เรือ 1 ใน 3 รายของเอกชนที่ดูดทรายกลางลำน้ำชี บริเวณหมู่ที่ 12 ต.ท่าไห อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี
กุฏิวัดป่าเสาธุงริมน้ำชี ต.ท่าไห ห่างจากจุดดูดทรายประมาณ 2 กิโลเมตร ชาวบ้านเชื่อว่าตลิ่งทรุดจากการดูดทราย ทำให้กุฏิริมน้ำพังเสียหาย
อุบลราชธานี / ชาวบ้านตำบลท่าไห อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี รวมตัวตั้งกลุ่มอนุรักษ์ร้องเรียนเอกชน 3 รายรุมดูดทรายในลำน้ำชีทำตลิ่งเสียหายเป็นแนวยาวหลายจุด-กุฏิพระ ถนน ที่นาพัง เผยร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดแล้วแต่ไม่เป็นผล อ้างขออนุญาต-ทำประชาคมหมู่บ้านถูกต้อง กลุ่มอนุรักษ์ยันการทำประชาคมไม่โปร่งใส รีบทำ รีบลงมติ ชาวบ้านไม่รู้ข้อเท็จจริง แถมแจกเงิน เรียกร้องให้ทำประชาคมใหม่ทั้งตำบล และให้จังหวัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบผลกระทบ
นายธนพงษ์ ชูเนตร อายุ 74 ปี อดีตข้าราชการครู ชาวบ้านท่าไห ในฐานะที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์หาดทรายลำน้ำชีเพื่อชาวตำบลท่าไห อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า กลุ่มอนุรักษ์หาดทรายลำน้ำชีฯ เกิดจากการรวมตัวของชาวบ้านที่ต้องการอนุรักษ์หาดทรายในตำบลท่าไหเอาไว้ เนื่องจากมีบริษัทและห้างหุ้นส่วนจำกัด 3 รายในจังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษเข้ามาทำธุรกิจดูดทรายในลำน้ำชีบริเวณหาดกุดฟ้า หมู่ที่ 12 เพื่อเอาทรายไปขายเป็นทรายก่อสร้าง เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งการดูดทรายในน้ำทำให้เกิดผลกระทบ ทำให้ตลิ่งทรุดตัวเป็นแนวยาวประมาณ 2 กิโลเมตร และทำให้กุฏิพระวัดป่าเสาธุงที่ตั้งอยู่ริมน้ำชีพังเสียหายด้วย
นอกจากนี้ยังทำให้เส้นทางลำลองเลียบลำน้ำชีที่ชาวบ้านใช้สัญจรไปมาและที่นาของชาวบ้านหลายรายริมน้ำชีพังเสียหายด้วย โดยที่ผ่านมาเอกชนที่ดูดทรายได้มาชดเชยค่าเสียหายให้แก่ชาวบ้านเป็นเงินรายละ 5,000 บาทแล้ว แต่ชาวบ้านก็กลัวว่าที่นาจะพังทลายลงน้ำเสียหายอีก เงินชดเชยเพียง 5,000 บาทไม่คุ้มกับที่นาที่ต้องเสียไป
“หาดทรายริมน้ำชีในตำบลท่าไห เมื่อถึงวันสงกรานต์แต่ละปี ชาวบ้านจะจัดงานก่อเจดีย์ทราย แล้วนิมนต์พระมาฉันเพลที่ริมหาดทราย เป็นประเพณีที่ชาวบ้านสืบทอดกันมานาน ผมเห็นประเพณีนี้ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ตอนนี้ผมอายุ 74 ปีแล้ว จึงอยากจะอนุรักษ์หาดทรายและประเพณีนี้เอาไว้ให้ลูกหลาน และหาดทรายยังเป็นแหล่งพักผ่อนและท่องเที่ยวของชาวบ้านด้วย แต่หากยังมีการดูดทรายต่อไปเรื่อยๆ หาดทรายก็จะพังเสียหาย ชาวบ้านจะได้รับผลกระทบด้วย โดยเฉพาะคนที่ทำนา และคนหาปลาในลำน้ำชี พวกเราจึงตั้งกลุ่มอนุรักษ์ขึ้นมา”
ส่วนหนึ่งของกลุ่มอนุรักษ์หาดทรายลำน้ำชีเพื่อชาวตำบลท่าไห
ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์กล่าวต่อไปว่า แม่น้ำชีมีต้นกำเนิดมาจากจังหวัดชัยภูมิ ไหลผ่านจังหวัดต่างๆ และผ่านอำเภอเขื่องใน ไปบรรจบกับแม่น้ำมูลที่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ช่วงที่น้ำชีไหลผ่านตำบลท่าไห อ.เขื่องใน ไหลผ่าน 8 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 5,8,9,3,11,2,1 และหมู่ที่ 12 มีความยาวเกือบ 20 กิโลเมตร โดยมีเอกชน 3 รายมาทำธุรกิจดูดทรายในลำน้ำชีบริเวณหาดกุดฟ้า หมู่ที่ 12 ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน
“ในช่วงปีแรก ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เมื่อมีการทำประชาคมหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงลงมติเห็นชอบให้เอกชนมาดูดทราย เพราะไม่คิดว่าจะมีผลกระทบเกิดขึ้น และคิดว่าจะทำให้ อบต.มีรายได้จากการอนุญาตดูดทรายเพื่อเอามาพัฒนาตำบล เมื่อกลุ่มอนุรักษ์เริ่มคัดค้าน อบต.ท่าไหจึงจัดให้มีการประชามติทั้งตำบลเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา มีชาวบ้านมาประมาณ 1 พันคน ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่จะอนุญาตให้ดูดทราย เพราะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้ว แต่มีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนและคัดค้าน จนต้องยุติการทำประชามติในวันนั้น” ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์กล่าว
บริเวณท่าทรายริมน้ำชีที่เรือจะดูดทรายจากท้องน้ำขึ้นมากองก่อนใช้รถบรรทุกขนออกไป
นายธนพงษ์กล่าวต่อไปว่า หลังจากนั้นกลุ่มอนุรักษ์ฯ จึงไปร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในจังหวัดอุบลราชธานี เช่น ที่ดินจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด กรมเจ้าท่า ผู้ว่าราชการจังหวัด รวมทั้งร้องเรียนออนไลน์ไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร โดยมีผู้แทนจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ และคณะกรรมาธิการที่ดินฯ เดินทางมาดูข้อเท็จจริงแล้วในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา กลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลราชธานีเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนการต่อใบอนุญาตดูดทรายให้เอกชน 3 รายที่เพิ่งหมดลงไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
เส้นทางสัญจรบริเวณใกล้หาดกุดฟ้า หมู่ที่ 12 ต่อเนื่องไปถึงนาข้าวของชาวบ้านเยื้องกับจุดดูดทรายพังเป็นแนวยาว
“หน่วยงานในจังหวัดอุบลราชธานีต่างก็อ้างว่า อบต.ท่าไหและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดอนุญาตดูดทรายถูกต้องแล้ว เพราะมีการทำประชาคมลงมติไปแล้ว กลุ่มอนุรักษ์จึงขอเรียกร้องให้มีการทำประชาคมเพื่อลงมติใหม่ทั้งตำบล เพราะที่ผ่านมามีการทำประชาคมเพียงไม่กี่หมู่บ้าน และทำประชาคมแบบรวบรัด บางหมู่บ้านประกาศทางเสียงตามสายตอนเช้าวันนั้น แล้วให้ชาวบ้านมาประชุมเลย บางหมู่บ้านมีการแจกเงิน หัวละ 200-500 บาทเพื่อให้ชาวบ้านสนับสนุน จึงขอเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ และขอให้ทางจังหวัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความเสียหายจากการดูดทรายที่เกิดขึ้นด้วย” ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์หาดทรายลำน้ำชีฯ กล่าวในตอนท้าย
อีกจุดหนึ่งที่เรือกำลังดูดทรายทำให้เนินทรายทรุดตัวตามแรงดูด
ทั้งนี้ตำบลท่าไหอยู่ห่างจากตัวจังหวัดตามเส้นทางอุบลราชธานี-ยโสธร ประมาณ 38 กิโลเมตร มี 13 หมู่บ้าน ประมาณ 1,800 ครอบครัว ประชากรรวมกว่า 9,000 คน ส่วนใหญ่มีอาชีพทำนา รับจ้างทั่วไป จับปลาในลำน้ำชี และเป็นหมู่บ้านหนึ่งที่ชาวบ้านนิยมเข้ามาขับแท็กซี่ในกรุงเทพฯ
หาดท่าระหัดแหล่งพักผ่อนของชาวบ้าน โดยจะจัดงานประเพณีก่อกองทรายและสรงน้ำพระในวันสงกรานต์ทุกปี ชาวบ้านหวั่นว่าหากยังมีการดูดทรายต่อไป หาดท่าระหัดจะได้รับความเสียหาย เพราะทรายจะไหลลงไปในท้องน้ำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ร้องเรียน 4 ปียังไม่แก้ไข! ผู้ประกอบการดูดทรายแม่น้ำหลังบ้าน ดินทรุดเสี่ยงบ้านถล่ม
ชาวบ้านตำบลกลอนโด เดือดร้อนหนัก ผู้ประกอบการท่าทราย นำเรือดูดทรายเข้ามาดูดทรายจากแม่น้ำด้านหลังบ้านจนเกิดดินทรุดเป็นหลุมเป็นบ่อเต็มพื้นที่ ล่าสุด ลามถึงเสาหลังบ้าน เสี่ยงบ้านถล่ม ร้องไปหลายหน่วยงานนานกว่า 4 ปี แต่ยังไร้การแก้ไข
“บ้านน้ำเชี่ยว 2 ศาสนา3 วัฒนธรรม” สานพหุวัฒนธรรม นำสู่การจัดการจัดการตนเอง (2)
พวกเราได้รู้จักบ้านน้ำเชี่ยวจังหวัดตราดไปแล้ว ต้องบอกว่าเป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทั้งในด้านวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม
เครือข่ายพัฒนาที่อยู่อาศัย 17 ประเทศในระดับเอเชียและนานาประเทศ ผนึกพลังทุกภาคส่วนสร้างบ้านเพื่อทุกคน เสนอรัฐหนุนเสริมบ้านโดยชุมชน ปลดล๊อกสิทธิที่ดินและระบบการเงิน สู่ความยั่งยืนมั่นคง
กทม. : วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ภาคีขับเคลื่อนและพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยชุมชนจาก 17 ประเทศในระดับเอเชียและนานาประเทศ ร่วมเสนอแนวทางการการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยชุมชนในระดับเอเชียและนานาประเทศ
ภาคีขับเคลื่อนและพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยชุมชน เปิดวงแลกเปลี่ยนบทเรียนการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยชุมชนในระดับเอเชียและนานาประเทศ
วันที่ 2-3 กรกฎาคม 2567 ภาคีขับเคลื่อนและพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยชุมชน หน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน ประชาสังคม นักวิชาการ สถาบันการศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิ
วราวุธ รมว.พม. เยี่ยมบ้านมั่นคงเมืองย่าโม ย้ำนอกจากมีบ้านแล้วต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีทุกครัวเรือน
วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการบ้านมั่นคง
พอช. ร่วมเครือข่าย Kick Off ประชุมสัมมนาระหว่างประเทศ การพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยที่ชุมชนเป็นหลัก (Collective Housing Conference) “คำตอบคือชาวชุมชน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง มุ่งแก้ปัญหาควายากจน สร้างคน-ชุมชนเข็มแข็ง”
ศูนย์ประชุมแห่งสหประชาชาติ / วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.)