สทนช. เดินหน้าศึกษา SEA พื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเร่งรัดวางแผนบริหารจัดการน้ำอย่างเชื่อมโยงเป็นโครงข่ายทั้งระบบ

สทนช. เผยความก้าวหน้าในการศึกษา SEA ประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 10 จังหวัดลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ครอบคลุม 36 ลุ่มน้ำสาขา เพื่อเป็นกรอบการวางแผน บริหารจัดการน้ำเชื่อมโยงทั้งระบบ บรรเทาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับน้ำในพื้นที่ ทั้งภัยแล้ง อุทกภัย ดินถล่ม รวมถึงการจัดสรรและกระจายน้ำอย่างทั่วถึงและเพียงพอ

วันนี้ ( 19 พ.ค.65 ) เวลา 9.00 น. นายสราวุธ ชีวะประเสริฐ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) เป็นประธานเปิดกิจกรรมสร้างการรับรู้ผ่านสื่อในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ “โครงการศึกษาการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์และแผนหลักการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ” และนาย ชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวเปิดการประชุม ณ ห้องประชุมบลูโซเชียล โรงแรมบลู โฮเทล จังหวัดนครพนม

นายสราวุธ ชีวะประเสริฐ กล่าวว่า สทนช. ได้มอบหมายให้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท ยูไนเต็ด แอนนาลิสต์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท อินเตอร์ เทค คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท โพธิศิรินทร์ ไทยคอนซัลแต๊นท์ จำกัด ดำเนินการศึกษาโครงการศึกษาการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์และแผนหลักการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้การพัฒนาของลุ่มน้ำสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบ หรือมีผลกระทบในระดับที่ยอมรับได้ และเป็นไปตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) พร้อมทั้งจัดทำแผนหลักการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จัดลำดับความสำคัญของโครงการพัฒนาในอนาคต การป้องกันอุทกภัยและการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เพื่อเป็นกรอบการดำเนินการบริหารจัดการน้ำของลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือสำหรับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินการ ลดความซ้ำช้อนของแผนงาน และกำหนดกรอบแนวทาง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป

“ด้วยสถานการณ์ด้านทรัพยากรน้ำในปัจจุบัน รวมถึงความสำคัญของลุ่มน้ำ และสภาพปัญหาของพื้นที่ ส่งผลให้มีความจำเป็นต้องเร่งรัดวางแผนบริหารจัดการน้ำทั้งระบบลุ่มน้ำ ต้องบริหารจัดการการใช้ประโยชน์และจัดสรรน้ำตามความต้องการของประชาชน การพัฒนาของเมืองและชนบท การใช้น้ำเพื่อการพัฒนาภาคส่วนต่าง ๆ การเกษตร การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังต้องอนุรักษ์น้ำสำหรับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และระบบนิเวศ ตลอดจนเพื่อการแก้ไขปัญหาจากภัยธรรมชาติ น้ำท่วม น้ำแล้ง คุณภาพน้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาชุมชน ความเป็นอยู่ การกินดีอยู่ดี นอกจากนี้ ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือมีความเกี่ยวข้องกับลุ่มน้ำระหว่างประเทศ จึงต้องพิจารณาบริบทการใช้น้ำระหว่างประเทศ และต้องเชื่อมโยงข้อมูลการบริหารจัดการน้ำกับประเทศเพื่อนบ้าน”

สำหรับพื้นที่ศึกษาลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย 36 ลุ่มน้ำสาขา ที่แบ่งเป็น 9 กลุ่มลุ่มน้ำสาขา ครอบคลุม 10 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี รวมพื้นที่ 47,165.08 ตร.กม หรือ 29.8 ล้านไร่ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานภายใต้โครงการนี้ เพื่อศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) ของพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ และทบทวนวิเคราะห์การดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ศึกษาโครงการที่ผ่านมาสำหรับประกอบการจัดทำแผนหลักการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) พร้อมประเมินผลการดำเนินงานในช่วงปี พ.ศ. 2561 - 2564 และจัดทำแผนปฏิบัติการ การบริหารทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2566 – 2570 โดยกิจกรรมสร้างการรับรู้ผ่านสื่อในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือที่จัดขึ้นในครั้งนี้ มุ่งหวังให้เกิดการรับรู้ รับทราบสาระสำคัญของโครงการ อันเป็นประโยชน์ต่อการเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารของสื่อมวลชนไปสู่สาธารณะต่อไป

 การดำเนินการของ สนทช. ในครั้งนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ
ตามเป้าหมายของการพัฒนาที่ว่า สร้างความมั่นคงของทรัพยากรน้ำลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยการบริหารจัดการอย่างมีส่วนร่วม และมีความเชื่อมโยงกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ทั้ง 6 ด้าน เพื่อขับเคลื่อนให้การดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมาย อันประกอบด้วย 4 ประเด็นยุทธศาสตร์ คือ 1. การจัดหาและจัดสรรทรัพยากรน้ำอย่างเป็นธรรม และมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วมของผู้ใช้น้ำ 2. การป้องกัน คุ้มครอง และฟื้นฟูการให้บริการระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกับทรัพยากรน้ำโดยการมีส่วนร่วมระหว่างผู้ใช้น้ำ 3. การส่งเสริมการปรับตัวของผู้ใช้น้ำต่อปัญหาด้านทรัพยากรน้ำ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ 4. การสร้างความเข้มแข็ง และส่งเสริมศักยภาพการบริหารจัดการลุ่มน้ำ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สทนช. เดินหน้า 10 มาตรการรับมือฤดูฝนเต็มกำลัง มั่นใจสถานการณ์น้ำท่วมไม่ซ้ำรอยมหาอุทกภัย ปี 54

สทนช. ผนึกกำลังทุกหน่วยงานขับเคลื่อน 10 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2567 หลัง ครม. เปิดไฟเขียว มุ่งบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่มีเอกภาพ เน้นวางแผนล่วงหน้าในเชิงรุก

สทนช. กู้วิกฤติน้ำเค็มรุกคลองประเวศฯสำเร็จ พอใจผลงานบูรณาการแก้ไขปัญหาภายใน 1 เดือน

สทนช.ปิดหน่วยปฏิบัติการจัดการทรัพยากรน้ำชั่วคราวในภาวะวิกฤติ หลังประสบผลสำเร็จในการระดมสรรพกำลังบูรณาการร่วมกันวางแผนแก้ปัญหาน้ำเค็ม

สทนช. ตั้ง“วอร์รูม” แก้ปัญหาน้ำเค็มรุกคลองประเวศบุรีรมย์ ลงพื้นที่ทำงานเชิงรุกเร่งฟื้นฟู ขีดเส้นภายใน เม.ย. กลับสู่ภาวะปกติ

สทนช.ตั้ง “วอร์รูม” เฉพาะกิจผนึกกำลังบูรณาการวางแผน สั่งการ แก้ปัญหาทำนบดินชั่วคราวพังทลาย น้ำเค็มทะลักเข้าคลองประเวศบุรีรมย์และคลองสาขา ในพื้นที่   จ.ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ ลงพื้นที่เร่งติด ตามการดำเนินงานในเชิงรุก หวังลดผลกระทบที่เกิดขึ้น มั่นใจสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในเดือนเม.ย.นี้อย่างแน่นอน

สทนช. เร่งหน่วยงานด้านน้ำคลอดแผนปฏิบัติการรองรับฤดูฝน เตรียมรับมือ “ลานีญา” คาดฝนตกหนัก มิ.ย. - ส.ค. 67

สทนช. มั่นใจ 10 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2567 รับมือสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลเป็นรูปธรรมเร่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้มาตรการรับมือฤดูฝน

ห่วงปชช. 7 จ. ริมน้ำโขง หลังสารเคมีรั่ว สั่ง สทนช. เฝ้าระวังถึง 12 เม.ย.

'สมศักดิ์' ห่วงชาวไทย-ลาว หลังสารเคมีรั่วลงแม่น้ำโขง สั่ง สทนช. เกาะติดใกล้ชิด แจงตรวจคุณภาพน้ำ จ.เลย ใช้ได้ปกติ แต่ยังเฝ้าระวังถึง 12 เม.ย.