‘สปสช.-HITAP’ เปิดตัวเว็บไซต์ ucbp.nhso.go.th ช่องทางใหม่เสนอเพิ่มสิทธิบัตรทอง

สปสช.จับมือ HITAP เปิดตัวเว็บไซต์ ucbp.nhso.go.th  เป็นช่องทางใหม่ให้กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนทั่วไปเสนอความคิดเห็นในการพัฒนาปรับปรุงสิทธิประโยชน์บัตรทอง  โดยเลขาธิการ สปสช. แนะประชาชนเสนอความคิดเห็นเข้ามาเยอะๆ อย่ามองว่าเป็นเรื่องไกลตัวหรือเสนอมาแล้วคงไม่ถูกนำไปพิจารณา ยกตัวอย่างระบบ Home Isolation ก็มาจากข้อเสนอแนะของประชาชนที่มีส่วนร่วม

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกับ โครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) จัดงานเปิดตัวเว็บไซต์ http://ucbp.nhso.go.th ซึ่งจะเป็นแหล่งรวบรวมหัวข้อที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาเพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ การขยายขอบเขตสิทธิประโยชน์เดิม รวมทั้งเป็นช่องทางเสนอหัวข้อการเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนทั่วไป

ทั้งนี้เว็บไซต์ http://ucbp.nhso.go.th จะมีทั้งคอลัมน์แนะนำที่มาของการพัฒนาสิทธิประโยชน์บัตรทองและบทความอื่นๆที่น่าสนใจ เมนูการค้นหาสถานะหัวข้อปัญหา หัวข้อที่ถูกบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ล่าสุด และเมนูสำหรับให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียเสนอหัวข้อปัญหาเพื่อการปรับปรุงพัฒนาสิทธิประโยชน์บัตรทอง

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)  กล่าวว่า แต่ละปี สปสช.มีการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ ทั้งเพิ่มสิทธิการรักษาโรคใหม่ๆ เช่น โควิด-19 หรือวิธีการรักษาแบบใหม่ เช่น ผ่าตัดส่องกล้อง ยาใหม่ หรือเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งในอดีตจะใช้วิธีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น แต่ในปัจจุบัน สปสช.พัฒนาช่องทางต่างๆ ทั้งเว็บไซต์ http://ucbp.nhso.go.th ไลน์ @nhso หรือแม้แต่โทรมาที่สายด่วน 1330 ก็ได้ ทุกข้อเสนอ ทาง สปสช.จะรับฟังและนำไปประมวลว่าจะนำไปสู่การปรับปรุงระบบบัตรทองให้ดีขึ้นได้อย่างไร

"อยากให้ประชาชนสนใจเรื่องสิทธิประโยชน์และเสนอความคิดเห็นเข้ามาเยอะๆ อย่าคิดว่าข้อเสนอของตัวเองคงไม่ได้รับฟังหรือถูกนำไปพิจารณา ผมยกตัวอย่างโควิด-19 ช่วงต้นปีมีประชาชนส่งข้อมูลมาว่าที่ประเทศอังกฤษเขาให้ประชาชนรักษาตัวที่บ้าน เรารับฟังแล้วให้เจ้าหน้าที่หาข้อมูล แล้วก็นำไปหารือกับกรมการแพทย์ จนมีการพัฒนาการจนมาเป็นระบบ Home Isolation ดังนั้นอย่าคิดว่าการเสนอหัวข้อพัฒนาสิทธิประโยชน์บัตรทองเป็นเรื่องไกลตัว วันนี้เรามีช่องทางหลายช่องทาง ผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนทุกคนสามารถเสนอเข้ามาได้เลย"นพ.จเด็จ กล่าว

 

ด้าน นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ประธานคณะทำงานด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขในการกำหนดประเภทและขอบเขตบริการด้านสาธารณสุข กล่าวว่า ชุดสิทธิประโยชน์ คือบริการสาธารณสุขพื้นฐานที่ทุกคนต้องได้รับอย่างเท่าเทียมกัน การพิจารณาเพิ่มสิทธิประโยชน์ จะใช้หลักการ SAFE คือ Sustainable มีความยั่งยืน Adequate มีเงินเพียงพอที่จะจัดบริการ Fair มีความเสมอภาค เท่าเทียมและเป็นธรรม และ Efficient ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ โดยมีหลักเกณฑ์คือ

1.ต้องมีความคุ้มค่า เช่น ถ้ามีเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวขึ้น 1 ปี จะต้องลงทุนมากน้อยเท่าใด สมมุติว่าความสามารถในการจ่ายของประชาชนเพื่อให้มีชีวิตต่อไป 1 ปีอยู่ที่ 1.2-1.4 แสนบาท หากยาหรือเทคโนโลยีใหม่มีต้นทุนไม่เกินนี้ถือว่าคุ้มค่า เป็นต้น

2.มีความเป็นไปได้ในเชิงงบประมาณ ต้องพิจารณาความสามารถในการจัดงบประมาณสนับสนุนในระยะยาว

3.มีความเป็นธรรม เช่น หากประชากรใน อ.อุ้มผางเข้าไม่ถึงบริการ แต่คนในกทม.เข้าถึงได้ แบบนี้ไม่เป็นธรรม และ

4.การให้คุณค่าทางสังคม ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่เทคโนโลยีใหม่มีราคาแพง ไม่มีความคุ้มค่า อาทิ การบำบัดทดแทนด้วยเครื่องไตเทียม การปลูกถ่ายไต หรือการรักษาโรคหายากบางโรค บริการเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายสูง ไม่มีความคุ้มค่า แต่ถ้าไม่จัดบริการให้ ประชาชนอาจต้องล้มละลายจากการรักษาตัว สปสช.ก็จะพิจารณาจัดเป็นสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมด้วยเพื่อป้องกันการล้มละลายของครัวเรือน

"กระบวนการทั้งหมดนี้คือการมีส่วนร่วม ภาคประชาสังคมและผู้ให้บริการบอกว่าอยากได้อะไร ส่วนภาครัฐพร้อมสนับสนุนงบประมาณหรือไม่ ภาควิชาการต้องศึกษาความคุ้มค่าผลประทบต่องบประมาณ ความเสมอภาค มันรวมกันทั้งหมด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องดึงทุกภาคส่วนมาทำงานร่วมกัน" นพ.สุวิทย์ กล่าว

ขณะที่ รศ.นพ.เชิดชัย นพมณีจํารัสเลิศ ประธานคณะทำงานคัดเลือกหัวข้อ กล่าวว่า เมื่อมีงบประมาณจำกัด การจะคัดเลือกเทคโนโลยีหรือการรักษาใหม่มาเพิ่มเป็นสิทธิประโยชน์ต้องมีความคุ้มค่า ความคุ้มค่าในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าต้องราคาถูกอย่างเดียว เช่น ยาบางตัวราคาถูกแล้วต้องรักษาต่อเนื่องนาน แต่ยาอีกตัวราคาแพงแต่หายเร็ว คำนวนความคุ้มค่าแล้วอาจจะถูกกว่า ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะมีนักวิชาการมาคำนวนและเสนอให้คณะอนุกรรมการพิจารณา

"หัวข้อที่มีการเสนอเข้ามา เราแบ่งเป็น 3 ประเภท

1. การรักษา

2. การป้องกันโรค

3. โรคหายาก

เมื่อมีผู้เสนอหัวข้อมาแล้ว เราจะมีทีมวิชาการประเมินเบื้องต้นก่อนว่าหัวข้อไหนที่ควรนำไปศึกษาอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ชุดสิทธิประโยชน์ใหม่  โดยใช้เกณฑ์ 5 ข้อ คือ

1.เทคโนโลยีนั้นสามารถใช้กับโรคที่ประชาชนได้รับผลกระทบจำนวนมาก

2.มีหลักฐานว่าให้ผลการรักษาที่ดีมาก เช่น ลดอัตราการเสียชีวิตหรือพิการ ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

3.ความเท่าเทียม เช่น หากข้าราชการ ประกันสังคม มีสิทธิการรักษาบางอย่างแล้วบัตรทองยังไม่มี ก็จะมีโอกาสถูกพิจารณาสูง

4.ภาระต่อเศรษฐกิจครัวเรือน หากเทคโนโลยีใหม่ให้ผลการรักษาที่ดีมากแต่ราคาแพงจนอาจกระทบกับเศรษฐกิจครัวเรือน ก็มีโอกาสสูงที่จะนำมาพิจารณา และ

5.จริยธรรม คุณธรรม เช่น กลุ่มเปราะบางหรือเป็นโรคหายากที่มีจำนวนผู้ป่วยน้อย แต่ให้คนกลุ่มนี้มีโอกาสได้รับการดูแล ก็จะมีการพิจารณาด้วยเช่นกัน" รศ.นพ.เชิดชัย กล่าว

 

สำหรับข้อเสนอแนะจากประชาชนทุกคนอย่ามองว่าเป็นเรื่องไกลตัวหรือเสนอมาแล้วคงไม่ถูกนำไปพิจารณา เพราะนี้คือโอกาสที่ทุกท่านจะสามารถนำเสนอเรื่องสิทธิประโยชน์และเสนอความคิดเห็นได้ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเว็บไซต์ http://ucbp.nhso.go.th

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอเหรียญทอง' แจกแจงแนวคิดจ่ายเงินเอง ราคาบัตรทอง ชี้ช่วยลดความแออัดผู้ป่วยรพ.รัฐ

พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า โครงการ 'จ่ายเงินเอง ราคาบัตรทอง แอดมิตไม่ต้องเสียเงิน ทุกเขตทั่วราชอาณาจักรไม่ต้องใช้ใบส่งตัว'

ตีปี๊บ '30 รักษาทุกที่' เต็มรูปแบบ ครอบคลุมทุกพื้นที่ 77 จังหวัดของไทย

รัฐบาล ประกาศ '30 รักษาทุกที่' เต็มรูปแบบ ด้วยโอกาสของคนไทยนับจากนี้ ต้องมีชีวิตดี สุขภาพดี เริ่มแล้วครอบคลุมทุกพื้นที่ 77 จังหวัดของประเทศไทย