ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ ถึงมุมมองแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในช่วงนี้ต้องปรับวิธีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันเนื่องจาก ช่วงการแพร่ะระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดการล็อคดาวน์จึงมีมาตรการเยียวยาผลกระทบเพื่อช่วยประชาชนเพื่อลดผลกระทบและการเติมเงินเข้าระบบเศรษฐกิจซึ่งประเทศต่างๆทั่วโลกก็ดำเนินการไม่ต่างกัน อย่างไรก็ตามโควิด-19 ได้ผ่านมา 2 ปีสิ่งที่กำลังเผชิญคือเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงหรือเข้าสู่ภาวะ Stagflation จึงไม่สามารถใช้กลไกการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในแบบภาวะปกติทำให้การแก้ไขปัญหายากขึ้น
“ เวลาเศรษฐกิจถดถอย กลไกที่จะนำมาใช้ในการกระตุ้นคือการลดดอกเบี้ยเพื่อที่จะทำให้ต้นทุนต่ำลงเพื่อก่อให้เกิดการใช้จ่ายที่เพิ่มในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่วันนี้ใช้ไม่ได้เพราะเราอยู่ในช่วงภาวะข้าวยากหมากแพงราคาสินค้าสูง เงินเฟ้อจึงสูงตาม สิ่งที่ต้องแก้ก็คือการขึ้นดอกเบี้ยวันนี้ก็เลยทำให้เศรษฐกิจถดถอยแต่เงินเฟ้อสูง หรือ Stagflation เลยเป็นโจทย์ที่แก้ยากขึ้นเครื่องมือที่เคยใช้ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยก็จะใช้ได้ยากขึ้นอีกเพราะ หากจะปรับลด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อก็อาจจะพุ่งสูงขึ้นไปกว่าเดิม หรือหากจะปรับเพิ่ม เศรษฐกิจก็อาจจะหดตัวลงไปมากกว่าเดิม ”ศ.ดร.นฤมลกล่าว
ดังนั้นสิ่งที่ต่างประเทศได้ดำเนินการไทยเองจำเป็นต้องมาวิเคราะห์และประยุกต์ใช้ โดยต้องมองว่าอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นมาจากปัจจัยใด ทั้งราคาสินค้าที่สูงและราคาพลังงานซึ่งผลกระทบไม่ใช่มาจากปัจจัยการแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งหมด จึงต้องนำหลักเศรษฐศาสตร์ทั้งด้านความต้องการ(ดีมานด์)และการผลิต(ซัพพลาย) มาหาแนวทางให้เกิดความสมดุล เพราะช่วงการล็อกดาวน์นั้นส่งผลให้วัตถุดิบและแรงงานไม่สามารถผลิตสินค้าได้จึงทำให้การผลิตลดลง แต่ความต้องการยังคงเติบโตจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ โดยการอัดเงินเข้ากระตุ้นกำลังซื้อจึงทำให้ราคาสินค้าปรับตัว หากใช้นโยบายกระตุ้นกำลังซื้อให้เพิ่มขึ้น ด้วยการปรับลดดอกเบี้ย จึงไม่ใช่แนวทางที่ใช้ได้ในปัจจุบัน ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายในการเข้าไปช่วยเหลือระบบภาคการผลิตให้สามารถผลิตสินค้าได้อย่างต่อเนื่องและเพียงพอ โดยไม่หยุดชะงัก หากมีการขาดแรงงาน รัฐอาจต้องเข้าไปสนับสนุน เพื่อสร้างระบบเติมให้เต็มตลอดห่วงโซ่อุปทาน
อย่างไรก็ตามในนโยบายของพรรค พปชร. ยังคงยึด 3 เรื่องสำคัญ คือเรื่องสวัสดิการประชารัฐทำอย่างไรให้ ประชาชนคนไทยเข้าสู่สิ่งจำเป็น ขั้นพื้นฐานที่ที่ประชาชนควรได้รับ เพื่อให้เกิดการต่อยอดด้วยเศรษฐกิจประชารัฐ ในรูปแบบความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับชุมชน โดยเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ๆ หรือ BCG ซึ่งรวมถึงกฎหมายที่ส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม และการแก้ไขมลพิษ PM 2.5 การส่งเสริมอุตฯยานยนต์ EV ซึ่งพรรคให้การสนับสนุนต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเรื่องของเศรษฐกิจประชารัฐ และที่ให้ความสำคัญด้านสุดท้าย คือ สังคมประชารัฐ เป็นนโยบายเน้นสังคมปลอดภัย ดูแลเรื่องยาเสพติด ซึ่งขณะนี้ได้ทำผ่านกลไกของรัฐมนตรี ที่ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของ กระทรวงยุติธรรม โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ กำลังดำเนินการอยู่
ทุกวันนี้นโยบายของพรรค ต้องคิดให้ละเอียดมากขึ้นในการที่จะนำนโยบายไปใช้แต่ละพื้นที่ เพราะทุกพื้นที่มีความแตกต่าง แต่ยังคงยึด 3 เสาหลัก แต่วันนี้ทุกคนในพรรคทำหน้าที่ ทั้งส.ส. ที่ลงพื้นที่ต่อเนื่อง เพื่อดูแลประชาชน ส่วนรัฐมนตรีที่บริหารกระทรวงต่างๆ ใช้กลไกของกระทรวงเข้าไปช่วยเหลือประชาชน อย่างเช่นนาย อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนัก มุ่งเน้นทำเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ช่วยเหลือชุมชนให้เข้มแข็ง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ดูแลเรื่องของไกล่เกลี่ยหนี้สิน และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ทำในเรื่องของบัตรสวัสดิการประชารัฐ อันนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ การเข้าถึงสิทธิ์ เป็นเรื่องจับต้องได้เลยแล้วก็เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
ศ.ดร. นฤมล กล่าวว่า ในส่วนของตน บนเส้นทางการเมือง มองว่าสามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมได้ เพราะเราในฐานะนักวิชาการที่เข้ามาสนับสนุนการมีส่วนร่วมให้เกิดได้อย่างเต็มที ยืนยันว่าไม่มีเคยคุยเรื่องย้ายพรรคกับใคร ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการประชุมเพื่อขับเคลื่อนนโยบายของพรรค และเริ่มทำกิจกรรมทางการเมือง เพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชนในแต่ละภาคทั่วประเทศ ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ฯได้มอบหมาย ให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค เป็นผู้รับผิดชอบจัดกิจกรรมโรดโชว์แต่ละภาคภายใต้แคมเปญ “พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย” ซึ่งดำเนินกิจกรรมทั้ง 10 ภาค ตามโครงสร้างการบริหารของพรรค โดยเริ่มจากภาค 2 ที่จ. ชลบุรี ที่จัดขึ้นไปแล้วเมื่อเร็วๆนี้ และกำลังพิจารณาว่าจะจัดในพื้นที่อื่นต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“รมว.นฤมล” สั่ง Set Zero สารปนเปื้อนในผลไม้ พร้อมวางมาตรการใหม่ภายใน 10 วัน ลุยตรวจเข้ม ยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยผักผลไม้ไทย
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ครั้งที่ 1/2568
'บิ๊กป้อม' ตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบาย พปชร. ในสภาฯ
นางกาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไดัลงนามคำสั่งพรรคพลังประชารัฐ ที่ 2 /2568 เรื่อง
'รมว.นฤมล' เร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินให้เกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรลูกหนี้ธนาคาร 4 แห่ง ให้เสร็จภายใน 22 มี.ค. นี้
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือและรายงานผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรลูกหนี้ธนาคาร 4 แห่ง ร่วมกับสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
“รมว.นฤมล”ชวน ผู้ปกครองพาบุตรหลานเที่ยวงาน "วันเด็กแห่งชาติ" เสาร์ 11 ม.ค.นี้ เผย ก.เกษตรฯ จัดเต็ม ของขวัญ ของที่ระลึกมากมาย
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 กระทรวงเกษตรฯ
”รมว.นฤมล“เผย ไทยติดสปีดพัฒนาการผลิตข้าวคาร์บอนต่ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้กว่า 10 ล้านไร่ หนุนทำนาเปียกสลับแห้ง ลดปล่อยก๊าซมีเทน
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงสถานการณ์การแข่งขันกันในเรื่องสินค้าที่ปล่อยคาร์บอนตํ่า เพื่อลดภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขั้นตอนการผลิต
“รมว.นฤมล”เผย ก.เกษตรฯพร้อมตั้ง “ศูนย์ข้าวชุมชน”อีก 5 พันแห่ง ในปี 68-69 พร้อมชวนเกษตรกรร่วมเป็น“ชาวนาอาสา” เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พัฒนาศักยภาพ ตอบโจทย์ตลาดและผู้บริโภค
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมการข้าว มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวรวมตัวกันจัดตั้ง “ศูนย์ข้าวชุมชน” เพื่อเป็นรากฐานในการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตข้าว