บริษัท เอ็มบีเอ็ม เมทัลเวิร์คส จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบผนังและเปลือกอาคารประหยัดพลังงาน จะเป็นผู้ให้บริการโซลูชันแสงไฟสำหรับเปลือกอาคาร (Facade Lighting) แบบครบวงจรแก่ เดอะ ฟอเรสเทียส์ นอร์ท พล็อต ภายใต้โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Forestias) ของบริษัท MQDC ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูสผสานธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
โดย เอ็มบีเอ็ม ร่วมกับ บี.กริม เทรดดิ้ง ชูโซลูชันการให้บริการแบบ One Stop Service ทั้งงานเปลือกอาคารและแสงไฟ ครอบคลุมทุกกระบวนการตั้งแต่ให้คำปรึกษา ออกแบบ ผลิต ติดตั้ง ไปจนถึงการบำรุงรักษา เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสบริการแบบไร้รอยต่อที่เดียว ครบ จบ ประหยัดทั้งเงิน เวลา โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อหลายบริษัท พร้อมผลงานคุณภาพระดับนานาชาติด้วยเทคโนโลยีวิศวกรรมจากประเทศเยอรมนี
นายอานนท์ หาญบูรณะพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มบีเอ็ม เมทัลเวิร์คส จำกัด กล่าวว่า “โดยทั่วไปแล้ว งานตกแต่งเปลือกอาคารด้วยแสงไฟ หรือ Facade Lighting มีการติดตั้งแบบซ้ำซ้อน (Double Installation) เนื่องจากทีมงานฟาซาดกับทีมไฟมาจากคนละบริษัท จึงทำงานแบบแยกส่วน สิ่งที่มักเกิดขึ้นคือ เมื่อทีมติดตั้งไฟไปถึงหน้างานจะพบว่าไม่สามารถดำเนินงานต่อได้ เพราะขนาดของไฟหรือสเปค ไม่เหมาะกับเปลือกอาคารที่ติดตั้งไว้ โดยมากมีสาเหตุจากการประสานงานที่ไม่ต่อเนื่อง ต่างคนต่างทำงานของตน ทำให้ต้องมีการแก้ไข รื้อถอน เกิดปัญหาตามมา เช่น มีน้ำและอากาศรั่วซึม ทำให้งานล่าช้า เสียทั้งค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและเวลา ซึ่งทาง MQDC ก็ให้ความสำคัญในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นต่างๆ เหล่านี้
เอ็มบีเอ็ม จึงร่วมมือกับ บี.กริม เทรดดิ้ง ซึ่งทั้งสองบริษัทอยู่ภายในกลุ่มบริษัท บี.กริม เช่นเดียวกัน มอบบริการครบวงจรแบบ One Stop Service ให้คำปรึกษาและบริการออกแบบทั้งเปลือกอาคารและแสงไฟด้วยทีมดีไซน์เนอร์ที่เชี่ยวชาญทั้งเปลือกอาคารและแสงไฟโดยเฉพาะ ในด้านการผลิตนั้น ทุกชิ้นส่วนถูกประกอบจากโรงงานของเราเอง จึงมีการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน เราให้บริการไปจนถึงดูแลการติดตั้งและบำรุงรักษา เรียกได้ว่าลูกค้าไม่ต้องติดต่อบริษัทอื่น มาหาเราได้ทั้งงานเปลือกอาคารและงานแสงไฟ ครบจบในที่เดียว ช่วยลดค่าใช้จ่ายและประหยัดเวลาได้มาก รวมถึงมั่นใจได้ในคุณภาพ ไม่มีการทำงานซ้ำซ้อน”ในด้านการออกแบบ เอ็มบีเอ็ม ยังมีการทำวิศวกรรมคุณค่า หรือ VE (Value Engineering) ในทุกชิ้นงานร่วมกับทีมออกแบบของโครงการ เดอะฟอเรสเทียส์ โดยสามารถยึดถือแนวทางในการออกแบบเดิม แต่สามารถลดต้นทุนการผลิตลงโดยไม่ลดคุณค่าของวัสดุที่ใช้ หรือการเพิ่มคุณค่าของการออกแบบโดยที่ต้นทุนการผลิตเท่าเดิม เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งทางบริษัทฯ วางแผนติดตั้งแสงไฟสำหรับเปลือกอาคารให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 3 ของปี พ.ศ. 2566