“พลเอก ประวิตร” Kick off “การพัฒนาและฟื้นฟูคลองพระพิมล” ยกระดับคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม และท่องเที่ยว เพื่อประชาชนในพื้นที่ จ.นนทบุรี-จ.นครปฐม

พลเอก ประวิตร เป็นประธาน Kick off โครงการพัฒนาและฟื้นฟูคลองพระพิมล จ.นนทบุรี-จ.นครปฐม รวมระยะทางกว่า 30 กม. มอบ สทนช.บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแผนพัฒนา 4 ด้านตอบโจทย์ความต้องการประชาชนในพื้นที่ 

วันนี้ (8 ก.ค. 65) เวลา 14.00 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานงานพิธีเปิดโครงการพัฒนาและฟื้นฟูคลองพระพิมล (Kick off) โดยมี นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พลเอก จีรัชญ์ บุญชญา ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา(นทพ.) นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน หัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนชุมชน ให้การต้อนรับ ณ วัดไทรใหญ่ ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี และภายหลังพิธีเปิด พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ ได้พบปะประชาชนพร้อมมอบ “กิ่งพันธุ์ปันสุข” ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และผู้แทนชุมชน พร้อมเยี่ยมชมวิถีชีวิตดั้งเดิมริมคลองพระพิมล กิจกรรมการแสดงต่างๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้า OTOP พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเน้นย้ำเรื่องการพัฒนาปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแหล่งน้ำธรรมชาติ คูคลองต่างๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสุงสุด ซึ่งคลองพระพิมลถือเป็นเส้นทางที่สำคัญในการบริหารจัดการน้ำที่เชื่อมโยงแม่น้ำสำคัญ คือ เจ้าพระยาและท่าจีน ช่วยเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในช่วงฤดูแล้ง ผลักดันน้ำเค็ม ระบายน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก มีการจัดการคุณภาพน้ำ ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างอาชีพ และพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไป ปัจจุบันคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้ให้ความเห็นชอบแผนพัฒนาและอนุรักษ์คลองพระพิมล ภายใต้แผนงาน “แผนพัฒนาและอนุรักษ์คลองพระพิมล จ.นนทบุรี – จ.นครปฐม ระยะทางรวม 31.5 กิโลเมตร แล้วเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งหน่วยงานที่มีแผนงานภายใต้โครงการฯ สามารถนำไปใช้ในการเสนอขอรับงบประมาณต่อไป

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ สทนช. เร่งบูรณาการตามแผนงาน/โครงการจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งหน่วยงานส่วนกลางและหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ จ.นนทบุรี จ.นครปฐม กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมการพัฒนาชุมชน กรมควบคุมมลพิษ องค์การจัดการน้ำเสีย กรมการท่องเที่ยว องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เพื่อให้การพัฒนาและฟื้นฟูคลองพระพิมลเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า คลองพระพิมล เป็นคลองสายหลักที่ไหลผ่าน อ.บางบัวทอง อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี และ อ.บางเลน จ.นครปฐม มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการน้ำจากแม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งด้านการคมนาคม ด้านบรรเทาอุทกภัย และการเกษตรของประชาชนทั้ง 2 จังหวัด โดยมีแผนการแผนพัฒนาทั้ง 4 ด้าน 41 โครงการ มีกรอบระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (ปี 2565-2570) ประกอบด้วย 1.แผนการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ และเพิ่มการระบายน้ำในลำคลอง จำนวน 15 โครงการ พื้นที่รับประโยชน์ 12,000 ไร่ ป้องกันการน้ำท่วม 9,000 ไร่ 2.แผนการส่งเสริมและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม จำนวน 9 โครงการ ซึ่งจะทำให้คุณภาพน้ำที่ดีขึ้น มีระบบบำบัดน้ำเสียได้ 0.35 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี ประชาชนมีจิตสำนึกและความรู้ในการอนุรักษ์คลองมากขึ้น 3.แผนการส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน จำนวน 7 โครงการ ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้น มีการพัฒนาด้านอาชีพ, มีผลิตภัณฑ์ชุมชน เช่นจากผักตบชวา และมีช่องทางการตลาด และ 4.แผนการส่งเสริมการท่องเที่ยว จำนวน 10 โครงการ ทำให้เกิดการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เพิ่มมูลค่า มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นในส่วนตลาดน้ำ และผู้ประกอบมีรายได้เพิ่มมากขึ้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สทนช. เดินหน้า 10 มาตรการรับมือฤดูฝนเต็มกำลัง มั่นใจสถานการณ์น้ำท่วมไม่ซ้ำรอยมหาอุทกภัย ปี 54

สทนช. ผนึกกำลังทุกหน่วยงานขับเคลื่อน 10 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2567 หลัง ครม. เปิดไฟเขียว มุ่งบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่มีเอกภาพ เน้นวางแผนล่วงหน้าในเชิงรุก

สวัสดิการชุมชนตำบลยายชา พัฒนาศูนย์เรียนรู้หลากหลาย ดูแลกันและกันเพื่อสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืน

ตำบลยายชา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ประกอบด้วย 6 หมู่บ้าน จำนวนประชากร 7,958 คน รวม 4,969 ครัวเรือน มีประชากรแฝงเข้ามาใช้แรงงานกว่า 3,000 คน

กกต. คิกออฟ 'เลือก สว.' ทำ MOU เผยแพร่ประชาสัมพันธ์

กกต. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การเลือก ส.ว. พร้อมคิกออฟภายใต้แนวคิด '20 กลุ่มอาชีพร่วมใจ ขับเคลื่อนประเทศไทยไปพร้อมกัน'