“จุรินทร์” สร้างประวัติศาสตร์ต่อเนื่อง ลงนาม ความร่วมมือด้านการค้าระหว่างไทย-กานซู่ ดันทำยอดการค้า 1,265 ล้านบาท ภายใน 1 ปี เน้นเจาะตลาดสินค้าฮาลาลโดยเฉพาะ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานสักขีพยานและกล่าวแสดงความยินดีในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับกรมพาณิชย์ มณฑลกานซู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายเริ่น เจิ้นเห้อ ผู้ว่าการมณฑลกานซู่ ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในนามของกระทรวงพาณิชย์ ตนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน ในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจด้านความร่วมมือทางการค้าระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ แห่งราชอาณาจักรไทย กับ กรมพาณิชย์มณฑลกานซู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน

ประเทศจีน เป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ มีความหลากหลาย และมีจุดเด่นที่แตกต่างกันในแต่ละมณฑล ด้วยเหตุนี้ ตนจึงมีนโยบายให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำความร่วมมือกับมณฑลสำคัญของจีน เพื่อนำจุดเด่นของแต่ละมณฑลมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งมณฑลกานซู่จะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือในด้านการค้าและการลงทุน ทั้งจากไทยและอาเซียนสู่จีน ไปจนถึงเอเชียกลางและยุโรปตะวันออก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการค้าทางบก ที่สำคัญสายหนึ่งของโลกมาตั้งแต่อดีตกาล หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “เส้นทางสายไหม” โดยในปัจจุบันได้ขยายจากเส้นทางทางบกไปสู่เส้นทางสายไหมทางทะเล และได้มีเส้นทางระเบียงการค้าเชื่อมทางบกกับทางทะเลระหว่างประเทศสายใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor: ILSTC) ที่มีจุดเริ่มต้นที่ท่าเรือชินโจว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ผ่านนครฉงชิ่ง และเข้าสู่มณฑลกานซู่ เชื่อมต่อไปยังดินแดนทางทิศตะวันตกของจีน ซึ่งเป็นผลมาจากระบบขนส่งทางรางที่มีเครือข่ายครอบคลุมไปทั่วประเทศ โดยถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ระดับชาติในการพัฒนาความเชื่อมโยงจีนภายใต้นโยบายข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI)

สำหรับโอกาสทางการค้าไทย มีความโดดเด่นในสินค้าฮาลาล สินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป อาหารและโลจิสติกส์ ในขณะที่กานซู่เป็นมณฑลที่มีความโดดเด่นด้านการแพทย์แผนจีน โดยมีผู้เชี่ยวชาญและวัตถุดิบสมุนไพรที่มีความหลากหลาย และยังเป็นแหล่งทรัพยากรด้านพลังงาน โดยเฉพาะพลังงานสะอาดซึ่งเป็นกระแสที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ

ดังนั้น ตนจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า MOU ด้านการค้าระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กับกรมพาณิชย์มณฑลกานซู่ที่ลงนามในวันนี้ จะช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมทางการค้าระหว่างไทยและจีน และสามารถต่อยอดการค้าอีกไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 หรือคิดเป็นมูลค่าการค้ารวมประมาณ 1,265 ล้านบาท

สุดท้ายนี้ ตนขอขอบคุณมณฑลกานซู่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมกันผลักดันและสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือในวันนี้ขึ้น ตนเชื่อมั่นว่า การลงนาม MOU ในวันนี้ จะเป็นกลไกที่สำคัญในการส่งเสริมการค้าและการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันได้อย่างเป็นรูปธรรมในอนาคตต่อไป

นายเริ่น เจิ้นเห้อ ผู้ว่าการมณฑลกานซู่ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าด้วยการจัดทำ “บันทึกความเข้าใจด้านความร่วมมือทางการค้าระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์กับกรมพาณิชย์ มณฑลกานซู่” จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ประสบผลสำเร็จที่ดียิ่งขึ้น

1.ทั้งสองฝ่ายต้องการขยายขอบเขตความร่วมมือทางการค้า "ข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค" (RCEP) มีผลบังคับใช้ในจีนและไทยอย่างเป็นทางการ ทั้งสองฝ่ายต้องใช้กฎข้อสัญญาในการเปิดตลาดที่ตกลงกันไว้อย่างเต็มที่ ส่งเสริมความเชื่อมโยงของตลาดระหว่างมณฑลกานซู่กับประเทศไทย แบ่งปันทรัพยากร เพิ่มมูลค่าการนำเข้าและส่งออก และอำนวยความสะดวกในตลาดให้มากยิ่งขึ้น

2.ทั้งสองฝ่ายต้องยกระดับความร่วมมือและการลงทุน มณฑลกานซู่มุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เน้นตลาด ถูกกฎหมาย และเป็นสากล มณฑลกานซู่ยินดีต้อนรับผู้ประกอบการไทยอย่างจริงใจ เพื่อให้มาลงทุนในมณฑลกานซู่ โดยตั้งแต่วันที่ 7 ถึง 11 กรกฎาคม 2565 จะมีการจัดประชุมเจรจาการค้าการลงทุนหลานโจว ที่มณฑลกานซู่ ขอเรียนเชิญผู้ประกอบการไทยมาเข้าร่วมงานดังกล่าว เพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจและขยายขอบเขตความร่วมมือระหว่างกัน

3.ทั้งสองฝ่ายต้องเพิ่มความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม มณฑลกานซู่ได้รับการแนะนำโดย The New York Times ให้เป็น” 1 ใน 52 จุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในโลก" หวังว่า มณฑลกานซู่กับประเทศไทยจะเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดความร่วมมือแบบ win-win ขอเชิญทุกท่านด้วยความจริงใจ เพื่อพาครอบครัวและเพื่อนฝูงของตนเอง เดินทางมายังมณฑลกานซู่ สัมผัสเส้นทางสายไหมอดีตกาล และมารับน้ำใจของชาวมณฑลกานซู่

ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศระบุว่า มณฑลกานซู่ หรือมณฑลกังชก มีประชากร 25 ล้านคน ใหญ่เป็นอันดับที่ 22 ของจีน(ตามลําดับจํานวนประชากร) มีชาวมุสลิม 1.6 ล้านคน (คิดเป็น 6.4%) เป็นหนึ่งในผู้ส่งออกพลังงานหลักจากการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้แก่ พลังงานนํ้า พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานความร้อนใต้พิภพ นอกจากนี้ยังเป็นจังหวัดที่ผลิตชิปที่ใหญ่เป็นอันดับสองในจีนและเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเลียม อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า และอุตสาหกรรมเคมีด้วย ซึ่งสินค้าส่งออกหลักของไทยไปกานซู่ 5 อันดับแรก ปี พ.ศ. 2565 (ม.ค.-ก.พ.) ได้แก่ 1) เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ

2) เอสเซนเชียลออยล์และเรซินอยด์ เครื่องหอม เครื่องสำอาง

3) พืชผักรวมท้ังรากและหัวบางชนิดท่ีบริโภคได้

4) เมล็ดพืช และผลไม้ท่ีมีนำ้มัน เมล็ดธัญพืชและผลไม้เบ็ดเตล็ด

5) ปลา และสัตว์นำ้ท่ีไม่มีกระดูกสันหลัง

โดยในงานนี้มีนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“สุชาติ” ชี้ช่องทางตลาดในและต่างประเทศแก่ผู้ประกอบการถุง พลาสติกสาน สยามแฟล็กซ์แพ็ค จำกัด โอกาสโตยังเปิดกว้าง!

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา หารือกับผู้บริหาร บริษัท สยามเฟล็กซ์แพ็ค จำกัด ผู้ประกอบการผู้ผลิตสินค้าถุงกระสอบพลาสติก สร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA

‘สุชาติ’ แนะเกษตรกร/ผู้ประกอบการโคนม นำนวัตกรรม และดูแลสิ่งแวดล้อม เพิ่มมูลค่า พร้อมศึกษาประโยชน์จาก FTA ขยายตลาดส่งออก

รมช.พณ. สุชาติฯ ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการนมโคแปรรูป ในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เกษตรและผู้ประกอบการเร่งใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายตลาดส่งออก และเตรียมความพร้อมกลุ่มเป้าหมายเข้าสู่การเปิดเสรีสินค้านมและผลิตภัณฑ์ ภายใต้ FTA ไทย-ออสเตรเลีย และ FTA ไทย-นิวซีแลนด์ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568

‘สรรเพชญ’ เบรก รบ.อย่าคิดขายชาติ ย้อน ‘พท.’ อย่าถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเองซ้ำอีก

นายกรัฐมนตรีที่ได้รับสมญานามว่าเป็น เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ที่มีความต้องการดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งทำให้สังคมเกิดความสงสัยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือต้องการเอื้อผลประโยชน์ให้กับใครหรือไม่

เปิดใจ 'ชวน' วางมือการเมืองหรือลงเลือกตั้งต่อ? เชื่อ 'อภิสิทธิ์' ไม่ไปไหนรอกลับมาช่วย ปชป.

นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานรัฐสภากล่าวถึงอนาคตทางการเมืองของตัวเอง หลังเป็นส.ส.มา 17 สมัยติดต่อกัน หลังมีกระแสข่าวทั้งพรรคประชาธิปัตย์อาจไม่ส่งนายชวน ลงสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้าและกระแสข่าวเตรียมวางมือทางการเมือง

'พาณิชย์ 'แนะผู้ประกอบการอาหาร สปา เร่งทำตลาดสเปนรับเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวโต

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สำรวจภาวะเศรษฐกิจสเปน พบขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวบูมมาก ชี้เป็นโอกาสสินค้าและบริการไทยที่จะขยายตลาดได้เพิ่มขึ้น ทั้งร้านอาหาร สปา อาหารและเครื่องดื่ม แนะทำการตลาดดิจิทัลสร้างการรับรู้