จากข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ต พ.ศ.2564 โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ กระ ทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ผู้สูงอายุไทย อายุระหว่าง 57-73 ปี ใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 6 ชั่วโมง 21 นาทีต่อวัน และที่น่าสนใจคือ ช่วงเว้นระยะห่าง อันเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ผู้สูงอายุต้องงดเว้นการรวมกลุ่มทำกิจกรรม เป็นเหตุให้การใช้สื่อออนไลน์ต่างๆ มีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันมากขึ้น
ด้วยเหตุปัจจัยของวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปนี้เอง การเสริมสร้างสมรรถนะด้านการรู้เท่าทันสื่อให้กับกลุ่มผู้สูงอายุในสังคมไทยจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงร่วมกับกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.), สมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล, บริษัท ทำมาปัน จำกัด และภาคีเครือข่ายสูงวัยรู้ทันสื่อ 12 จังหวัด ร่วมจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “สร้างสังคมสูงวัย รู้ทันสื่อ” เพื่อขับเคลื่อนการทำงานสร้างสังคมสูงวัยรู้ทันสื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ นำไปสู่การสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะยั่งยืน ณ โรงแรมทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ
ประธานสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ "นพ.วิชัย โชควิวัฒน" เปิดเผยว่า ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยโดยสมบูรณ์ ผู้สูงวัยต้อง “รู้เท่าทัน” สื่อ เนื่องจากสื่อมีพัฒนาการที่มีความสลับซับซ้อน (Complexity) จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตามทันสื่อ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุจึงจำเป็นต้องมี “ตัวช่วย” ให้ผู้สูงวัยรู้ทันสื่อ สมาคมสภาผู้สูงอายุฯ จึงร่วมกับภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนงานสังคมสูงวัยรู้ทันสื่อ มุ่งพัฒนาระบบองค์ความรู้และนวัตกรรมเครื่องมือ เพื่อสร้างเป็นหลักการพื้นฐานของการรู้ทันสื่อในกลุ่มผู้สูงอายุ
ผู้สูงวัยผ่านโลกและชีวิต ผ่านร้อนและหนาวมาแล้วอย่างยาวนาน ผ่านการลองผิดลองถูกมาอย่างโชกโชน รู้เท่าทันผู้คนมาแล้วเป็นอย่างดี แต่ถึงกระนั้นก็พูดกันว่า 4 เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง เพราะข่าวสารบนโลกใบนี้มีความซับซ้อน การรู้เท่าทันสื่อจึงกลายเป็นเรื่องยาก เนื่องจากผู้สูงอายุรู้ไม่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก จึงต้องสร้างระบบเป็นตัวช่วยเพื่อให้ผู้สูงวัยรู้ทันสื่อ
ทุกวันนี้เราใช้โทรศัพท์ smart phone เกิดเป็นจักรวาลนฤมิต ทำอย่างไรเราจะได้ประโยชน์จากสื่อที่พัฒนาแล้ว หลักการพื้นฐานรู้ทันสื่อ การใช้ประโยชน์จากสื่อ ป้องกันอันตรายจากสื่อ อุปกรณ์สื่อมีการพัฒนาได้หลากหลายมาก จากกล้องถ่ายรูปปัญญาอ่อน พัฒนาเป็นกล้องถ่ายรูปอัจฉริยะอยู่ในโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวกัน ไม่ต้องปรับโฟกัส ถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้สูงวัยใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การป้องกันอันตรายจากสื่อ สื่อหลอกลวงจากแก๊ง Call Center แก๊งตกทอง ยั่วยุให้คนโลภตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ หลอกลวงให้ไปลงทุนทำให้เสียทรัพย์ โดยเฉพาะในช่วงโควิด มีข่าวเท็จข่าวลวงเกี่ยวกับวัคซีนเกินกว่าความจริงเป็นจำนวนมาก ทำให้คนหลงเชื่อกลัววัคซีนยิ่งกว่าการกลัวโควิด หลายคนต้องเสียชีวิตอย่างน่าเสียดาย จำเป็นต้องมีระบบตรวจสอบอะไรควรเชื่อและไม่น่าเชื่อถือ ด้วยการรับฟังข่าวจากแหล่งข่าวทางราชการ วิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย หรือสารคดีข่าวมีความน่าเชื่อถือ ฉะนั้น อย่าด่วนรีบแชร์ข่าวลวงข่าวเท็จเป็นการสร้างความเสียหาย และยังผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย
นางญาณี รัชต์บริรักษ์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา สสส. กล่าวว่า ประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงวัย 20% จากจำนวนประชากรมีผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไปถึง 20% และในอีก 20 ปีข้างหน้า สังคมไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุสุดยอด เศรษฐกิจ สังคม วิถีชีวิตมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ด้วยสื่อยุคดิจิทัลส่งผลต่อพฤติกรรมการดำรงชีวิต ผลการสำรวจผู้สูงอายุต้องปรับตัวตามเทคโนโลยีเพื่อรับทราบข่าวข้อมูลอย่างเป็นทางการ ขณะนี้จำนวน 75% มีทักษะที่จะรู้เท่าทันสื่อ ปี 2563-2564 ระดับโดยรวมของสังคมไทยถือว่าใช้ได้ถึง 70% เมื่อโฟกัสไปที่ผู้สูงอายุ 63% ยังมีช่องว่าง เราต้องสร้างอาวุธในการใช้สื่อ “การเตรียมความพร้อมให้กับผู้สูงอายุไม่ใช่เป็นภาระ แต่เป็นการเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม เป็นนักสื่อสารสุขภาวะให้บุคคลแวดล้อม เพราะผลกระทบจากข่าวลวงทำให้ผู้สูงอายุต้องสูญเสียทรัพย์สิน การระบาดโควิด-19 มีผลกระทบต่อสุขภาพผู้สูงอายุ
“ยูนิเซฟมีคำขวัญ พยาบาล หมอ ข้อเท็จจริงเป็นผู้ช่วยชีวิต การเข้าถึงข้อมูลรู้จักใช้ข้อมูลอย่างถูกต้อง อาศัยความร่วมมือของสื่อทุกแขนง การพัฒนาศักยภาพทำให้บุคคลทั่วไปเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพ สื่อจึงเสมือนกับเหรียญสองด้าน เน้นในการเสริมพลังประชาชนสู่การเป็นผู้สูงอายุตื่นรู้ ขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม”
สสส.มุ่งเน้นเสริมพลังประชาชนสู่การเป็นพลเมืองดิจิทัลที่ตื่นรู้ มีทักษะเท่าทันสื่อ เท่าทันตนเอง มีความรับผิดชอบต่อสังคม สามารถใช้สื่อเป็นเครื่องมือดูแลตนเอง และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมให้มีสุขภาวะที่ดี โดยมียุทธศาสตร์การทำงานมุ่งพัฒนา “คน” และ “ปัจจัยแวดล้อม” สร้างระบบนิเวศสื่อสุขภาวะที่มีความสมดุลจัดการความรู้และสร้างเครื่องมือที่สามารถนำไปยกระดับการทำงานและการขับเคลื่อนกลไกเชิงนโยบายสู่การปฏิบัติมีพื้นที่ปฏิบัติการระดับจังหวัด 21 จังหวัดทั่วประเทศ
“เอ็มโอยู 'สร้างสังคมสูงวัย รู้ทันสื่อ' ครั้งนี้ มีแนวทางส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อของผู้สูงวัย 4 ข้อ ได้แก่ 1.พัฒนาทักษะเท่าทันสื่อ มีความรอบรู้ด้านสุขภาพ ขยายผลเกิดเป็นเครือข่ายอาสาสูงวัยเฝ้าระวังสื่อในทุกพื้นที่ 2.พัฒนากลไกการทำงานในระดับพื้นที่ปฏิบัติการ สร้างกระบวนการเรียนรู้ กลไกเฝ้าระวังสื่อ 3.สนับสนุนการจัดการความรู้ งานวิชาการ เครื่องมือ และหลักสูตร ที่สอดคล้องกับบริบทการบริโภคสื่อของผู้สูงอายุในแต่ละพื้นที่ รวมถึงจัดตั้งศูนย์วิชาการด้านการรู้เท่าทันสื่อของผู้สูงอายุ ร่วมกับสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล ถือเป็น Knowledge Hub เพื่อยกระดับการขับเคลื่อนงานด้านการรู้เท่าทันสื่อผู้สูงอายุในสังคมไทยยั่งยืน และ 4.พัฒนาการสื่อสาร สร้างความเข้าใจด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง และสื่อสารสาธารณะสร้างการรับรู้ประเด็นผู้สูงอายุกับการรู้เท่าทันสื่อ มุ่งเป้าสู่การขับเคลื่อนกลไกเชิงนโยบาย” นางญาณีกล่าว
นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ พม. กล่าวว่า กรมกิจการผู้สูงอายุ มุ่งพัฒนาคนและสังคมให้มีคุณภาพเต็มตามศักยภาพและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ กรมกิจการผู้สูงอายุ จึงร่วมกับภาคีเครือข่าย พัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ ให้สอดคล้องกับการเรียนรู้ของผู้สูงอายุในพื้นที่ระดับจังหวัด.
“คาถาสูงวัย รู้ทันสื่อ”
นายวันชัย บุญประชา ที่ปรึกษากลุ่มคนตัว D บริษัท ทำมาปัน จำกัด เปิดเผยว่า “กลุ่มคนตัว D ร่วมกับ สสส.และภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนงานสร้างพลเมืองเท่าทันสื่อตั้งแต่ปี 2562 มีบทบาทในการออกแบบกระบวนการการจัดการความรู้ ซึ่งในปี 2565 ได้พัฒนาเครื่องมือ “คาถาสูงวัย รู้ทันสื่อ” 3ข้อ ได้แก่
1.จำเป็นหรือไม่?
2.หาข้อมูลเพิ่มเติม
3.เดือดร้อนตัวเองและคนรอบข้างหรือไม่?
เพื่อให้ผู้สูงอายุเป็นผู้ที่สามารถวิเคราะห์สื่อ รับสื่อ และใช้สื่ออย่างปลอดภัย ตอบโจทย์บริบทการใช้สื่อในแต่ละพื้นที่ ทั้งสื่อออนไลน์ สื่อโทรทัศน์ และสื่อบุคคล ถือเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของข่าวลวงและเตรียมความพร้อมสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์”
“เราถือหลักว่าจำเป็นไหมที่จะต้องซื้อ หากซื้อแล้วจะเดือดร้อนคนในครอบครัวหรือไม่? ถ้าเดือดร้อนต้องกล้าปฏิเสธ No ก่อนตัดสินใจซื้อต้องหาข้อมูลให้ครบถ้วน ต้องใช้สติยั้งคิดก่อนตัดสินใจ ขณะนี้ อบจ.เทศบาลมีหลักสูตรเพื่อประยุกต์ขยายการสอนไปยังทุกจังหวัด”นายวันชัย บุญประชา ให้ข้อคิดปิดท้าย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สสส.สานพลังภาคี ขจัดความเหลื่อล้ำกิจกรรมทางกาย ดึงคนไทยสู่เวอร์ชั่นใหม่
กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม
สสส.-สคล. ผนึกภาครัฐ เอกชน จัดแข่งฟุตซอลเยาวชนไม่เกิน 15 ปี ชิงถ้วยกรมสมเด็จพระเทพฯ
สสส. โดยสมาคมเครือข่ายงดเหล้าและปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ (สคล.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายและภาคเอกชน รวม 7 องค์กร ลงนามความร่วมมือ พร้อมจัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ
"สิทธิในอาหารเพื่อชีวิตที่ดี" ความตระหนักรู้เสริมสุขภาวะ
เด็กทั่วโลกเผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านอาหาร เพราะการบริโภคไม่สมดุล ส่งผลต่อสุขภาวะอ้วนผอม ชาวโลกเผชิญความอดอยากเกือบ 300 ล้านคน
สสส.ชวนคนรักสุขภาพ ร่วม'เมื่อคุณเริ่มวิ่ง หัวใจเต้นแรง' กระตุ้น'นักวิ่งหน้าใหม่'ลงสนาม8ธ.ค.นี้
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 11 พ.ย. 2567 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ กรุงเทพฯ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ร่วมกับ สมาพันธ์ชมรมเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพไทย จัดงานแถลงข่าว Thai Health Day Run 2024 วิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ ครั้งที่ 12 ภายใต้แนวคิด “เมื่อคุณเริ่มวิ่ง หัวใจเต้นแรง” ในวันที่ 8 ธ.ค. นี้ ที่สะพานพระราม 8 โดย สสส. มุ่งจุดกระแสกิจกรรมทางกายเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้มีสุขภาพดี ลดความเสี่ยงเกิดโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ในอนาคต ซึ่งจากผลสำรวจอายุคาดเฉลี่ยทั่วโลกในปี 2567 ของ www.worldometers.info ระบุว่า ไทยมีอายุคาดเฉลี่ยอยู่ที่ 76.56 ปี อายุยืนเป็นอันดับที่ 78 ของโลก ขณะที่ข้อมูลจากฐานข้อมูลการตาย กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข ปี 2561-2565 พบคนไทยเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 164,720 ราย สาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 คือ ป่วยด้วยกลุ่มโรค NCDs ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวกับพฤติกรรมและวิถีชีวิต
เจียระไนเพชร 3 องค์กรต้นแบบ สร้างเสริมสุขภาวะในที่ทำงาน
"ในอดีตเรารบกับเชื้อโรค มีการโจมตีด้วยเทคโนโลยี แต่วันนี้เรากำลังสู้กับกิเลสของมนุษย์ โรค NCDs เกิดขึ้นจากเราสร้างสุขเทียมเพื่อแก้ไขปัญหาให้ตัวเอง เติมรสหวาน มัน เค็ม สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า
อึ้ง ! ความเหงา-โดดเดี่ยว ภัยเงียบที่ส่งผลอันตรายต่อสุขภาพเทียบเท่าการสูบบุหรี่วันละ 15 มวน หรือดื่มเหล้าวันละ 6 แก้ว
เวลา 09.00 น. วันที่ 1 พ.ย. 2567 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับธนาคารจิตอาสา ภาคีภาครัฐ และภาคเอกชน จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ “เดือนการฟังแห่งชาติ” หรือ “National Month of Listening” เพื่อกระตุ้นให้สังคมเห็นความสำคัญของการดูแลความสัมพันธ์ด้วย