพัฒนาพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและต่างประเทศ สร้างเสถียรภาพความมั่นคงด้านพลังงาน สอดรับกลยุทธ์องค์กรจากบทบาทในการ Decarbonization ให้กับกลุ่ม ปตท. เดินหน้ามุ่งสู่แผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์