ชุมชนชายฝั่งทะเลอันดามันส่วนใหญ่เป็นชาวประมงพื้นบ้าน บ้านเรือนปลูกสร้างมานาน สภาพทรุดโทรม
เปิดแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ‘การแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน’ 6 จังหวัด คือ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล โดย พอช.ร่วมกับชุมชนท้องถิ่น ตั้งเป้าดำเนินการปีนี้ 2,000 ครอบครัว ขณะที่ ‘จุรินทร์’ รองนายกฯ เตรียมเสนอ ครม.อนุมัติโครงการเพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวม 14,388 ครัวเรือน
ชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย เริ่มจากปากน้ำกระบุรี (พรมแดนไทย-พม่า) จังหวัดระนอง ลงมายังพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล (พรมแดนไทย-มาเลเซีย) มีความยาวทั้งหมดประมาณ 1,111 กิโลเมตร มีชุมชนต่างๆ ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเล 6 จังหวัด ในพื้นที่ 29 อำเภอ 139 ตำบล รวม 14,388 ครัวเรือน
ชุมชนชายฝั่งเหล่านี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน จับปลา ปู กุ้ง หอย หมึก เลี้ยงสัตว์ ทำสวนยางพารา สวนปาล์ม ฯลฯ มีปัญหาความไม่มั่นคงในที่อยู่อาศัยและการทำมาหากิน เนื่องจากส่วนใหญ่ปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่ริมชายฝั่ง พื้นที่ป่าชายเลน ป่าโกงกาง หรืออยู่ในพื้นที่ที่หน่วยงานรัฐประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขตอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ หรือพื้นที่ที่กรมเจ้าท่าดูแลอยู่ ฯลฯ
แม้ว่าชุมชนเหล่านี้จะอยู่อาศัยต่อเนื่องมายาวนาน บางพื้นที่อยู่อาศัยมาก่อนการประกาศพื้นที่ของทางราชการ แต่ส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ครอบครองที่ดิน หลายพื้นที่หน่วยงานปกครองในท้องถิ่น เช่น อบต. ไม่สามารถเข้าไปสนับสนุนสาธารณูปโภคที่จำเป็น หรือส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวชุมชนได้ เพราะถือว่าเป็นชุมชนบุกรุก หากเข้าไปสนับสนุนอาจจะมีความผิดตามกฎหมาย
6 หน่วยงาน MoU. ปลดล็อกพัฒนาชุมชนในเขตป่า-ชายฝั่งทะเล
อย่างไรก็ดี ปัญหาและอุปสรรคเหล่านี้เริ่มคลี่คลาย โดยเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MoU. (Memorandum of Understanding) เพื่อสนับสนุนการกระจายอำนาจด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระหว่างผู้แทน 6 หน่วยงาน
คือ กรมอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
บันทึกความร่วมมือครั้งนี้ มีทั้งหมด 3 ฉบับ คือ 1.ฉบับที่เกี่ยวข้องกับที่ดินในเขตอุทยาน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฯลฯ ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชดูแล 2.ฉบับที่เกี่ยวข้องกับที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่กรมป่าไม้ดูแล และ 3.ฉบับที่เกี่ยวกับที่ดินป่าชายเลนที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งดูแล
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันสนับสนุนการอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่า ส่งเสริมอาชีพ พัฒนาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย พัฒนาคุณภาพชีวิตชาวชุมชนที่อาศัยอยู่ในเขตอุทยานฯ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตป่าสงวนฯ และป่าชายเลน ระยะเวลาความร่วมมือ 5 ปี (พ.ศ.2564-2568)
ผลจากการลงนามในครั้งนี้จะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ หรือ พอช. สามารถเข้าไปสนับสนุนการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่จำเป็น การพัฒนาอาชีพ รายได้ ที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน การดูแลรักษาฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ซึ่งจะทำให้ประชาชนและชุมชนที่อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ดังกล่าวมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
การลงนาม MoU. เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564
ใช้หลักการ ‘บ้านมั่นคง’ พัฒนาชุมชนชายฝั่งอันดามัน
ธนภณ เมืองเฉลิม ผู้อำนวยการภาค สำนักงานภาคใต้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ บอกว่า เมื่อมีการปลดล็อกให้ อปท. และหน่วยงานต่างๆ สามารถเข้าไปส่งเสริมการพัฒนาชุมชนในเขตป่าและชายฝั่งทะเลได้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ หรือ พอช. ได้จัดทำ ‘โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตสำหรับผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบทกลุ่มจังหวัดอันดามัน’ ขึ้นมา
เพราะที่ผ่านมา แม้ว่าหน่วยงานรัฐที่ดูแลที่ดินในเขตป่าและชายฝั่งทะเล จะผ่อนปรนการอยู่อาศัยและทำกินของประชาชน เช่น อนุญาตให้อยู่อาศัยและทำกิน ควบคู่กับการดูแลอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง ฟื้นฟูระบบนิเวศน์ ดิน น้ำ ป่า แต่พบว่ายังมีพื้นที่ที่มีปัญหาอีกจำนวนมาก
“พอช. จัดทำโครงการนี้ขึ้นมา เพื่อร่วมมือกับชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาสังคมภาคเอกชน ภาคีต่าง ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะร่วมมือกันสร้างความมั่นคงด้านที่ดินที่อยู่อาศัย ส่งเสริมวิถีชุมชนเพื่อร่วมกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งพัฒนาระบบเศรษฐกิจ สังคม และชุมชนฐานรากอย่างยั่งยืน” ธนภณบอกถึงความเป็นมาของโครงการ
โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ กลุ่มจังหวัดอันดามัน เริ่มดำเนินการตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 เป็นต้นมา โดยจะเริ่มจากชุมชนชาวประมงหรือชายฝั่งทะเลก่อน เพราะสภาพพื้นที่ 6 จังหวัดอันดามันมีชุมชนชายฝั่งหรือชุมชนในเขตป่าชายเลนจำนวนมาก ข้อมูลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระบุว่า มีชุมชนเหล่านี้อยู่ในพื้นที่ 29 อำเภอ 139 ตำบล รวม 14,388 ครัวเรือน
ส่วนรูปแบบและวิธีการทำงานนั้น พอช.จะร่วมกับหน่วยงานในจังหวัด ท้องถิ่น ภาคีเครือข่าย สถาบันการศึกษา และชุมชน จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา เช่น มีคณะทำงานระดับจังหวัด คณะกรรมการเมือง เพื่อประสานงานด้านนโยบายและสนับสนุนการทำงาน มีคณะทำงานระดับพื้นที่ตำบล/เทศบาล โดยใช้องค์กรในชุมชนที่มีอยู่แล้วเป็นกลไกในการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ เช่น สภาองค์กรชุมชนตำบล กองทุนสวัสดิการชุมชน ฯลฯ
“เราจะใช้กระบวนการขั้นตอนการทำงานตามแนวทางของโครงการ ‘บ้านมั่นคง’ ที่ พอช. ดำเนินงานทั่วประเทศมาเป็นแนวทางสำคัญ เพราะ ‘บ้านมั่นคง’ ไม่เพียงแต่จะแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินและที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิต การส่งเสริมอาชีพ รายได้ และการพัฒนาชุมชนในด้านต่างๆ ทุกมิติ ตามที่ชุมชนต้องการ โดยชุมชนเป็นแกนหลักในการแก้ไขปัญหา พอช.และหน่วยงานภายนอกเป็นฝ่ายสนับสนุน ซึ่งแนวทางการพัฒนาแบบนี้จะทำให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้” ธนภณบอก
บูรณาการทุกภาคส่วนร่วมพัฒนาชุมชน
จีรศักดิ์ พูลสง หัวหน้างานปฏิบัติการชุมชน พอช.ภาคใต้ บอกถึงความคืบหน้าว่า ‘โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตสำหรับผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบทกลุ่มจังหวัดอันดามัน’ นั้น ขณะนี้มีการขับเคลื่อนโครงการแล้วในหลายจังหวัด โดยมีการจัดประชุมเพื่อสร้างความเข้าใจในระดับนโยบาย และนำไปสู่การจัดตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดขึ้นมา เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนงานและบูรณาการทุกภาคส่วนให้มาทำงานร่วมกัน
เช่น ที่จังหวัดพังงา นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้แต่งตั้ง ‘คณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตและที่อยู่อาศัยชุมชนชายฝั่งจังหวัดพังงา’ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สถาบันการศึกษา ภาคประชาสังคม และชุมชน จำนวน 25 คน ร่วมเป็นคณะกรรมการ โดยมี ผวจ.พังงาเป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดทิศทาง จัดทำแผน และขับเคลื่อนงานให้บรรลุเป้าหมาย
ส่วนการทำงานในระดับพื้นที่จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการเมือง มีคณะทำงานระดับตำบลหรือเทศบาล มีกระบวนการทำงาน เช่น 1.ชี้แจงสร้างความเข้าใจชาวชุมชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน 2.จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อเป็นการรวมคน รวมเงิน สร้างฐานการเงินของชุมชน เรียนรู้ระบบการจัดการการเงินร่วมกัน 3.แบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ 4.สำรวจข้อมูลชุมชน ความเดือดร้อน ความต้องการ จัดทำแผนที่ชุมชน 5.นำข้อมูลมาวางแผนการทำงาน-การแก้ไขปัญหา 6.เสนอโครงการและงบประมาณ 7.ปฏิบัติงานตามแผน ฯลฯ
การจัดประชุมผู้นำและชาวชุมชนเพื่อสร้างความเข้าในใจการพัฒนาชุมชนร่วมกัน
นอกจากนี้ยังมีนักวิชาการ อาจารย์จากสถาบันต่างๆ ร่วมสนับสนุนการทำงานในพื้นที่ เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จ.ตรัง คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี ลงพื้นที่สำรวจชุมชน ร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาชุมชน การบำบัดน้ำเสียก่อนลงสู่ทะเล งานฐานราก แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องวัสดุและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อปรับปรุงหรือก่อสร้างที่อยู่อาศัย รวมทั้งจะช่วยฝึกอบรมช่างชุมชนให้มีความรู้เรื่องการถอดแบบรายการก่อสร้าง ประเมินราคาวัสดุ การตรวจสอบงวดงาน ฯลฯ
“การซ่อมแซมบ้านเรือนและก่อสร้างสาธารณูปโภคในชุมชนต่างๆ นั้น พอช.จะสนับสนุนให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม เช่น ใช้ช่างก่อสร้าง แรงงานในชุมชน หรือแรงงานจิตอาสา หรือร่วมกับสถาบันฝีมือแรงงานในท้องถิ่นจัดอบรม เพื่อพัฒนาให้ช่างชุมชนยกระดับเป็นช่างฝีมือเพื่อใช้ประกอบอาชีพต่อไปได้” จีรศักดิ์บอก
รูปธรรมที่ตรังและพังงา
นายภาคภูมิ สมันหลี รองประธานคณะทำงานที่อยู่อาศัยบ้านดุหุน ตำบลบ่อหิน อ.สิเกา จ.ตรัง บอกว่า ตำบลบ่อหินมีการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนตำบลตั้งแต่ปี 2552 จึงใช้สภาฯ ขับเคลื่อนโครงการนี้ เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เช่น ร่วมกับเจ้าหน้าที่ พอช.จัดประชุมชี้แจงสร้างความเข้าใจโครงการกับผู้นำชุมชนและชาวบ้าน จัดตั้งคณะทำงานในแต่ละหมู่บ้านขึ้นมา ตั้งกลุ่มออมทรัพย์ ร่วมกันสำรวจข้อมูลชุมชน ครัวเรือนที่มีความเดือดร้อนเรื่องบ้าน เรื่องที่ดิน และปัญหาต่างๆ ในหมู่บ้าน-ตำบล จัดทำแผนที่ทำมือ ฯลฯ เพื่อนำมาวางแผนงานแก้ไขปัญหาทั้งตำบล เป็นแผนระยะ 3 ปี
ชาวบ้านที่อำเภอสิเกา จ.ตรัง สำรวจข้อมูลชุมชนเพื่อนำมาทำแผนที่ทำมือและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา
จากการสำรวจข้อมูลปัญหาและแนวทางแก้ไข พบว่า ชาวบ้านมีปัญหาต่างๆ เช่น มีรายได้น้อย มีหนี้สินอาชีพไม่มั่นคง ไม่มีทุนประกอบอาชีพ ไม่ที่ดินปลูกบ้าน อยู่ในที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ บ้านเรือนทรุดโทรมคับแคบ ไม่มีบ้านเป็นของตนเอง น้ำประปาไม่พอใช้ ปัญหาขยะ ถนนเป็นดินลูกรัง ฝนตกจะเฉอะแฉะ น้ำท่วมขัง ฯลฯ โดยชาวบ้านต้องการจะแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านได้ร่วมกันจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนในการพัฒนาชุมชน มีสมาชิกแรกเข้า 102 ครัวเรือน (บ้านดุหุนมีทั้งหมดประมาณ 250 ครัวเรือน) ร่วมกันออมเงินเข้ากลุ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ครัวเรือนละ 120 บาท แบ่งเป็นออมเพื่อที่อยู่อาศัย 50 บาท เพื่อจัดสวัสดิการช่วยเหลือกัน 30 บาท ออมเพื่อสะสม 20 บาท ฯลฯ และบางกลุ่มยังออมเพื่อเป็นทุนในการประกอบอาชีพด้วย
อารีดีน อินตัน นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลกำพวน อ.สุขสำราญ จ.ระนอง บอกว่า ชุมชนในเขตเทศบาลมีทั้งหมด 7 หมู่บ้าน จำนวน 1,630 ครัวเรือน ในจำนวนนี้มี 463 ครัวเรือนที่ปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่ในที่ดินป่าชายเลนและพื้นที่ชายฝั่งที่กรมเจ้าท่าดูแล ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน สภาพบ้านเรือนทรุดโทรมเพราะปลูกสร้างมานาน แต่ที่ผ่านมาทางเทศบาลไม่สามารถเข้าไปพัฒนาชุมชนได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากติดขัดข้อกฎหมายและงบประมาณมีจำกัด
“เมื่อทางรัฐบาลมีนโยบายให้ อปท.สามารถเข้าไปพัฒนาชุมชนได้ เทศบาลจึงร่วมกับ พอช. เพื่อจะพัฒนาชุมชนด้านต่างๆ เช่น ปรับปรุงซ่อมแซมบ้านเรือนที่ผุพังทรุดโทรม สร้างสะพาน ทางเดินเท้าในชุมชน ปรับปรุงท่าเรือประมง สร้างลานแกะปู คัดปลา การจัดการขยะ บำบัดน้ำเสียในครัวเรือนและชุมชน รวมทั้งทำเรื่องท่องเที่ยวชุมชนด้วย เพราะในตำบลมีแหล่งท่องเที่ยว มีหาดทรายที่สวยงามหลายแห่ง ถ้าปรับปรุงท่าเรือแล้ว นักท่องเที่ยวก็มาลงเรือที่นี่ได้ ชาวบ้านจะได้มีรายได้จากการท่องเที่ยวด้วย” นายกเทศมนตรีฯ บอกถึงแผนงานพัฒนาชุมชน
ส่วนปัญหาเรื่องที่ดินที่อยู่อาศัยนั้น ทางเทศบาลจะทำหนังสือถึง ผวจ.ระนอง และอุทยานแห่งชาติแหลมสนเพื่ออนุญาตให้ชาวบ้านใช้ที่ดินอุทยานฯ เป็นที่อยู่อาศัยอย่างถูกต้องตามแนวทางของ คทช. (คณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ) ที่ให้ อปท.ทำเรื่องขอใช้ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยของชุมชนเสนอต่อจังหวัดและหน่วยงานเจ้าของที่ดินได้ ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านมีความมั่นคงในเรื่องที่ดินที่อยู่อาศัยต่อไป
สภาพชุมชนชายฝั่งทะเล
รองนายกฯ จุรินทร์ หนุนแผนพัฒนาชุมชนอันดามัน
ส่วนงบประมาณสนับสนุนชุมชนนั้น พอช.จะสนับสนุนการซ่อมแซมบ้านเรือนที่มีสภาพทรุดโทรม บ้านเรือนที่มีความคับแคบ หรือเป็นครอบครัวขยาย ตามโครงการบ้านมั่นคงเมือง (ชุมชนที่ตั้งอยู่ในเขตเมือง) ไม่เกินครัวเรือนละ 30,000 บาท และสนับสนุนด้านสาธารณูปโภคส่วนกลาง เช่น ถนน ทางเดิน การจัดการขยะ น้ำเสีย ฯลฯ ไม่เกินครัวเรือนละ 30,000 บาท เช่น ชุมชนบ้านท่ากลาง เทศบาลตำบลกำพวน อ.สุขสำราญ จ.ระนอง เสนอแผนงานระยะเวลา 3 ปี งบประมาณรวม 11.5 ล้านบาท
ส่วนชุมชนที่ตั้งอยู่ในเขตชนบท พอช. สนับสนุนการซ่อมบ้านไม่เกินครัวเรือนละ 40,000 บาท และสาธารณูปโภคไม่เกินครัวเรือนละ 12,000 บาท
โดยในปี 2565 มีเป้าหมายจะดำเนินครัวเรือนทั้งหมดที่อยู่ในแผนพัฒนาประมาณ 2,080 ครัวเรือน ส่วนเป้าหมายที่เหลือจะดำเนินการในปีต่อไป ตามแผนระยะ 5 ปี (2565-2569) ในพื้นที่ชุมชนเขตป่าชายเลนฝั่งทะเลอันดามัน 29 อำเภอ 139 ตำบล 6 จังหวัด คือ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล รวม 14,388 ครัวเรือน โดย พอช. และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะนำเสนอแผนงานเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในเร็วๆ นี้
ขณะที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติ ได้กล่าวเมื่อไม่นานนี้ว่า
“ผมมีแผนที่จะเสนอผลการดำเนินงานและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิตและที่อยู่อาศัยของประชาชนในพื้นที่กลุ่มจังหวัดอันดามันระยะ 5 ปี ต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดการสนับสนุนแผนงานและงบประมาณ โดยมีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตามแผน เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น !!
รองนายกฯ จุรินทร์ มอบงบประมาณซ่อมสร้างบ้านให้ชุมชนชาวเล จ.ภูเก็ตเมื่อเร็วๆ นี้
เรื่องและภาพ : สำนักพัฒนานวัตกรรมชุมชนจัดการความรู้และสื่อสาร สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สุราษฎร์ธานี จัดงานวันที่อยู่อาศัยโลกปี67 ย้ำชุมชนต้องเป็นแกนหลักในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยคนจน
UN – HABITAT หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’ กำหนดให้วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมทุกปีเป็น ‘วันที่อยู่อาศัยโลก’ หรือ ‘World Habitat Day’
รวมพลังคนจนแก้ปัญหาที่ดิน-ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ วันที่อยู่อาศัยโลก ปี 2567
ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’
‘21 ปีบ้านมั่นคง’ พอช. แก้ปัญหาที่อยู่อาศัยคนจนทั่วประเทศ กว่า 3 แสนครัวเรือน
รัฐบาลได้มีนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย และสร้างความมั่นคงในการอยู่อาศัยแก่คนจนในเมืองที่ ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้อยู่อาศัยในชุมชนแออัด
เสียงจากคลองเปรมประชากร…บ้านหลังใหม่ชีวิตใหม่ “คืนสายน้ำให้คนคลอง คืนสายคลองให้คนเมือง”
คลองเปรมประชากร มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คลองนี้ได้ประสบปัญหามากมาย
บอร์ด พอช. มีมติ พักชำระหนี้องค์กรผู้ใช้สินเชื่อในพื้นที่ประสบอุทกภัยทั่วประเทศ
สถานการณ์การเกิดอุทกภัยจากอิทธิพลของพายุยางิ ในระหว่างวันที่ 7 - 8 กันยายน 2567 ส่งผลกระทบต่อประชาชนในจังหวัดเชียงราย จำนวน 7 อำเภอ
รมว.พม. แจ้งตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว 34 แห่ง ใน 13 จว. ช่วยกลุ่มเปราะบาง-ผู้ประสบภัยน้ำท่วมริมแม่น้ำโขง ด้าน พอช. พร้อมอนุมัติงบช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบภัยพิบัติภาคเหนือและอีสาน
จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ภาคเหนือ ส่งผลกระทบในพื้นที่ 8 จังหวัด 47 อำเภอ 207 ตำบล 22,817 ครัวเรือน โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา