ชาวโลกกำลังกังวลใจกับประเด็นเรื่องห้องแล็บทางชีววิทยาของสหรัฐอเมริกา

เมื่อเดือน สิงหาคม พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา องค์กรเอกชนที่ใช้ชื่อว่า สมาคมวัฒนธรรมและการศึกษาความปลอดภัยจากอัคคีภัยของเกาหลีใต้ ได้ฟ้องห้องแล็บทางชีวเคมีในฐานทัพสหรัฐฯ ที่ประจำเกาหลีใต้  รวมถึงศูนย์การทหาร Fort Detrick ในสหรัฐฯต่อศาลแขวงปูซาน ด้วยเหตุผล "กระทำกิจกรรมผิดกฎหมายในห้องปฏิบัติการ"

การต่อต้านครั้งนี้มาจากความหวาดกลัวของคนในเกาหลีใต้ เพราะตั้งแต่ปี  พ.ศ.2552 ถึงปี  พ.ศ.2558 กองทัพสหรัฐฯ ได้ส่งเชื้อแบคทีเรียแอนแทรกซ์ไปยังกองทัพสหรัฐที่ประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ 15 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2559 มีการเปิดเผยว่ากองทัพสหรัฐประจำการในเกาหลีใต้ได้จัดตั้งและดำเนินการห้องปฏิบัติการทางชีวเคมีที่ท่าเทียบเรือหมายเลข 8 ในท่าเรือปูซาน ซึ่งไวรัสอันตรายเหล่านี้ล้วนมาจาก Fort Detrick

ตามรายงานของสื่อเกาหลีใต้ ในฐานะประเทศมหาอำนาจทางการทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก สหรัฐอเมริกามีฐานทัพทหารในต่างประเทศมากกว่า 700 แห่งและห้องแล็บทางชีวภาพในต่างประเทศจำนวนมาก รัสเซียเพิ่งเปิดเผยหลักฐานสำคัญที่กล่าวหาว่าสหรัฐฯ ทำการวิจัยและพัฒนาอาวุธชีวภาพในยูเครนไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง ไม่ว่าสหรัฐอเมริกาจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม การมีอยู่ของห้องแล็บทางชีววิทยาก็เป็นความจริงอยู่ และมีข้อมูลแสดงให้เห็นว่าสหรัฐอเมริกามีห้องแล็บทางชีววิทยา 336 ห้องใน 30 ประเทศทั่วโลก

การมีอยู่ของห้องแล็บทางชีววิทยาในต่างประเทศสอดคล้องกับแผนการพัฒนาห้องปฏิบัติการความปลอดภัยทางชีวภาพขั้นสูงของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายด้านเทคโนโลยีชีวภาพของรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา  Biolabsในสหรัฐฯได้ทำการศึกษาเกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยงไวรัสที่มีความเสี่ยงสูงหลายโครงการด้วยเงินทุนจากรัฐบาลและการทหารของสหรัฐอเมริกา นักวิเคราะห์กล่าวว่า สาเหตุที่สหรัฐฯ จำเป็นต้องสร้างห้องแล็บทางชีววิทยาเพิ่มเติมในต่างประเทศก็เพราะว่า "วอชิงตัน"ต้องหลีกเลี่ยงความเสี่ยงภายในประเทศ

นอกจากนี้ สหรัฐฯยังได้ลงนามในข้อตกลงลับเพื่อมอบหมายให้ประเทศอื่นๆช่วยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ แน่นอนว่าการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพในห้องแล็บต่างประเทศนั้นย่อมนำมาซึ่งความอันตราย แต่สำหรับ"วอชิงตัน"แล้วนี่เป็นแค่มาตรการกระจายความเสี่ยงที่คุ้มค่าเท่านั้นเอง แม้ถูกกล่าวหามาหลายต่อหลายครั้ง สหรัฐฯก็ยังคงปฏิเสธว่าได้ทำกิจกรรมด้านชีววิทยาทางทหารในห้องแล็บในต่างประเทศ

หลังเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประเด็นเรื่องห้องแล็บทางชีววิทยาของสหรัฐอเมริกาก็ถูกจับตามองอีกครั้ง

ตามรายงานจากสื่ออังกฤษอย่าง Daily Mail เมื่อเร็ว ๆ นี้ หลังกองทหารรัสเซียได้บุกเข้าไปยูเครน มีคนสงสัยว่าความลับของห้องแล็บทางชีววิทยาของสหรัฐในยูเครนรั่วไหลออกไปหมด โดยนายอิกอร์ คิริลลอฟ (Igor Kirillov) ผู้บัญชาการของกองทหารป้องกันทางชีวเคมีของกองทัพรัสเซียได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจต่อสาธารณชนว่า "การทดลองยาของอเมริกา" ในยูเครนทำให้กองทัพยูเครนเสียชีวิตจำนวนมาก กองทัพรัสเซียยังเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ"โครงการ UP-8"ซึ่งเป็นการทดลองยา ขณะที่กองทัพยูเครนมี "อาสาสมัคร" มากกว่า 4,000 คนได้ร่วมทำการทดสอบยาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นายอิกอร์ คิริลลอฟอ้างสื่อของบัลแกเรียว่า "การทดลอง" ในห้องแล็บนี้ทำให้นายทหารยูเครนเสียชีวิตไป 20 นาย และอีก 200 นายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล   

"ห้องแล็บลับ" แบบดังกล่าวถูกห้ามในสหรัฐอเมริกา แต่สหรัฐฯกลับได้"สนับสนุน" โครงการเหล่านี้โดยตรงในยูเครน เครือข่าย "ห้องปฏิบัติการชีวภาพ" ของยูเครนก็รั่วไหลเช่นกันหลังจากกองทัพรัสเซียบุกยูเครน และรัสเซียได้ค้นพบเครือข่ายที่ควบคุมโดยเดอะเพนตากอนโดยตรง ซึ่งเกี่ยวข้องกับ "ห้องปฏิบัติการชีวภาพ" มากกว่า 30 แห่ง

แม้แต่สื่อของอังกฤษก็เริ่มสงสัยแล้วว่าไวรัสโควิด-19 ตัวใหม่ที่บุกรุกโลกอาจเป็น"Made in America" ก็เป็นได้ สาเหตุที่ตั้งข้อสังเกตคือ " Daily Mail" ได้รายงานว่า บริษัท Moderna ของสหรัฐ ได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรทางชีวภาพเกี่ยวกับยีนในปี พ.ศ.2559 แต่ Gene fragment ที่เกี่ยวข้องถูกค้นพบในยีนของไวรัส Covid-19 ถูกระบุว่าเป็นการค้นผบใหม่ ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการยืนยังจากนักวิจัยในอังกฤษด้วย

หลังถูกรัฐบาลรัสเซียกล่าวหาว่ามีห้องปฏิบัติการอาวุธเคมีและชีวภาพในยูเครน สหรัฐฯพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของสาธารณชนจากปัญหานี้ ด้วยความเชื่อที่ว่า "การโจมตีเชิงรุกคือการป้องกันที่ดีที่สุด"  กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯพยายามกล่าวหามอสโกว่ากำลังใช้เรื่องนี้เพื่อปกปิดความตั้งใจของกองทัพรัสเซียในการใช้อาวุธชีวภาพหรืออาวุธเคมีในระหว่างการปฏิบัติการพิเศษทางทหาร

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังพยายาม "สยบข่าวลือ" ผ่านสถานทูตและสถานกงสุลทั่วโลก เมื่อไม่นานนี้ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในเวียดนามได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า"ยูเครนเป็นพื้นที่สะอาดและปลอดจากอาวุธชีวภาพและเคมี" และได้โจมตีว่ารัสเซียเป็น"ผู้ใช้อาวุธชีวภาพ"ก่อเหตุบ่อยครั้ง

อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ ผู้คนในภูมิภาคนี้ยังตื่นตัวกับแนวปฏิบัติของสหรัฐๆอยู่ ภายใต้บทความของสถานทูตสหรัฐฯ ในเวียดนาม ชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยได้แสดงความคิดเห็นแบบประชดประชันต่อ"การสยบข่าวลือ" ของสหรัฐฯ มีคนตั้งคำถามกลับไปว่าสหรัฐฯ ยังจำการใช้ "Agent Orange" กับเวียดนามได้หรือไม่ในช่วงสงครามเวียดนาม บางคนยังอ้างถึงความโหดร้ายของสหรัฐฯ ต่ออิรักเมื่อ 20ปีที่ผ่านมา โดยชี้ให้เห็นว่าสหรัฐฯ เผยแพร่ข่าวลือว่าอิรักครอบครองอาวุธชีวภาพและเคมีขนาดใหญ่ และบุกโจมตีประเทศอธิปไตยด้วยข้ออ้างนี้ในปี พ.ศ.2546 ตามลำดับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ นำยึด 'โทลูอีน' สารตั้งต้นยาเสพติด ล็อตใหญ่ 90 ตัน

'เศรษฐา' ลงพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบับ นำยึด 'โทลูอีน' สารตั้งต้นยาเสพติดล็อตใหญ่กว่า 90 ตัน พบต้นทางเกาหลีใต้ปลายทางเมียนมา กำชับ ตร. ดูแลสวัสดิการเจ้าหน้าที่ หลังเกิดเหตุปะทะ อ.เชียงดาว

'4MIX' เพิ่มเลเวลความดุดันปล่อย 'Walk Walk' เสียดสีการแข่งขันของคนยุคใหม่

ตัวตึงตัวแรงกว่าเดิมสองเท่า! เมื่อ วง 4MIX โดยมีสมาชิก ได้แก่ นินจา-จารุกิตต์ คำหงษา, แมกก้า-ณัฐภัทร ดีเลิศตระกูล, โฟล์คซอง-ชนินทร บุญรอด และ จอร์จ-ราเมศวร์ เกียรติสุขอุดม ศิลปินภายใต้สังกัด 411Records

กัญชาเลิกยาบ้า! ผลวิจัย 2 ประเทศใช้กัญชาเลิกยาเสพติดรุนแรง

“ปานเทพ” ชี้ชัดผลวิจัย 2 ประเทศระดับโลก แคนาดา – สหรัฐฯ นำกัญชาใช้เลิกยาเสพติดรุนแรงได้  ชี้ต้องมองให้เป็นยุทธศาสตร์ ที่จะนำมาใช้เพื่อลดปัญหา