“วันวิชิต” เชียร์ “ภูมิใจไทย” ดัน “ภาษีบ้านเกิดเมืองนอน” ชี้ ถึงเวลากระจายภาษีลงท้องถิ่น หมดยุคการพัฒนาแบบกระจุกตัว

ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต ให้ความเห็นต่อเรื่องของ “ภาษีบ้านเกิดเมืองนอน” ที่พรรคภูมิใจไทย ประกาศ หาเสียง ระหว่างเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ที่จังหวัดกระบี่ ระบุว่า เรื่องนี้ อาจจะเป็นของใหม่สำหรับประเทศไทย แต่กับชาวโลก ภาษีในลักษณะนี้ มีที่ญี่ปุ่น ใช้กันมานานแล้ว ของไทย เท่าที่ฟังมา เป็นการให้ประชาชนสามารถเลือกได้ว่า 30% ของภาษีที่ต้องจ่ายเข้ารัฐ จะต้องไปลงที่จังหวัดไหน โดยเชื่อกันว่า น่าจะเลือกให้ไปลง ณ ถิ่นฐานบ้านเกิดกัน ก็เป็นหลักปฏิบัติเดียวกับที่ญี่ปุ่นกำลังใช้อยู่ แต่ของญี่ปุ่น หลังจากมอบภาษีให้พื้นที่ไหนแล้ว ทางท้องถิ่นจะต้องจัดของสมนาคุณกลับมาให้ผู้จ่ายภาษีด้วย มีตั้งแต่ตัวด้วง เมล่อน ถึงเนื้อวากิว แตกต่างกันไป ของญี่ปุ่น ใช้เรื่องนี้ในการโฆษณาผลิตภัณฑ์พื้นที่ไปในตัว

ของไทย เท่าที่ฟังพรรคภูมิใจไทยหาเสียงยังไม่ไปถึงขั้นนั้น แต่นับว่า เป็นไอเดียที่ดีมาก นี่คือ การกระจายงบประมาณอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งยังให้ประชาชนมีส่วนร่วม เชื่อว่า นโยบายนี้ น่าจะเพิ่มงบให้ท้องถิ่น ในการจัดการตัวเอง ซึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่น จังหวัดกระบี่ พังงา ทำรายได้ให้ประเทศอย่างมหาศาล แต่กลับมีงบลงไปยังท้องถิ่นอย่างจำกัดจำเขี่ย มันไม่ยุติธรรม นโยบายนี้ จะเป็นการกระจายงบให้พื้นที่ และกระจายอำนาจให้ประชาชนได้ตัดสินใจ

คนไทยตามจังหวัดต่างๆ เข้ามาหากินตามเมืองใหญ่ นี่คือ การทิ้งบ้านเกิด เข้ามาเป็นเครื่องจักรอุตสาหกรรม ให้ประเทศไทย นี่คือคุณค่าของของแรงงานต่างจังหวัด ที่ผ่านมา เงินภาษีจากคนเหล่านี้ ถูกนำไปใช้ โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่า เงินนั้นจะไปใช้ที่ไหน ใช้อย่างไร แต่เมื่อนโยบายภาษีบ้านเกิดเมืองนอนของพรรคภูมิใจไทย ทำได้ เขาจะรู้แล้วว่า เงินภาษีของเขาจะได้กลับไปพัฒนาพื้นที่ตามที่เขาต้องการให้เป็น มั่นใจว่า คนร้อยเอ็ด คนนครศรีธรรมราช คนน่าน คนจังหวัดไหนก็ตาม เขาอยากส่งเงินกลับบ้านเขา ในอดีต เขาส่งเงินคืนแก่ครอบครัว ช่วยเหลือได้เฉพาะครอบครัว แต่มันไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างความเจริญเลย ยังต้องมีคนจากบ้าน มาทำหากินในเมืองกรุงเหมือนเดิม แต่ถ้านโยบายของพรรคภูมิใจไทย ทำสำเร็จ เขาจะได้ส่งเงินคืนแก่จังหวัดของเขาด้วย มันเป็นสเกลที่ใหญ่โตกว่าเดิม มันจะเป็นงบในการพัฒนาจังหวัด ที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประเทศ เราจะเห็นจังหวัดต่างๆ เจริญขึ้น และคนในพื้นที่ ก็ไม่ต้องทิ้งบ้าน มาทำงานในเมืองใหญ่ หรืออาจจะมีอัตราส่วนน้อยลง จากที่อดีตเอะอะเงินก็ไปตกอยู่กับเมืองใหญ่หมด ในอนาคตเราจะเห็นเมืองรองอย่างร้อยเอ็ด พิจิตร อ่างทอง พังงา ได้มีงบเข้ามาเพิ่มขึ้น นี่คือเรื่องที่น่าสนับสนุนมาก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บูมเศรษฐกิจ 2 ชาติ ! “อนุทิน” เร่งสร้างสะพานมิตรภาพจันทบุรี-ไพลิน จับมือกัมพูชา กระตุ้นค้าขายชายแดน-ท่องเที่ยว

วันที่ 21 พย. บริเวณสะพานข้ามคลองตะเคียน ด่านผักกาด จุดก่อสร้างสะพานมิตรภาพจันทบุรี-ไพลิน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหาร อาทิ นายอรรษิษฐ์ สัมพัน์รัตน์

'อนุทิน' ยันภูมิใจไทยโหวตเสียงข้างมาก 2 ชั้นในการทำประชามติ

'อนุทิน​' ยืนยัน​ ภท.​โหวต​เสียงข้างมาก 2 ชั้น หากนำมติ กมธ.ร่วมประชามติ​เข้าโหวตในสภา​ ย้ำเพื่อให้ ​ปชช.​ตัดสินใจเรื่องสำคัญอย่างแท้จริง​ ชี้ทุกอย่างมีเงื่อนเวลาถ้า​แก้ไม่ทันก็รอสภาชุดหน้า​ ​

“ผู้ประกอบการ ราชบุรี” ชม “อนุทิน” ฟื้นกีฬาวัวลาน ให้แข่งตอนกลางคืน มั่นใจ เป็นงานเฟสติวัลระดับโลก

จากกรณีที่กระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวง ให้การแข่งขันวัวลานจัดขึ้นในเวลากลางคืน ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 โดยล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปเปิดการแข่งขันวัวลานที่

'เสี่ยหนู' ลั่น 'เพื่อไทย-ภูมิใจไทย' ไม่เคยขัดแย้งปมที่ดินเขากระโดง!

'เสี่ยหนู' ยัน พท.-ภท. ไม่เคยขัดแย้งปมเขากระโดง ขอคนไม่อยู่ในวงอย่าคาดคะเน ชี้ไม่มีเหตุผลต้องปกป้องผลประโยชน์ใคร โอดกว่าจะนั่งคุม มท.แทบตาย ไม่ให้ใครมาด่าสาดเสียเทเสีย

3 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยื่นหนังสือ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย แก้ไขปัญหาในส่วนของท้องถิ่น 4 เรื่อง

วันที่ 12 พ.ย.2567 ที่พรรคภูมิใจไทย คณะกรรมการบริหารพรรค นำโดยนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค, นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรค, นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ รองเลขาธิการพรรค, นางสาวพิมพฤดา ตันจรารักษ์ รองเลขาธิการพรรค, นายกรวีร์

'สุริยะ' ลั่น รฟท.ไม่ยอมเสียที่ดินให้ใคร ขอให้จบในชั้นเจ้าหน้าที่ อย่าขยายประเด็นการเมือง

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณีกรมที่ดินมีมติไม่เพิกถอนสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)และกรมที่ดิน