‘อนุทิน’ เผย สัปดาห์หน้า ร่าง พ.ร.บ. กัญชา ทันเข้าสภา แจงยิบ มี 103 มาตรา ครัวเรือนปลูกได้ 15 ต้น

20 สิงหาคม 2565 ณ หอประชุมอาคารคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้เดินทางมาร่วมประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจบุคลากร ทางการแพทย์ ประชาชน และผู้ประกอบการ เน้นใช้กัญชารักษาผู้ป่วย กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การประชุมวิชาการด้านการแพทย์ การเสวนาวิชาการและการ บรรยายเกี่ยวกับกัญชา กัญชง จากท่านวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและเอกชน การจัดแสดงบูท นิทรรศการของหน่วยงานภาครัฐทั้งส่วนกลางและภูมิภาค การให้บริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนปัจจุบันและ การแพทย์แผนไทย และการตรวจรักษาโรคต่าง ๆ

นายอนุทิน กล่าวว่า การปลดล็อกกัญชาออกนั้น เพื่อมุ่งใช้ประโยชน์ทางการแพทย์  ไม่ได้มุ่งหวังให้นำมาใช้เพื่อสันทนาการ เพื่อให้ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ถ้าใช้ให้ถูกต้อง นอกจากจะเป็นสมุนไพร แต่ยังเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ เราจะหารายได้จากส่วนต่างๆ ของกัญชา ในแต่ละปีตลาดกัญชาของไทยจะเติบโตขึ้นขึ้นเรื่อยๆ  มีแนวโน้มจะแตะหลักหมื่นล้านบาทใน 2-3 ปี มีข่าวดีมากแจ้งให้ทราบ เมื่อวานนี้ ทางคณะกรรมาธิการ ร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง พ.ศ. …. ได้ออกมาชี้แจงความคืบหน้า ว่าร่างเสร็จแล้ว ยื่นเข้าสภาทันสัปดาห์หน้าแน่นอน และคิดว่าจะผ่านได้ ไม่มีปัญหา เพราะเป็นร่างที่ทุกฝ่ายช่วยกันปรับปรุง มีทั้งสิ้น 103 มาตรา เป็นนิมิตหมายที่ดี ก็หวังว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากกฎหมายกัญชาการ

เบื้องต้น จะมีการควบคุมการใช้ที่เข้มงวดขึ้น กว่าปัจจุบัน ไม่ให้เยาวชนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าถึง ห้ามสูบในที่สาธารณะ จะมีการดูแลเรื่องโฆษณาสินค้า และจะมีการตั้งคณะกรรมการ เพื่อ พิจารณาปรับแก้กฎหมาย ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ข้างหน้า ในส่วนการปลูกในครัวเรือน จากที่หาเสียงไว้ว่าจะให้ปลูก 6 ต้น ตอนนี้ เปลี่ยนเป็นลงทะเบียนปลูกได้ 15 ต้น ส่วนที่สารสกัดที่มีค่า THC เกินกว่า 0.2% ยังเป็นสารเสพติด จากนี้ เมื่อกฎหมายผ่านสภา บังคับใช้ ก็ต้องให้ อสม.เข้าไปประชาสัมพันธ์ ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน ว่าอะไรทำได้ อะไรห้ามทำ

ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง พ.ศ. …. ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมากได้ให้ความเห็นชอบรับหลักการในวาระที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ก่อนตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่าง พระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง พ.ศ…..ซึ่งมีการประชุมต่อเนื่องจนถึงเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีสาระสำคัญ ดังนี้

  1. มีการควบคุมกัญชาโดยการผสมผสานประยุกต์ใช้กฎหมายการควบคุมยาสูบและการควบคุมสุรา และกระท่อม ดังนั้นการควบคุมกัญชาจึงไม่ต่ำกว่าการควบคุมสุรา ยาสูบ และกระท่อม
  2. แม้สำหรับประเทศไทยแล้วจะไม่ได้จัดให้กัญชาเป็นยาเสพติด แต่ยังคงให้สารสกัดที่มี THC (สารทำให้มีนเมา)เกินกว่าร้อยละ 0.2 เป็นยาเสพติด ดังนั้นสารสกัดของกัญชา กัญชงที่มีสาร THC เกินกว่าร้อยละ 0.2 ของน้ำหนักจะต้องไปดำเนินการตามประมวลกฎหมายยาเสพติด
  3. ได้กำหนดให้มีการแบ่งพืชกัญชา กัญชง ออกจากกันเพื่อให้มีระดับการบริหารจัดการที่แตกต่างกัน โดยจะให้พิจารณาจากปริมาณสารที่ทำให้มีนเมา คือ สาร THC ในช่อดอกเป็นตัวแบ่งกัญชา(ควบคุมเข้มมากกว่า) และกัญชง (ควบคุมอ่อนกว่า) แต่ไม่ว่ากัญชาหรือกัญชงก็ยังคงจะต้องมีการควบคุมต่อไป
  4. คณะกรรมาธิการฯ ยังคงเห็นว่าทั้งกัญชา กัญชง โดยภาพรวมจะยังคงต้องปฏิบัติตามแนวทางของอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ปี ค.ศ. 1961 โดยให้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ และยังคงให้ใช้ประโยชน์ในฐานะเป็น “พืชกรรมสวน”  (Horticultural purpose) เพื่อใช้ประโยชน์ในครัวเรือนได้ โดยปรากฏหลักฐานการใช้ส่วนต่างๆของกัญชาในการประกอบอาหารในประวัติศาสตร์ตำราอาหารของประเทศไทยที่ใช้อย่างเหมาะสมและมีความปลอดภัย สำหรับวัตถุประสงค์ในเชิงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์  โดยในด้านอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับใยไฟเบอร์ของพืชกัญชง รวมถึงการพาณิชย์เพื่อสุขภาพและทางการแพทย์ และยังคงมีการให้มีไว้เพื่อการพาณิชย์ในรูปของอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้การควบคุมระดับความปลอดภัยในด้านอาหารตามกฎหมายที่เกี่ยวกับอาหารหลายฉบับ  เช่น พระราชบัญญัติอาหาร ประกาศกรมอนามัย ฯลฯ และยังมีพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ควบคุมเข้มข้นกว่าอีกหลายประเทศที่ได้เปิดกัญชาในทางนันทนาการ ซึ่งรวมถึง หลายมลรัฐในสหรัฐอเมริกา, แคนนาดา, อุรุกกวัย, เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ
  5. สำหรับการปลูกกัญชา และกัญชง “ในครัวเรือนจะห้ามขาย” จะใช้เพียงการ “จดแจ้ง”เท่านั้นและหน่วยงานที่รับจดแจ้งจะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 1 วัน โดยกำหนดให้กัญชาเพื่อใช้ในครัวเรือนได้ไม่เกิน 15 ต้น ในขณะที่กัญชงที่ไม่มึนเมาและเน้นการใช้ใยผ้าสามารถจดแจ้งใช้ในครัวเรือนได้ไม่เกิน 5 ไร่ ให้ใช้การจดแจ้งโดยไม่ต้องขออนุญาตเช่นกัน
  6. สำหรับการปลูกกัญชา และกัญชง การผลิต การสกัด การแปรรูป และขาย “เพื่อธุรกิจ” จะต้องขออนุญาตทุกกรณี และหากภาครัฐได้รับเอกสารครบถ้วนทางคณะกรรมการอาหารและยาจะต้องอนุญาตให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน
  7. การใช้กัญชา กัญชง หรือสารสกัด ที่เป็นวัตถุดิบที่มีกฎหมายอื่นๆควบคุมดูแลอยู่แล้ว ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายฉบับนั้นๆไป เช่น เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นยาตามกฎหมายว่าด้วยยา เป็นอาหารตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร เป็นเครื่องสำอางตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์อื่นใดตามที่มี กฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้ รวมถึงการนำเข้า การส่งออก การขาย และการโฆษณา ซึ่งผลิตภัณฑ์ ดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
  8. กฎหมายฉบับนี้ห้ามโฆษณา “ช่อดอกหรือยางของกัญชา หรือสารสกัด” รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ในการสูบกัญชาโดยเด็ดขาดไม่ว่าในรูปแบบใด  อีกทั้งรวมถึงการห้ามโฆษณาส่วนอื่นๆของกัญชาและกัญชงที่เกินจริงด้วย
  9. ห้ามขายกัญชา กัญชง สารสกัดให้กับเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ซึ่งถือเป็นกลุ่มเปราะบางและมีบทลงโทษจำคุก 1 ปีและปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ส่วนบทลงโทษในมาตราอื่นๆหากกระทำกับกลุ่มเปราะบางดังกล่าวด้วย จะมีบทลงโทษเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
  10. ประการที่สิบ มีการควบคุมวิธีการขาย และสถานที่ห้ามขาย
  11. ห้ามสูบกัญชาในสถานที่ต้องห้าม ซึ่งรวมถึง วัด, สถานที่สาธารณะ, สถานที่ราชการ, สถานศึกษา, สถานพยาบาล, หอพัก, สวนสาธารณะ, ร้านอาหาร รวมถึงสถานที่ซึ่งรัฐมนตรีอาจประกาศกำหนดเพิ่มเติมในพื้นที่ห้ามสูบเพิ่มเติมได้โดยคำแนะนำของคณะกรรมการฯ
  12. ห้ามผู้มีนเมาจากกัญชาขับยานพาหนะ
  13. เปิดให้มีการปลูกเพื่อปรุงยาเพื่อผู้ป่วยเฉพาะรายได้ในสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลโดยการจดแจ้ง
  14. บทลงโทษในความผิดเล็กน้อยมีตั้งแต่ปรับ ไปจนถึงโทษจำคุก โดยโทษสูงสุดคือกรณีการ “นำเข้า” กัญชากัญชงจากต่างประเทศโดยไม่ได้ขออนุญาตจะมีบทลงโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าความผิดใดกระทำความผิดร่วมกับการขายให้กับเด็ก เยาวชน สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร ให้มีบทลงโทษเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของความผิดนั้น
  15. กฎหมายฉบับนี้อนุญาตให้สำหรับการบริโภคกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ รวมถึงการสูบของผู้ป่วยในสถานพยาบาลของภาครัฐและสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล (เช่น ผู้ป่วยระยะท้าย  หรือผู้ป่วยระยะประคับประคอง ฯลฯ )โดยการอนุญาตของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ผู้ประกอบวิชาชีพโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน อีกทั้งยังให้คณะกรรมการกัญชา กัญชงสามารถให้ความเห็นชอบเพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกำหนดเขตหรือสถานที่สูบกัญชาได้อย่างมีการควบคุมและได้มาตรฐานเพื่อคุ้มครองผู้ไม่สูบกัญชา โดยต้องมีการประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเอาไว้ในกฎกระทรวง ซึ่งคณะรัฐมนตรีต้องให้ความเห็นชอบกฎกระทรวงนั้นด้วย
  16. ผู้ที่จะออกกฎกติกา หลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการ คือคณะกรรมการกัญชา กัญชง ซึ่งมีองค์ประกอบคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการ คณะกรรมการไม่รวมรัฐมนตรีมี 24  คน  มีข้าราชกระทรวงสาธารณสุข 6 คน (รวมเลขาอ.ย.), มีผู้ทรงคุณวุฒิ 7 คน, ข้าราชการอื่นๆนอกกระทรวงสาธารณสุข 4 คน เป็นผู้แทนเอกชนจากองค์กรอาชีพและวิชาชีพต่างๆ 6 คน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภูมิใจไทย' ชง พรบ.กัญชาเพื่อการแพทย์ ให้พรรคเพื่อไทยบรรจุเป็นนโยบายรัฐบาล

ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย หลังเสร็จสิ้นการประชุมกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรค นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยแถลงว่า เมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่พร้อมกับคณะรัฐมนตรี จึงต้องมีการเตรียมเรื่องของนโยบาย ซึ่

นายกฯ เรียก 'อนุทิน - สมศักดิ์' เคลียร์ปมกัญชา ก่อนทุบโต๊ะสั่งออกเป็นพ.ร.บ.ยุติความขัดแย้ง

ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แหล่งข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐม

นายกฯ ฝากรัฐบาลใหม่เร่งพิจารณากฎหมายกัญชาให้ผ่านสภาฯ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ ถึงการดำเนินการนโยบายกัญชาเสรี ว่า ก็ต้องหารือกันต่อไป เรื่องพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)กัญชา กัญชง ฉบับใหม่ ก็ยังไม่เรียบร้อย คงเป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่ที่จะนำไปพิจารณากันอีกครั้ง เขาคงมีมาตรการเพิ่มเติมอะไรสักอย่างให้เกิดความเชื่อมั่น

ชัดเจน 'อนุทิน' ยันหาก ภูมิใจไทย ได้ส.ส.อันดับหนึ่ง พร้อมเป็นนายกฯ เอง

'อนุทิน' ยัน ภท. ชัดเจน ได้ส.ส.มากสุด พร้อมเป็นนายกฯ ปัดข่าวหนุน 2ป. เงื่อนไขใครได้ ส.ส.มากกว่ากัน ชี้ยังไม่ถึงเวลาจัดตั้งรบ.เพราะต้องฟังเสียงปชช.หลังเลือกตั้งก่อน