สถานการณ์ปัญหาฝุ่นPM2.5ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขอนามัยของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนที่ประสบปัญหาฝุ่นPM2.5สูงสุดเป็นเวลากว่า10ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งในปี2563สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ได้จับมือร่วมกับภาคีเครือข่ายสู้ฝุ่นภาคเหนือ พัฒนานวัตกรรม "ห้องเรียนสู้ฝุ่น" ส่งผลให้เด็กและเยาวชนในโรงเรียนกว่า100แห่งทั่วประเทศไทย สามารถรับมือกับผลกระทบจากฝุ่นPM2.5 และสามารถส่งต่อความรู้สู่คนในชุมชนรอบข้างได้ นับเป็นตัวอย่างชุมชนเข้มแข็งและสร้างความตื่นรู้ด้วยตนเอง
ทั้งนี้จาการศึกษาปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างต่อเนื่อง ทำให้พบว่าจุดความร้อน(hotspot)เชียงใหม่ในปี2560-2564 มีจำนวนสูงขึ้นในเดือนมี.ค.ของทุกปี จากดาวเทียมขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ(NASA) โดยพบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM10 และPM2.5) ใน 5อำเภอเป็นประจำทุกปีได้แก่ อ.แม่แจ่ม อ.เชียงดาว อ.ฮอด อ.อมก๋อย อ.แมแตง
หากพิจารณาเป็นรายตำบล เกิดจุดความร้อนประจำทุกปี ต.เมืองนะ ต.แม่นาจร ต.บ้านทับ ต.แม่ศึก ต.ปึงโค้ง จึงเป็นพื้นที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และเกิดความคิดในการสร้างห้องเรียนสู้ฝุ่นจำนวน10โรงเรียน เพื่อสร้างความตระหนักรู้และการรับมือด้านสุขภาวะแก่เด็กและเยาวชนในภาวะฝุ่นที่วิกฤตนี้อย่างปลอดภัย
ล่าสุด เพื่อขยายผล "ห้องเรียนสู้ฝุ่น" ..สสส.ได้ร่วมกับ สภาลมหายใจเชียงใหม่ เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว และศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาต่อยอดและขยายผล “ห้องเรียนสู้ฝุ่น” พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมแนวคิด “ธุรกิจสู้ฝุ่น บ้านสู้ฝุ่น จังหวัดเชียงใหม่” มุ่งขับเคลื่อนงานลดมลพิษทางอากาศในพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ครอบคลุมทั้ง 19 ชุมชน ที่เทศบาลนครเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
นายศรีสุวรรณ ควรขจร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาชุมชน สสส. กล่าวว่า การจัดงาน MOU ครั้งนี้ มีเป้าขยายผลไปสู่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ภายในปี2566 มุ่งส่งต่อองค์ความรู้ในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบจากการเผาในที่โล่งสาเหตุหลักสำคัญในการเกิดฝุ่นควัน PM 2.5
“ผมทำงานด้านสิ่งแวดล้อมมาค่อนชีวิต ไม่คาดคิดว่ามลพิษจะเกิดขึ้นทั่วประเทศไทย พื้นที่รอบนิคมอุตสาหกรรม แต่ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม การเคลื่อนย้ายประชากรขยายตัวของเมืองอุตสาหกรรม ประเทศเพื่อนบ้านทำให้ปัญหาขยายตัวอย่างคาดไม่ถึง นับวันก็จะรุนแรงมากยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาว
“ปี 2565 นี้ สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่ายสู้ฝุ่นภาคเหนือ พัฒนานวัตกรรมแนวคิด ธุรกิจสู้ฝุ่น บ้านสู้ฝุ่น จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นต้นแบบแนวทางการลดฝุ่นที่สามารถทำได้ง่าย ถือเป็นมิติใหม่สำหรับประเทศไทยในการที่มีกลุ่มนักวิชาการที่อุทิศตนอย่างมุ่งมั่น ที่สำคัญคือ การมีส่วนร่วมจากประชาชน ที่ปรับเปลี่ยนการประกอบธุรกิจ อาคาร สถานที่ บริการ และกิจกรรมการใช้ชีวิต โดยมีจุดร่วมคือ ทุกคนมีความรักในเมืองเชียงใหม่ ด้วยหัวใจของการมีส่วนร่วมจากคนในชุมชนเมือง ตามแนวคิดการปรับบ้านในพื้นที่เมืองเพื่อเป้าหมายการบรรเทาผลกระทบจากฝุ่นควัน มุ่งเป้าแก้ไขปัญหาฝุ่นในพื้นที่เมืองเชียงใหม่จนนำไปสู่การเป็นต้นแบบให้พื้นที่อื่นๆ ได้” นายศรีสุวรรณกล่าว
แต่เดิมคนส่วนใหญ่คิดกันว่าฝุ่นพีเอ็ม2.5เป็นเรื่องไกลตัว ทั้งๆที่เรื่องนี้ใกล้ตัวมากเพราะเกิดขึ้นทุกปี จึงคัดเลือกโรงเรียนเพื่อปักหมุดความคิดเรื่องสุขภาพเพื่อไม่ให้เกิดโรคเรื้อรังในอนาคต มิฉะนั้นเด็กในวันนี้จะกลายเป็นผู้ป่วย เราต้องร่วมมือกันเพื่อให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต แก้ไขปัญหาวิกฤตให้เกิดความปลอดภัยได้ รวมทั้งการขยายผลไปยังสปป.ลาว อุดรธานี ขอนแก่น ช่วยกันสร้างความตระหนักรู้ไปยังพื้นที่เสี่ยง มีองค์กรระหว่างประเทศขยายผล องค์การNASAจับมือไทยทำเรื่องนวัตกรรมจัดงานประกวดระดับโลก สสส.สนับสนุนการนำเสนอบนเวทีระดับโลก เมืองไทยนำเสนอเรื่องBlue School ทำงานเรื่องกระบวนการสู้ฝุ่น
“การทำงานของไทยร่วมกับNASAสอดคล้องกับองค์การอนามัยโลก(WHO)แจงตัวเลขว่าปีหนึ่งๆประชากรโลกเสียชีวิต7ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียนที่มาจากประเทศยากจนที่มีอาชีพเกษตรกรรมเป็นกลุ่มที่เผามลพิษ ประเทศไทยก็ติดอันดับกลุ่มนี้ที่เสียชีวิต มีงานวิจัยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คนเชียงใหม่มีอายุสั้นกว่าปกติเพราะเป็นมะเร็งปอดสูงสุด เพราะเมื่อสูดดมฝุ่นP.M2.5ไม่สามารถขับออกจากร่างกายได้จะสะสมอยู่ในกระแสเลือด และไม่มีวิธีกำจัดออกไปได้ การให้ความรู้กับเด็ก เยาวชนเป็นเรื่องที่ดีเพราะเด็กจะนำความรู้ที่ซึมซับไปถ่ายทอดต่อให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองว่าการเผาป่าส่งผลเสียทางนิเวศ ใช้เสียงเด็กเป็นพลัง แต่อย่างไรก็ตามคนที่มีอาชีพเกษตรกรทำไร่เลื่อนลอยรู้ว่าการเผาป่าใช้ต้นทุนต่ำ เป็นการทำลายที่ง่ายที่สุด ขณะนี้ภาคีเครือข่าย หอการค้าที่ทำCSRเปลี่ยนอาชีพให้เกษตรกรเหล่านี้เลิกปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม”
การจัดงาน MOU ครั้งนี้ มีเป้าหมายขยายผลห้องเรียนสู้ฝุ่นไปสู่กลุ่มลุ่มน้ำโขง ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ภายในปี 2566 มุ่งส่งต่อองค์ความรู้ในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบจากการเผาในที่โล่งเพื่อลดต้นเหตุสำคัญในการเกิดฝุ่นควันPM2.5 ทั้งนี้นายทุนสนับสนุนกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านให้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ด้วยการทำไร่เลื่อนลอย มีการเผาป่าและย้ายถิ่นไปเรื่อยๆส่งผลให้ฝุ่นควันจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในเมืองไทย
PM Rangers ซูเปอร์ฮีโร่สู้ฝุ่น
"เด็กคิด..ผู้ใหญ่หนุน" เพื่อสุขภาวะ
ในโอกาสการลงนามในเอ็มโอยูนี้ มีการมอบรางวัลแก่เด็กที่ชนะเลิศการขับเคลื่อนกิจกรรมห้องเรียนสู้ฝุ่น
ด.ช.กาก้า-ปองคุณ จี้ขาว ด.ช.สไปร์ท -คฑาเทพ จินเหมย ด.ญ.ต้นข้าว-จิรัชญา ตาแก้ว ด.ญ.ไบร์ท-ภิญญาพัชญ์ วังวงค์ ด.ญ.ฟ้าใส-ฟ้าใส ยังน้อย ทั้งหมดเป็นนักเรียนชั้นประถมปีที่5 ร.ร.บ้านแม่เทย ลำพูน ได้รับรางวัลในครั้งนี้ด้วยแนวคิดการแต่งเพลงหมอกหรือควันของเบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ศิลปินค่ายแกรมมี่ มาดัดแปลงเนื้อร้องเป็นเพลงฝุ่นหรือควัน เพื่อรณรงค์ในการสู้ฝุ่นPM2.5 พร้อมกับการสวมหมวกสีต่างๆเป็นการบ่งบอกคุณภาพอากาศของแต่ละวัน นั่นคือ
หมวกสีฟ้า PM2.5 0-25 อากาศดีมาก ทำกิจกรรมได้ตามปกติ
หมวกสีเขียว PM2.5 26-37 อากาศดี ทำกิจกรรมได้ตามปกติ
หมวกสีเหลือง PM2.5 38-50 อากาศปานกลาง ทำกิจกรรมปกติ ผู้ป่วยลดการออกกลางแจ้ง
หมวกสีส้ม PM2.5 51-90 มีผลต่อสุขภาพ งดกิจกรรมกลางแจ้ง สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น
หมวกสีแดง PM2.5 91ขึ้นไป อันตราย งดกิจกรรมกลางแจ้ง ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันฝุ่น
ขบวนการหมวกสีสุขภาพ PM Rangers การขับเคลื่อนกิจกรรมห้องเรียนสู้ฝุ่น สร้างActive Citizen เพื่อให้ผู้ปกครอง คนในพื้นที่ตระหนักปัญหาและสร้างจิตสำนึกในการป้องกันปัญหามลพิษทางอากาศนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ผ่านการทำกิจกรรมที่หลากหลาย การจัดการการเรียนการสอนและบูรณาการความรู้เกี่ยวกับมลภาวะทางอากาศ รู้จักการใช้ชีวิตประจำวัน รณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน วางแผนขับเคลื่อนการดำเนินงาน
การสวมหมวกสีเป็นกระบวนการSuperhero ถือเป็นSoft Powerfดึงดูดให้เด็กสนใจเข้าร่วมกิจกรรมห้องเรียนสู้ฝุ่นของโรงเรียน การสวมหมวกสีทำให้สังเกตได้ง่าย และนำติดตัวไปได้ทุกที่ ใช้เป็นสีสัญลักษณ์เตือนสภาพอากาศ ให้คนที่พบเห็นป้องกันตัวเอง เด็กกลุ่มนี้ยังร่วมมือกับทีมงานฝ่ายปฏิบัติการด้านไฟป่าและหมอกควัน กระทรวงทรัพยากรฯ ช่วยกันสาธิตดับไฟป่าที่จะทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ
นอกจากนี้ด.ญ.อรัญญา แก้วคำปัน นักเรียนชั้นม.3 ร.ร.บ้านแม่เทย ลำพูน ด.ญ.กชพร แซ่ล้อ นักเรียนชั้นม.1ร.ร.บ้านแม่เทย ลำพูนได้รับรางวัลชนะเลิศภาพวาดตระหนักปัญหาลดมลพิษ ด้วยแรงบันดาลใจให้สังคมมีอากาศที่ดี ส่วนรางวัลที่2และรางวัลที่3 เป็นนักเรียนจากภาคใต้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชวนนักดื่ม “ตรวจตับ-เลิกจับขวด” ฟื้นฟูสุขภาพคืนความสุขครอบครัว
"งดเหล้าเข้าพรรษา" ในระยะเวลา 3 เดือน ถือเป็นกิจกรรมหนึ่งในเทศกาลสำคัญ ที่มุ่งเน้นให้ชาวพุทธงดดื่มแอลกอฮอล์ ไม่เพียงเป็นการรักษาประเพณีและศีลธรรมเท่านั้น
“สุรศักดิ์” รมช.ศธ. เดินหน้าขับเคลื่อนรถรับส่งนักเรียนปลอดภัย ชูโมเดล “ศูนย์เรียนรู้รถรับส่งนักเรียนปลอดภัย จ.อยุธยา” ของสสส.
วันที่ 18 พ.ย. 2567 ที่ โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดศูนย์การเรียนรู้การจัดการรถรับส่งนักเรียนที่ปลอดภัย โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย ภายในงานเวทีสร้างความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการพัฒนาศูนย์เรียนรู้รถรับส่งนั
สสส.สานพลังภาคี ขจัดความเหลื่อล้ำกิจกรรมทางกาย ดึงคนไทยสู่เวอร์ชั่นใหม่
กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม
สสส.-สคล. ผนึกภาครัฐ เอกชน จัดแข่งฟุตซอลเยาวชนไม่เกิน 15 ปี ชิงถ้วยกรมสมเด็จพระเทพฯ
สสส. โดยสมาคมเครือข่ายงดเหล้าและปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ (สคล.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายและภาคเอกชน รวม 7 องค์กร ลงนามความร่วมมือ พร้อมจัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ
'เบทาโกร' สยายปีกทุ่ม 650 ล้านบาท เปิดตัวโรงงานอาหารสัตว์แห่งแรกใน สปป.ลาว
บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” เปิดตัวโรงงานอาหารสัตว์แห่งแรกใน สปป.ลาว ภายใต้งบลงทุนกว่า 650 ล้านบาท นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิตอาหารสัตว์และบริหารทรัพยากร ด้วยกำลังการผลิต 108,000 ตันต่อปี มุ่งสร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำ รองรับดีมานด์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
"สิทธิในอาหารเพื่อชีวิตที่ดี" ความตระหนักรู้เสริมสุขภาวะ
เด็กทั่วโลกเผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านอาหาร เพราะการบริโภคไม่สมดุล ส่งผลต่อสุขภาวะอ้วนผอม ชาวโลกเผชิญความอดอยากเกือบ 300 ล้านคน