จากคลองลาดพร้าว-เปรมประชากร ‘คืนคลองสวย น้ำใส’ ชีวิตใหม่ชาวชุมชนริมคลอง

‘บ้านหลักแสน  วิวหลักล้าน’ ชุมชนหลัง ว.ค.จันทรเกษมหรือสยามเวนิสและเรือพร้อมรับนักท่องเที่ยว  เดิมมีสภาพเป็นชุมชนแออัด  สร้างบ้านใหม่ 2-3 ชั้น  ร่มรื่นด้วยต้นไม้ 

“เมื่อก่อนชุมชนอยู่กันอย่างไม่เป็นระเบียบ  บ้านก็ผุๆ พังๆ  เอาบ้านหันหลังลงคลอง  ส้วมก็ลงในคลอง  เด็กๆ ไม่กล้าพาเพื่อนมาเที่ยวที่บ้านเพราะอาย...แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไป  ชุมชนดูสวยงาม  ช่วยกันปลูกต้นไม้หน้าบ้าน  มีห้องสมุดให้เด็ก  หน่วยงานต่างๆ ก็เข้ามาส่งเสริมเรื่องอาชีพ  เรื่องท่องเที่ยวชุมชน  มีกระเป๋าถือสวยๆ ขาย   เป็นงานแฮนด์เมดของชุมชน”  ประภัสสร  ชูทอง  ประธานชุมชนหลัง ว.ค.จันทรเกษม  กรุงเทพฯ บอก

ชุมชนหลัง ว.ค.จันทรเกษม  (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม) ตั้งอยู่ริมคลองลาดพร้าว  เขตจตุจักร  เป็นตัวอย่างหนึ่งของชุมชนริมคลองลาดพร้าวที่แต่เดิมมีสภาพเป็นชุมชนบุกรุกพื้นที่ริมคลอง  สภาพบ้านเรือนทรุดโทรม  ชาวบ้านแทบจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากคลอง  เพราะน้ำในคลองดำเน่า  กุ้ง  ปลา  หายไปนานหลายสิบปี  คลองจึงเป็นเสมือนท่อรองรับสารพัดน้ำโสโครกและขยะจากอาคารบ้านเรือนและสถานประกอบการต่างๆ

สภาพบ้านเรือนชุมชนริมคลองลาดพร้าวที่ยังไม่ได้รื้อย้าย-สร้างใหม่

ฟื้นฟูคลองลาดพร้าว-เปรมประชากร

ปี 2554   เกิดเหตการณ์น้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล  สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการระบายน้ำในลำคลองสายหลักในกรุงเทพฯ ไม่มีประสิทธิภาพ  เนื่องจากมีบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำคลองและกีดขวางทางไหลของน้ำ  แต่รัฐบาลในขณะนั้นยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ

ในยุครัฐบาล คสช. คณะรักษาความสงบแห่งชาติ’  มีโครงการ จัดระเบียบสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำคลอง’ โดยการรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างและบ้านเรือนที่รุกล้ำลำคลอง  เพื่อก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำคอนกรีต  และขุดลอกคลองให้ลึกกว่าเดิมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในคลอง  ช่วยป้องกันน้ำท่วม

เริ่มดำเนินการในช่วงปี 2559 เป็นต้นมา  ที่คลองลาดพร้าวเป็นแห่งแรก (ตามแผนงานจะดำเนินการในคลองสายหลัก 9 คลองในกรุงเทพฯ)  โดยรัฐบาลมอบหมายให้กรุงเทพมหานครรับผิดชอบการสร้างเขื่อนระบายน้ำคอนกรีตในคลองลาดพร้าวสองฝั่งคลอง 

ความยาวทั้งสองฝั่งคลองประมาณ 45 กิโลเมตร  และขุดลอกคลองให้ลึกประมาณ 3 เมตร  จากปากคลองลาดพร้าว (เชื่อมต่อกับคลองแสนแสบ  บริเวณอุโมงค์ระบายน้ำพระราม 9) เขตวังทองหลาง  ไปจนถึงประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้  เขตสายไหม  โดยบริษัทริเวอร์เอนจิเนียริ่ง  จำกัด  ประมูลงานได้ในวงเงิน 1,645 ล้านบาท 

ชุมชนริมคลองลาดพร้าวย่านบางบัว  เขตหลักสี่

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช.’  รับผิดชอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตชาวชุมชนริมคลองลาดพร้าวที่ต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวคลองและแนวก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำ  ในพื้นที่ 8 เขต (จากเขตวังทองหลาง-สายไหม)  รวมทั้งหมด 50 ชุมชน  จำนวน 7,069 ครัวเรือน  เริ่มดำเนินการในปี 2559 

โดย พอช.สนับสนุนงบประมาณ (บางส่วน) สินเชื่อเพื่อก่อสร้างบ้าน  และสนับสนุนกระบวนการรวมกลุ่มของชุมชน  เพื่อให้ชุมชนเป็นแกนหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัย  ส่วน พอช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นฝ่ายสนับสนุน  ถือเป็น ‘การพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวใหม่’ ที่ประชาชนผู้เดือดร้อนรวมตัวกันแก้ไขปัญหา

จากนั้นในปี 2562  รัฐบาลได้ขยายไปดำเนินการในคลองเปรมประชากร  ที่มีสภาพปัญหาการรุกล้ำลำคลองไม่ต่างจากคลองลาดพร้าว  โดย กทม.รับผิดชอบสร้างเขื่อนระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียในพื้นที่เขตจตุจักร  หลักสี่  และดอนเมือง  ความยาวทั้งสองฝั่ง 26 กิโลเมตรเศษ  และกรมโยธาธิการและผังเมือง  กระทรวงมหาดไทย  ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี

ส่วน พอช.รับผิดชอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตชาวชุมชนริมคลองเปรมประชากรในเขตกรุงเทพฯ และปทุมธานี  รวม 38 ชุมชน  จำนวน 6,386 ครัวเรือน

ชุมชนริมคลองเปรมประชากร  ย่านหลักสี่

บ้านใหม่  ชีวิตใหม่ชาวชุมชนริมคลอง

ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำในคลองลาดพร้าว   ขณะนี้บริษัทรับเหมาก่อสร้างส่งมอบพื้นที่ให้ กทม.ได้ 26,008 เมตร  คิดเป็น 63.70%   ยังไม่ส่งมอบพื้นที่ 14,802 เมตร  คิดเป็น 36.3%  ตอกเสาเข็มแล้ว  24,030 เมตร  อยู่ระหว่างดำเนินการ 1,978 เมตร  ตอกเสาเข็มได้ 32,320 ต้น  คิดเป็น 92.4% ของพื้นที่ที่ส่งมอบ

ด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าว  จากชุมชนริมคลองทั้งหมด 50 ชุมชน  จำนวน 7,069 ครัวเรือน  ขณะนี้ พอช.สนับสนุนการสร้างบ้านใหม่  จำนวน 35 ชุมชน  สร้างบ้านเสร็จแล้ว  3,106 หลัง  กำลังสร้าง 432 หลัง  ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการ

ส่วนใหญ่ชาวบ้านสามารถอยู่อาศัยในชุมชนเดิมได้  โดยชุมชนทำสัญญาเช่าที่ดินในอัตราผ่อนปรนกับกรมธนารักษ์  หน่วยงานที่ดูแลที่ดินราชพัสดุริมคลอง  ระยะเวลา 30 ปี (ช่วงแรก)   เปลี่ยนสถานะจาก ชุมชนบุกรุก เป็นผู้อยู่อาศัยถูกต้องตามกฎหมาย 

บ้านใหม่ของชาวชุมชนริมคลองย่านเขตสายไหม ส่วนใหญ่ก่อสร้างเป็นบ้านแถวขนาด 2 ชั้น  ราคาไม่เกิน 4 แสนบาท  ผ่อนชำระประมาณเดือนละ 3 พันบาทเศษ  ระยะเวลา 20 ปี 

ส่วนรูปแบบบ้าน  ส่วนใหญ่เป็นบ้านแถวแบบทาวน์เฮ้าส์  2 ชั้น   ขนาด 4X7 - 4X8 ตารางเมตร  หรือตามสภาพพื้นที่แต่ละชุมชน  โดย พอช. สนับสนุนงบประมาณด้านสาธารณูปโภคส่วนกลาง  เงินอุดหนุนสร้างบ้าน  ครัวเรือนละ 147,000 บาท  และสินเชื่อก่อสร้างบ้านไม่เกิน  400,000 บาท  ผ่อนชำระคืนภายในเวลา 20  ปี  อัตราดอกเบี้ย 4 % ต่อปี 

ส่วนคลองเปรมประชากรดำเนินการเช่นเดียวกับคลองลาดพร้าว  ขณะนี้รื้อย้ายและสร้างบ้านใหม่แล้วใน 10 ชุมชน  สร้างบ้านเสร็จ  447 หลัง  กำลังสร้าง 509 หลัง  จากเป้าหมายทั้งหมด 38 ชุมชน  รวม 6,386 หลัง 

อวยชัย  สุดประเสริฐ  ประธานชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ  เขตสายไหม  (ตรงข้ามตลาดยิ่งเจริญ  สะพานใหม่)  ซึ่งเป็นชุมชนริมคลองลาดพร้าวแห่งแรกที่เข้าร่วมการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองตั้งแต่ปี 2559  และสร้างบ้านเสร็จในช่วงต้นปี 2560  รวม 65 หลัง  ในจำนวนนี้ชาวบ้านได้ร่วมกันลงทุน  ลงแรง  สร้างบ้านกลางให้ผู้ด้อยโอกาสในชุมชนได้อยู่อาศัยฟรี 1 หลัง

ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญก่อนการพัฒนา

อวยชัยบอกว่า  ก่อนการก่อสร้างบ้านใหม่  ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่ารัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ  จะเข้ามาสนับสนุนโครงการนี้อย่างจริงจัง  เพราะชาวบ้านบุกรุกที่ดินริมคลองปลูกสร้างบ้านมานานหลายสิบปี  จึงกลัวว่าจะถูกไล่ที่ แต่ทุกคนก็อยากจะได้บ้านใหม่และอยู่อาศัยอย่างถูกต้อง  เพราะบ้านเรือนส่วนใหญ่เก่าและผุพัง   เมื่อเจ้าหน้าที่ พอช.เข้ามาให้คำแนะนำการรวมกลุ่ม   การจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์  จึงร่วมกันออมทรัพย์เป็นทุนสร้างบ้าน  ครอบครัวละ 500 -600  บาทต่อเดือน

“ตอนนี้ชุมชนของเราเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ  แต่เดิมบ้านส่วนใหญ่จะทรุดโทรมเพราะสร้างกันมานาน  สะพานไม้ก็ผุพัง   เด็กๆ ไม่มีที่วิ่งเล่น  ขยะก็ทิ้งลงในคลอง  น้ำก็เน่าเหม็น   พอเริ่มสร้างบ้านใหม่เป็นชุมชนนำร่อง  เราก็ต้องรื้อบ้านที่ปลูกล้ำคลองออกมา  หน่วยงานต่างๆ  ก็เข้ามาสนับสนุน  ช่วยสร้างสนามเด็กเล่น   มีเครื่องออกกำลังกาย  มีถังบำบัดน้ำเสียรวม  ช่วยกันปลูกต้นไม้ริมคลอง  ชุมชนของเราตอนนี้จึงดูสวยงาม  ไม่เป็นชุมชนแออัดเหมือนแต่ก่อน”  อวยชัยบอกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ความเปลี่ยนแปลงที่ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ

‘สยามเวนิส’ - ฟื้นการเดินเรือคลองลาดพร้าว

เช่นเดียวกับ ‘ชุมชนหลัง ว.ค.จันทรเกษม’  ที่เรียกชื่อใหม่เป็น ‘สยามเวนิสจันทรเกษม’  โดย ประภัสสร ชูทอง  ประธานชุมชน  บอกว่า   นอกจากชาวบ้านจะร่วมกันเปลี่ยนแปลงสภาพชุมชนเดิมที่ทรุดโทรมแออัด  จนเด็กนักเรียนในชุมชนไม่กล้าพาเพื่อนที่โรงเรียนมาเที่ยวที่บ้าน  ให้เป็นบ้านใหม่ริมคลอง  ทาสีขาวสวยงามสะอาดตาแล้ว 

ชาวบ้านยังมีเป้าหมายพัฒนาชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวริมคลองเหมือนกับเมือง ‘เวนิส’ ประเทศอิตาลีที่มีเรือพานักท่องเที่ยวชมบ้านเรือนริมคลอง  โดยที่ผ่านมาชุมชนได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน  เช่น  กรมการค้าภายใน  จัดกิจกรรม ‘หมู่บ้านทำมาค้าขาย’  มีอาหาร  ขนม  สินค้าชุมชนจำหน่าย  เช่น  กระเป๋าสานจากเส้นพลาสติกรูปทรงสวยงามทันสมัย  วางขายทั้งในชุมชน  งานออกบูธ  และทางออนไลน์  สร้างอาชีพ  รายได้ให้แก่ชุมชน (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เฟซบุ๊กสยามเวนิส)

ส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ชุมชน  ราคาตั้งแต่ 390-690 บาท  (ติดต่อโทร 064-6286185)

นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนริมคลองลาดพร้าวกับชุมชนชนต่างๆ  โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเรือคลองลาดพร้าวซึ่งเป็นกลุ่มแกนนำชาวบ้านได้ร่วมกันจัดการท่องเที่ยวทางเรือในคลองลาดพร้าว  และฟื้นฟูการใช้คลองให้เป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำเหมือนในอดีต

จำรัส   กลิ่นอุบล  ผู้นำชุมชนซอยลาดพร้าว 45  บอกว่า  เมื่อก่อนในคลองลาดพร้าวชาวบ้านยังใช้เรือพายไปมาหาสู่กัน  เวลามีงานจะพายเรือไปทำบุญที่วัดลาดพร้าว  ตอนหลังถนนหนทางสะดวกขึ้น   ชาวบ้านจึงเลิกใช้เรือ  พวกตนจึงเริ่มฟื้นฟูคลองลาดพร้าวขึ้นมา  โดยล่องเรือไปทอดกฐินทำบุญที่วัดลาดพร้าว   จัดงานลอยกระทง   ปลูกแฝกเพื่อกรองน้ำเสียในคลองบางซื่อที่เชื่อมกับคลองลาดพร้าว  ฯลฯ 

ปัจจุบันจดทะเบียนเป็น ‘วิสาหกิจชุมชนเรือคลองลาดพร้าว’  มีเรือจำนวน 5 ลำ  (มูลนิธิพุทธรักษาสนับสนุนเรือ 3 ลำ) รองรับนักท่องเที่ยวได้ลำละ 10-20 คน  มีเส้นทางท่องเที่ยวจากท่าเรือใกล้วัดพระราม 9 เขตห้วยขวางไปวัดลาดพร้าว  ทำบุญไหว้พระ  สักการะท้าวเวสสุวรรณ – ชุมชนสยามเวนิส  ชมสินค้าชุมชน  กระเป๋าถือ  รับประทานอาหาร - วัดบางบัว  ฯลฯ  (สอบถามบริการที่เฟซบุ๊กวิสาหกิจชุมชนเรือคลองลาดพร้าว)

ผู้ว่าฯ กทม. ชัชชาติ ลงเรือของวิสาหกิจชุมชนเรือคลองลาดพร้าวเมื่อเร็วๆ นี้

“ที่ผ่านมาจะมีกลุ่มมาล่องเรือเพื่อศึกษาดูงานการพัฒนาชุมชนในคลองลาดพร้าวอาทิตย์หนึ่งประมาณ 2 ครั้ง  นอกจากนี้เราได้พูดคุยกับทางผู้บริหารตลาดยิ่งเจริญสะพานใหม่  ซึ่งกำลังจะปรับปรุงตลาดที่ตั้งอยู่ริมคลองลาดพร้าวเพื่อสร้างท่าเรือที่ตลาด  หากท่าเรือแล้วเสร็จก็จะช่วยเชื่อมโยงการเดินเรือในคลองลาดพร้าวได้  และเชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า BTS ด้วย  เพราะมีสถานีรถไฟฟ้าอยู่หน้าตลาดยิ่งเจริญ”  จำรัสในฐานะประธานวิสาหกิจชุมชนเรือคลองลาดพร้าวบอกถึงแผนการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม ‘เรือ-ราง (รถไฟฟ้า)-รถ’

นี่คือตัวอย่างการพัฒนาชุมชนริมคลองลาดพร้าวและคลองเปรมประชากร  ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้ชาวชุมชนมีที่อยู่อาศัยใหม่ที่มั่นคงและมีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าเดิมเท่านั้น  แต่ยังเป็นโอกาสให้ชาวชุมชนมีช่องทางในการสร้างอาชีพและรายได้...และจะเป็นต้นแบบที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ จะนำไปใช้พัฒนาที่อยู่อาศัยที่ชุมชนริมคลองแม่ข่า  จ.เชียงใหม่  ซึ่งมีสภาพปัญหาที่ไม่แตกต่างกัน  เพื่อให้คนและคลองอยู่คู่กันได้ !!

บ้านใหม่ ชุมชนใหม่  ริมคลองเปรมประชากร  ดูสวยงาม สะอาดตา  แนวสันเขื่อนระบายน้ำกว้างประมาณ 2 เมตร   มีรั้วกันตก  ใช้เป็นทางเดินหรือขี่จักรยานเลียบคลอง

 

เรื่องและภาพ :  สำนักพัฒนานวัตกรรมชุมชนจัดการความรู้และสื่อสาร  สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สุราษฎร์ธานี จัดงานวันที่อยู่อาศัยโลกปี67 ย้ำชุมชนต้องเป็นแกนหลักในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยคนจน

UN – HABITAT หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’ กำหนดให้วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมทุกปีเป็น ‘วันที่อยู่อาศัยโลก’ หรือ ‘World Habitat Day’

รวมพลังคนจนแก้ปัญหาที่ดิน-ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ วันที่อยู่อาศัยโลก ปี 2567

ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’

‘21 ปีบ้านมั่นคง’ พอช. แก้ปัญหาที่อยู่อาศัยคนจนทั่วประเทศ กว่า 3 แสนครัวเรือน

รัฐบาลได้มีนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย และสร้างความมั่นคงในการอยู่อาศัยแก่คนจนในเมืองที่ ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้อยู่อาศัยในชุมชนแออัด

เสียงจากคลองเปรมประชากร…บ้านหลังใหม่ชีวิตใหม่ “คืนสายน้ำให้คนคลอง คืนสายคลองให้คนเมือง”

คลองเปรมประชากร มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คลองนี้ได้ประสบปัญหามากมาย

บอร์ด พอช. มีมติ พักชำระหนี้องค์กรผู้ใช้สินเชื่อในพื้นที่ประสบอุทกภัยทั่วประเทศ

สถานการณ์การเกิดอุทกภัยจากอิทธิพลของพายุยางิ ในระหว่างวันที่ 7 - 8 กันยายน 2567 ส่งผลกระทบต่อประชาชนในจังหวัดเชียงราย จำนวน 7 อำเภอ

รมว.พม. แจ้งตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว 34 แห่ง ใน 13 จว. ช่วยกลุ่มเปราะบาง-ผู้ประสบภัยน้ำท่วมริมแม่น้ำโขง ด้าน พอช. พร้อมอนุมัติงบช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบภัยพิบัติภาคเหนือและอีสาน

จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ภาคเหนือ ส่งผลกระทบในพื้นที่ 8 จังหวัด 47 อำเภอ 207 ตำบล 22,817 ครัวเรือน โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา