นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานพิธีทดลองเปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 17 และ สาย 82 เชื่อมโยงทุกการเดินทางอย่างไร้รอยต่อ พร้อมด้วย นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เข้าร่วมงาน โดยมี นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด คณะผู้บริหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ ในวันที่ 29 กันยายน 2565 ณ ไทยสมายล์บัส ศูนย์พระประแดง กรุงเทพมหานคร
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพรถโดยสารสาธารณะในการให้บริการประชาชน โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 ได้มีข้อสั่งการติดตามให้มีการใช้รถเมล์ไฟฟ้า EV กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการตามนโยบายสนับสนุนให้เกิดกระแสการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยได้ดำเนินการจ้างเหมาบริการรถโดยสารปรับอากาศที่ใช้พลังงานสะอาด (รถไฟฟ้า) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเดินรถและลดมลภาวะเป็นพิษในเขตเมือง เพื่อให้บริการประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดให้บริการรถโดยสารประจำทางด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ รถ EV) สาย 8 เส้นทางแฮปปี้แลนด์ - ท่าเรือสะพานพุทธ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน จากสถิติการเดินทางถึงปัจจุบันพบว่ามีผู้นิยมใช้บริการในแต่ละวันมีค่าเฉลี่ยมากกว่า 7,000 คน อย่างไรก็ดี กระทรวงคมนาคมไม่ได้วางเป้าหมายไว้เฉพาะโครงข่ายการขนส่ง ทางถนนเพียงเท่านั้น แต่มองไปถึงภาพของระบบการขนส่งสาธารณะที่เชื่อมโยงทุกการเดินทางอย่างไร้รอยต่อ ให้รถ - เรือ - ราง เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางในชีวิตประชาชนที่สะดวก ปลอดภัย และเข้าถึงง่ายแก่คนทุกคน สร้างประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจแก่ผู้เดินทาง สำหรับการทดลองเปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 17 และ สาย 82 ในครั้งนี้ การให้บริการทั้งหมดจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของนโยบายที่ได้มอบไว้ให้ ได้แก่
“ความสะดวก” ซึ่งเส้นทางสาย 17 พระประแดง - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จะเชื่อมต่อกับระบบการขนส่งทางราง รถไฟฟ้าสายสีเขียว บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอันเป็นจุดศูนย์กลางของการเชื่อมต่อ ของกรุงเทพมหานคร ส่วนสาย 82 ท่าน้ำพระประแดง - บางลำพู จะเชื่อมต่อการขนส่งทางน้ำ ณ ท่าเรือสะพานพุทธ ซึ่งเป็นท่าเรืออัจฉริยะรองรับรูปแบบการเดินทางของคนรุ่นใหม่
“ความสบาย” รถทุกคันที่ให้บริการเป็นรถปรับอากาศทำให้วิถีชีวิตของประชาชนผู้ใช้บริการได้รับความสบายเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้การเดินทางของพี่น้องประชาชนไม่น่าเบื่ออีกต่อไป รวมถึงได้ขอให้บริษัทฯ ติดตั้งโทรทัศน์ภายในรถโดยสาร เพื่อผู้ใช้บริการได้ติดตามข้อมูลข่าวสารและตรวจสอบเส้นทางในการเดินทาง
“ความสะอาด” โดยรถทุกคันใช้พลังงานไฟฟ้าอันเป็นพลังงานสะอาด อันเป็นการดำเนินการ ที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้รถพลังงานไฟฟ้า รวมถึงจะมีการพัฒนาให้เป็นรถพลังงานไฮโดรเจนต่อไปในอนาคต เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนและมลภาวะทางอากาศที่มีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น
“ความประหยัด” แม้จะมีการกำหนดราคาค่าโดยสารตามระยะทางไว้ที่ 15 - 20 - 25 บาท แต่ในเบื้องต้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย จึงได้ขอความร่วมมือให้บริษัทฯ พิจารณาจัดเก็บค่าโดยสาร ที่ราคา 10 บาท ตลอดสายจนถึงสิ้นปี 2565 สำหรับประชาชนผู้เดินทางซึ่งเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยในระยะต่อไปได้มอบหมายให้มีการจัดทำตั๋วประเภทพิเศษ ที่หากประชาชนเดินทางครบ 40 บาท ในหนึ่งวันแล้วจะไม่มีการเก็บค่าโดยสารเพิ่มสำหรับการใช้บริการหลังจากนั้น เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายประจำวันให้กับพี่น้องประชาชนให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม
“ความปลอดภัย” ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก ในฐานะผู้กำกับดูแลการประกอบการขนส่งทางถนนทั้งระบบเข้ามากำกับดูแลเรื่องความปลอดภัย ซึ่งรถทุกคันในโครงการนี้จะมีเทคโนโลยีควบคุมความเร็ว และพฤติกรรมของคนขับรถ และพนักงานให้บริการประจำรถ พร้อมกันนี้ ยังได้มีการติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ภายในรถเพื่อความปลอดภัยแก่ผู้เดินทางอีกด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของสาย 17 และ 82 จะมีการบรรจุรถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเป็น 20 คัน และภายใต้การเร่งรัดการดำเนินการในปีนี้จะมีรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเป็น 972 คัน ใน 77 เส้นทาง จากการผลักดันนโยบายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ปลายปีนี้พี่น้องประชาชนจะสามารถใช้บริการเครือข่ายรถเมล์พลังงานสะอาดกว่า 1,250 คัน ใน 122 เส้นทางที่ปฏิรูปใหม่ ซึ่งได้มีการวางแผนเชื่อมต่อระบบ ล้อ - ราง - เรือ อย่างครบวงจร
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กล่าวขอบคุณและแสดงความชื่นชม บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ในฐานะผู้ประกอบการคนไทย ซึ่งมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการให้บริการ ด้วยรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า อันจะเป็นพลังสำคัญของประเทศไทยในการสร้างสรรค์ และพัฒนาบริการที่ดีให้แก่ประชาชน ขอให้รักษาคุณภาพ มาตรฐานการบริการ เป็นต้นแบบการพัฒนารถโดยสารประจำทาง เพื่อให้บริการแก่ประชาชน ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมพร้อมจะให้ความร่วมมือ ร่วมกันทำงานกับภาคเอกชน เพื่อเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ภูมิธรรม' ตีมึนไม่รู้ 'ทักษิณ' หมายถึงใคร
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดบนเวทีสัมม
ภูมิธรรมล้อฟรี! บอกหัวเขียงถอน กม.ยึดอำนาจกองทัพไม่เกี่ยวกับเพื่อไทย
'ภูมิธรรม' ชี้ 'ประยุทธ์' ถอนร่าง กม.จัดระเบียบสภากลาโหมปรับแก้เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวยอม 'ภูมิใจไทย' เพราะไม่ใช่ร่างของพรรค บอกขอรอข้อสังเกตจากทุกฝ่ายก่อน ยันไม่เป็นประเด็นขัดแย้งพรรคร่วม
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย! จุดยืน 'ภท.' ไม่เอาด้วย กม.สกัดปฏิวัติ
'อนุทิน' ย้ำจุดยืนภูมิใจไทย ไม่เอาด้วยกฎหมายสกัดปฏิวัติ ชี้นักการเมืองอย่าสร้างเงื่อนไข ทำตัวให้ดีอย่าขึ้โกง ชงกฎหมายแค่สัญลักษณ์ ถึงเวลารัฐธรรมนูญโดนฉีกอยู่ดี
'วัชระ' ยินดีล่วงหน้ากับพรรคภูมิใจไทย ที่ลูกพรรคคนสำคัญได้รับการพักโทษ
นายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 3 อดีตสส.พรรคภูมิใจไทย คือ นางนาที รัชกิจประการ
'คารม' สวน 'หมอเชิดชัย' เป็นแค่ผู้เล่นฟุตบอล อย่าคิดแทนเจ้าของทีม
นายคารม พลพรกลาง “รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และในฐานะสมาชิกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายแพทย์เชิดชัย ตันติศิริน
'ภูมิธรรม' ให้ท้าย 'หมอเชิดชัย' อ้าง พท.-ภท. ยังแน่นปึ้ก
'ภูมิธรรม' ชี้ 'หมอเชิดชัย' ขู่ภูมิใจไทย ไม่กระทบสัมพันธ์พรรคร่วม อ้างแค่ความเห็น สส. แต่อำนาจยุบสภาอยู่ที่นายกฯ