นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธาน เปิดงานแถลงข่าว “โครงการสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2565 (งานแจงนับ)” โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงฯ พร้อมเชิญชวนผู้ประกอบการทั่วประเทศร่วมใจให้ข้อมูล เพื่อนำมาใช้วางแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศในยุควิกฤติโควิด-19 โดยเจ้าหน้าที่ “คุณมาดี” จาก สสช. พร้อมลงพื้นที่เก็บข้อมูลระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2565 นี้
งานแถลงข่าว ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบไฮบริดเมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและ
คอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ โดยมี ดร.ปิยนุช วุฒิสอน ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ คณะผู้บริหารจากกระทรวงดีอีเอสและสำนักงานสถิติแห่งชาติ สถิติจังหวัด พร้อมตัวแทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เข้าร่วมงาน
นายชัยวุฒิฯ กล่าวระหว่างเปิดโครงการฯ ว่า “ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผมตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลจากโครงการดังกล่าวที่จะนำไปใช้ในการวางแผนการพัฒนาเศรษฐกิจ
ของประเทศ ตลอดจนให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSME) ให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น ในระดับนานาชาติไม่ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และเวียดนาม เป็นต้น ล้วนให้ความสำคัญกับการจัดทำข้อมูลด้านเศรษฐกิจ เพื่อชี้ให้เห็นถึงโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับใช้ในการวางแผน กำหนดนโยบายการส่งเสริมการค้า การลงทุน ตลอดจนจัดทำตัวชี้วัดภาวะเศรษฐกิจของประเทศเช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) หรือใช้ในการวิเคราะห์เปรียบเทียบสถานการณ์ในภาคการค้า การบริการ และอุตสาหกรรมการผลิตในระดับประเทศ ภูมิภาค และระดับโลก”
รมว. ดีอีเอส เสริมว่า สำหรับประเทศไทยมีสถานประกอบการในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมอยู่ประมาณ2.6 ล้านแห่ง ซึ่งถือเป็นหัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ จากการที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการจัดทำโครงการสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรมในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีของประเทศไทยที่กำลังเผชิญกับความท้าทายสืบเนื่องมาจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัสโควิด-19 จะได้มีข้อมูลให้หน่วยงาน ภาครัฐ
ใช้ในการกำหนดนโยบายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการ หรือออกมาตรการต่าง ๆ ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สอดคล้องกับความต้องการได้อย่างตรงจุด เช่น การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ MSME ส่วนภาคเอกชนและประชาชนได้นำไปใช้ประกอบในการตัดสินใจลงทุน ต่อยอดธุรกิจ ขยายกิจการ หรือออกผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ รวมไปถึงการวางแผนกลยุทธ์ให้สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการในธุรกิจเดียวกันได้
ด้าน ดร.ปิยนุช เสริมว่า “สำหรับการจัดทำสำมะโนด้านเศรษฐกิจจะจัดทำขึ้นในรอบห้าปีถึงสิบปีตามข้อเสนอแนะขององค์การสหประชาชาติ โดยในปี 2565 เป็นการครบรอบสิบปีของการจัดทำสำมะโนธุรกิจทางการค้าและธุรกิจทางการบริการและครบรอบห้าปีของการจัดทำสำมะโนอุตสาหกรรม ดังนั้น การสำมะโนฯ ในครั้งนี้เป็นการบูรณาการทั้งสองโครงการที่ได้กล่าว ภายใต้ชื่อ ‘สำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2565’ หรือ โครงการ สธอ. 65”
ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ข้อมูลจากโครงการฯ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน สำหรับภาครัฐนำมาใช้ในการวางแผน กำหนดยุทธศาสตร์นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและพื้นที่ ใช้ประกอบการจัดทำตัวชี้วัดระดับเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ รวมถึงการยกระดับขีดความสามารถของสถานประกอบการ MSME ส่วนภาคเอกชน สามารถใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อตัดสินใจในการลงทุนหรือขยายกิจการ ตลอดจนเปรียบเทียบสถานะสถานประกอบการตนกับระดับประเทศและพื้นที่ได้ และสำหรับประชาชน สามารถใช้ข้อมูลเพื่อศึกษาช่องทางในการลงทุนทำธุรกิจ และศึกษาวิจัยให้เกิดองค์ความรู้สนับสนุน
การจัดทำนโยบาย
การจัดทำโครงการ สธอ. 65 มีแผนการดำเนินงานเป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564 – 2566 โดยในปี 2564 เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานของสถานประกอบการทุกประเภททั้งที่อยู่ในระบบทะเบียน และนอกระบบทะเบียนทั่วประเทศ หรือที่เรียกว่า “งานนับจด” เพื่อให้เห็นโครงสร้างและการกระจายตัวของสถานประกอบการประเภทต่าง ๆ ทั่วทั้งประเทศ สำหรับในปี 2565 นี้ เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลรายละเอียดของสถานประกอบการ หรือที่เรียกว่า “งานแจงนับ” เช่น คนทำงานและค่าตอบแทนแรงงาน ต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่าย ผลผลิต/รายรับ การใช้เทคโนโลยี การได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความช่วยเหลือที่ต้องการจากภาครัฐ เป็นต้น และสำหรับปี 2566 จะเป็นการประมวลผล วิเคราะห์ และนำเสนอข้อมูลต่อไป
“ในการจัดทำสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม ปี 2565 ได้มีการบูรณาการข้อมูลทะเบียนของหน่วยงานรัฐสามหน่วยงาน ได้แก่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมส่งเสริมการเกษตร สำนักงานสถิติแห่งชาติขอขอบคุณหน่วยงานทั้งสามหน่วยงานเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ข้อมูลธุรกิจและสถานประกอบการ ซึ่งความร่วมมือในการบูรณาการข้อมูลในครั้งนี้
จะเป็นพื้นฐานในการต่อยอดสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ต่อไป สำนักงานสถิติแห่งชาติจะส่งเจ้าหน้าที่ หรือ ‘คุณมาดี’ ลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลพร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม 2565 ด้วยวิธีการสัมภาษณ์
ผู้ประกอบการโดยตรง และในการสำมะโนครั้งนี้ มีระบบออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการให้ข้อมูลด้วยตนเองอีกช่องทางหนึ่ง และขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการมีความมั่นใจว่าข้อมูลจะเป็นความลับ ไม่รั่วไหล และไม่นำไปเปิดเผยเป็นรายกิจการ” ดร.ปิยนุช กล่าว พร้อมเสริมว่า เนื่องจากเป็นการดำเนินงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สำนักงานสถิติแห่งชาติ มีมาตรการในการดำเนินงานที่เน้นการรักษาความปลอดภัยตามมาตรการของ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
“ในส่วนของกระทรวงดิจิทัลฯ ที่มีภารกิจในการส่งเสริม สนับสนุน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งข้อมูลที่ได้จากโครงการนี้ส่วนหนึ่งจะชี้ให้เห็นถึงทักษะ ความรู้ ความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital literacy) ในการดำเนินกิจการของสถานประกอบการในปัจจุบัน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินกิจการสำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างยั่งยืน เช่น การมีแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับสนับสนุนให้สถานประกอบการขายสินค้าออนไลน์หรือ e-commerce กลุ่มธุรกิจ Start up ตลอดจนการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลในระดับชุมชน หมู่บ้านเพื่อส่งเสริมให้ประชาชน กลุ่มแม่บ้าน และวิสาหกิจชุมชนมีความรู้นำไปต่อยอดในการสร้างอาชีพ สร้างงาน และสร้างรายได้ต่อไป” นายชัยวุฒิ กล่าวพร้อมเชิญชวนผู้ประกอบการทั่วประเทศร่วมให้ข้อมูลกับคุณมาดี เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสู่ความเจริญอย่างยั่งยืน
โครงการสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2565 (งานแจงนับ) ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม นี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 0 2142 1234 หรือชมรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.nso.go.th
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สำนักงานสถิติแห่งชาติ จัดกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุน A Good Digital Citizen “ก้าวไปสู่ความเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพไปด้วยกัน”
9 ตุลาคม 2567, กรุงเทพฯ - สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เตรียมความพร้อมให้ประชาชนก้าวสู่การเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพ หวังประชาชนทุกคนมีทักษะดิจิทัล และเป็นพลเมืองดิจิทัลที่ดีร่วมกัน จับมือเครือข่ายหน่วยงานภาคี จัดกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุน A Good Digital Citizen“ก้าวไปสู่ความเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพไปด้วยกัน
สำนักงานสถิติแห่งชาติ จัดเสวนาวิชาการ เชิญวิทยากรภาครัฐ-เอกชนร่วมถกประเด็นขับเคลื่อนสังคมด้วยข้อมูลสถิติในยุค AI
ดร.ปิยนุช วุฒิสอน ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุมเสวนาวิชาการและนิทรรศการ ภายใต้แนวคิด “DATA is all around us: The New Era of AI-driven Society
'เพื่อไทย' ชี้โพลสนง.สถิติฯ คนถูกใจนโยบายรัฐบาล ไม่ได้หวังแย้งโพลพระปกเกล้า
นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยผลสำรวจประชาชนที่พอใจผลงานรัฐบาลในรอบ 6 เดือน
'โฆษก' โวผลสำรวจสำนักงานสถิติ ชี้ประชาชนพอใจผลงานรัฐบาล
สำนักงานสถิติฯ เผย ผลสำรวจ การทำงานของรัฐบาลรอบ 6 เดือน พบ พอใจร้อยละ 44.3 ชอบนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่มากที่สุด