ผลักดันหญิงพิการ’ถูกละเมิด’เข้าถึงระบบยุติธรรม

ไทยมีสถิติความรุนแรงต่อผู้หญิงสูงติดอันดับโลก ที่น่ากังวลเด็กและสตรีพิการถูกทำร้ายบาดเจ็บทั้งกายและบอบช้ำทางจิตใจเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมมีแค่ 29% ขณะที่แต่ละวันมีผู้หญิงถูกล่วงละเมิด ไม่น้อยกว่า 7 คน เหยื่อที่เข้ารับการบำบัดรักษา แจ้งความร้องทุกข์ ประมาณปีละ 3 หมื่นราย ข้อมูลเหล่านี้ถ่ายทอดผ่านเวทีนำเสนอรายงาน “สถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็กและผู้หญิงพิการ”  จัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม และสมาคมส่งเสริมศักยภาพสตรีพิการ เพื่อสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ในการแก้ไขปัญหา และปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ไม่ให้หญิงพิการไร้ตัวตน

พัชรี อาระยะกุล ปลัด พม.

นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า พม. สนับสนุนทุกภาคส่วนให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ปฏิบัติอย่างเท่าเทียม เพื่อปกป้องและเอาผิดกับผู้กระทำผิด มีนโยบายให้กับหน่วยงานในสังกัดสนับสนุนให้เด็กและสตรีพิการเข้าถึงสิทธิทางกฎหมาย และการสนับสนุนด้านอื่นที่จำเป็นสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศ เน้นกระบวนทำงานแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วน รวมถึงกลุ่มสิทธิมนุษยชน ขับเคลื่อน 4 มิติ ป้องกัน ช่วยเหลือเยียวยา ดำเนินคดี และร่วมมือกับภาคีเครือข่าย  ช่วงโควิดที่ผ่านมาครอบครัวใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น  คดีล่วงละเมิดเพิ่มขึ้น  เด็กหรือผู้หญิงออกมาแจ้งความทำได้ยาก เพราะความสัมพันธ์ในเชิงอำนาจ เช่น พ่อทำลูก เราต้องช่วยในกระบวนการรับรู้สิทธิ  ปกป้องและยืนเคียงข้างในกระบวนการยุติธรรมจนกว่าจะสิ้นสุดกระบวนการ ต้องทำให้ผู้ถูกละเมิดกล้าและไม่รู้สึกสู้อยู่คนเดียว มีคดีตัวอย่างที่ผู้เสียหายชนะจากการทำงานร่วมกัน

ความร่วมมือผลักดันให้ยุติความรุนแรงในผู้หญิงเป็นประเด็นใหญ่ นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. กล่าวว่า ผู้หญิงอยู่ในกลุ่มเปราะบางเผชิญความเหลื่อมล้ำจากอคติทางเพศ จารีต ประเพณี และวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกมานาน ทำให้บางคนสูญเสียโอกาสและได้รับผลกระทบในชีวิตอย่างหนัก  สสส. ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สุขภาวะผู้หญิงเพื่อปลดล็อกปัญหาการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน ป้องกัน คุ้มครองให้รอดพ้นจากความรุนแรงทุกมิติ ทำให้กลุ่มคนพิการ มุสลิม ชาติพันธุ์ ผู้ต้องขัง ผู้หญิงบริการ และผู้หญิงรักผู้หญิง มีสุขภาวะที่ดี

ภารนี ภู่ประเสริฐ

กุญแจสำคัญในการกำหนดชะตาชีวิตของผู้หญิงเหล่านี้ นางภรณีเน้นย้ำถึงนโยบายสาธารณะ ซึ่ง สสส. ร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม และภาคี ขับเคลื่อนโครงการก้าวที่เป็นมิตรต่อเด็ก ผู้หญิง คนพิการ และผู้ถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ เป้าหมายสำคัญสนับสนุน ฟื้นฟู เยียวยา เสริมพลังเด็ก ผู้หญิง คนพิการที่ประสบความรุนแรงให้ก้าวข้ามปัญหา และเข้ามามีส่วนร่วมช่วยเหลือผู้ประสบความรุนแรงรายอื่นให้รู้สิทธิตามกฎหมาย และรวบรวม เผยแพร่สถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็กและผู้หญิงพิการ ค้นหาปัญหา ช่องโหว่ และนำมาวิเคราะห์ เพื่อนำไปสู่ข้อเสนอเชิงนโยบายในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมและบริการของภาครัฐ

ทำงานเชิงรุกโฟกัสกับความรุนแรงในครอบครัวที่กระทบผู้หญิง นางภรณี เผย สสส.ผนึกภาคีเครือข่ายเพื่อลดปัญหาผ่านงานพัฒนาองค์ความรู้และสถานการณ์ความรุนแรงต่อผู้หญิงและบุคคลในครอบครัวระดับประเทศ, พัฒนาหลักสูตรแก้ปัญหาความรุนแรงและเพิ่มศักยภาพคนทำงานด้านความรุนแรง, พัฒนาหลักสูตรความรู้ด้านกฎหมายและการประสานงานสหวิชาชีพกรณีเกิดความรุนแรงต่อเด็กและสตรี รวมถึงพัฒนาพื้นที่นำร่องสร้างระบบงานสหวิชาชีพแก้ปัญหานี้ในจังหวัดต่างๆ เพื่อสร้างสวัสดิภาพ ลดความรุนแรงในพื้นที่ พัฒนาแกนนำสตรี 4 ภาค และศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้สุขภาวะผู้หญิงและครอบครัว ให้คำปรึกษาผ่านมูลนิธิเพื่อนหญิง

เปิดข้อมูลสถานการณ์ปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและหญิงพิการ

ส่วนงานสื่อสารสาธารณะมุ่งส่งเสริมงานสื่อสารร่วมกับทุกภาคส่วนปรับทัศนคติให้สังคม “ไม่เพิกเฉยต่อความรุนแรง” หรือ “ความรุนแรงเป็นเรื่องของคนอื่น” ผ่านแฟนเพจ Free From Fear, ขับเคลื่อน “โครงการเผือก” เปลี่ยนพลังเงียบให้เป็นหู เป็นตา ช่วยเหลือ เก็บหลักฐาน พร้อมจัดทำเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง ลดการคุกคามทางเพศในระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งยังผลักดันนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัว พ.ศ.2560 – 2564 พัฒนากลไกยุติความรุนแรงผ่าน MOU กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสู่การปฏิบัติ  ส่วนปัญหาคุกคามทางเพศบนรถขนส่งสาธารณะ ร่วมกับ บขส.เสริมศักยภาพพนักงาน ติดกล้องวงจรปิดภายในรถ และพัฒนาระบบการแจ้งเหตุขึ้นมา

ประเด็นเหยื่อเข้าถึงไม่ถึงกระบวนการยุติธรรม นางสาวเสาวลักษณ์ ทองก๊วย กรรมการว่าด้วยสิทธิคนพิการแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันมีการละเมิดสิทธิอย่างต่อเนื่อง พบว่า คดีหรือเรื่องที่เกิดขึ้นร้อยละ 20 เท่านั้นที่เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ผู้เสียหายเข้าไม่ถึงด้วยความไม่รู้กฎหมาย บางครั้งถูกชักจูง ไกล่เกลี่ย ทำให้ยอมความรับค่าทำขวัญเพื่อจบ ไม่ให้เรื่องสิ้นสุดที่กระบวนการยุติธรรม   ร้อยละ 90 ของการละเมิดที่เกิดขึ้นเป็นคนในบ้าน ยิ่งบุคคลที่เป็นผู้พิการด้วยแล้วจะยิ่งถูกมองว่า ไร้ตัวตน ถึงเวลาต้องกลับมามองถึงปัจจัยที่ทำให้เข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรมทั้งที่ทุกคนต้องได้รับความเท่าเทียม เสนอแนะให้ภาครัฐปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับกฎหมายสากลที่ครอบคลุมสิทธิเรื่องผู้พิการ ไม่ถูกเลือกปฏิบัติ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เครือข่ายพัฒนาที่อยู่อาศัย 17 ประเทศในระดับเอเชียและนานาประเทศ ผนึกพลังทุกภาคส่วนสร้างบ้านเพื่อทุกคน เสนอรัฐหนุนเสริมบ้านโดยชุมชน ปลดล๊อกสิทธิที่ดินและระบบการเงิน สู่ความยั่งยืนมั่นคง

กทม. : วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ภาคีขับเคลื่อนและพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยชุมชนจาก 17 ประเทศในระดับเอเชียและนานาประเทศ ร่วมเสนอแนวทางการการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยชุมชนในระดับเอเชียและนานาประเทศ

ภาคีขับเคลื่อนและพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยชุมชน เปิดวงแลกเปลี่ยนบทเรียนการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยชุมชนในระดับเอเชียและนานาประเทศ

วันที่ 2-3 กรกฎาคม 2567 ภาคีขับเคลื่อนและพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยชุมชน หน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน ประชาสังคม นักวิชาการ สถาบันการศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิ

ความเครียด..ภัยเงียบของสังคมไทย! ห้ามไม่ได้..แต่รู้เท่าทันอยู่ให้เป็นได้

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีการประชุม Forum สุขภาพคนไทย 2567 เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2567 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ

'วราวุธ' แจงเหตุแต่งตั้งโยกย้ายล็อตใหญ่ 5 อธิบดี กระทรวง พม.

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมครม.สัญจร ถึงการโยกย้ายอธิบดี 5 กรม ว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบการโยกย้าย

วราวุธ รมว.พม. เยี่ยมบ้านมั่นคงเมืองย่าโม ย้ำนอกจากมีบ้านแล้วต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีทุกครัวเรือน

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการบ้านมั่นคง

กระทรวง พม. เปิดปฏิบัติการ “พม.ร่วมใจ สานสายใยพี่น้องเปราะบาง ชุมชนริมคลองเปรมประชากร”

กรุงเทพฯ/29 มิถุนายน 2567 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดโครงการ “พม.ร่วมใจ สานสายใยพี่น้องเปราะบาง ชุมชนริมคลองเปรมประชากร”