สศก. ครบรอบ 43 ปี แถลง GDP เกษตร ไตรมาส 1 ปี 65 โต 4.4% คาดทั้งปีขยายตัว 2 - 3% พร้อมจับตาความขัดแย้ง รัสเซีย-ยูเครน ที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจ

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครบรอบ 43 ปี เน้นย้ำบทบาทในฐานะเนวิเกเตอร์ (Navigator) ด้านเศรษฐกิจการเกษตร มีความพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจเพื่อผลักดันให้ภาคเกษตรเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ และพร้อมจะร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรในทุกมิติ พร้อมเปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการเกษตรไตรมาส 1 ปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 4.4 ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรในปี 2565
คาดว่า จะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 2.0 - 3.0 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามความขัดแย้ง รัสเซีย-ยูเครน อย่างใกล้ชิด หากสงครามมีความยืดเยื้อ จะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาวะเงินเฟ้อในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยมีความรุนแรงมากขึ้น กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในงานแถลงข่าววันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 43 ปี ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ว่า สำหรับปี 2565  สศก. ในฐานะเนวิเกเตอร์ (Navigator) ด้านเศรษฐกิจการเกษตร มีความพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจเพื่อผลักดันให้ภาคเกษตรเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ และพร้อมจะร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรในทุกมิติ ทั้งด้านการพัฒนา Big Data สารสนเทศด้านการเกษตร งานวิจัยที่มีความทันสมัย และแผนพัฒนาการเกษตรในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายและการวางแผนที่มีประสิทธิภาพ

นายฉันทานนท์ ยังได้เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตรไตรมาส 1 ปี 2565 (เดือนมกราคม - มีนาคม 2565) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งมีทิศทางเป็นบวกต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2564 (เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2564) ที่ขยายตัวร้อยละ 0.7 โดยการเติบโตได้ดีในไตรมาสนี้เป็นผลจากสาขาพืชซึ่งเป็นสาขาการผลิตหลักขยายตัว เนื่องจากฝนที่ตกต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 ถึงต้นปี 2565 และสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้การผลิตพืชสำคัญ ทั้งข้าว อ้อยโรงงาน สับปะรด ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และผลไม้ เพิ่มขึ้น ส่งผลให้สาขาบริการทางการเกษตรขยายตัวได้ตามพื้นที่เพาะปลูกและพื้นที่เก็บเกี่ยวพืชที่เพิ่มขึ้น ขณะที่สาขาประมงและสาขาป่าไม้ ขยายตัวได้จากการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดที่มีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สาขาปศุสัตว์หดตัวลงจากสถานการณ์โรคระบาดในสัตว์ที่ส่งผลให้เกษตรกรปรับลดปริมาณการเลี้ยง

ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรในปี 2565 คาดว่า จะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 2.0 - 3.0 เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยทุกสาขาการผลิต มีแนวโน้มขยายตัว เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของลานีญา ประกอบกับภาครัฐมีความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ส่งเสริมให้เกษตรกรมีการบริหารจัดการด้านการผลิตและการตลาดที่ดี มีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตและยกระดับคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานสอดคล้องกับความต้องการของตลาด นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น ทำให้มีความต้องการสินค้าเกษตรทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากภาวะฝนทิ้งช่วงและความแปรปรวนของสภาพอากาศในบางพื้นที่ แนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตทั้งในด้านราคาปุ๋ย
สารกำจัดศัตรูพืช และอาหารสัตว์ รวมถึงค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ ตลอดจนสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

“เศรษฐกิจการเกษตรของไทย จะได้รับผลกระทบทางตรงจากการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น เช่น ปุ๋ยเคมี วัตถุดิบอาหารสัตว์ น้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัจจัยการผลิตหลักในการผลิตสินค้าเกษตร ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยไปยังรัสเซียและยูเครนในปี 2565 มีแนวโน้มลดลงจากปี 2564 ประมาณร้อยละ 70-90 เนื่องจากปัญหาในด้านการขนส่งและการกระจายสินค้า ประกอบกับกำลังซื้อที่ลดลงมาก รวมถึงการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินของธนาคารและสถาบันการเงินหลายแห่งในรัสเซีย ส่วนผลกระทบทางอ้อม คือ ตลาดการเงินโลกที่มีความผันผวนจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย อาจทำให้ค่าเงินบาทมีความผันผวนเช่นกัน และหากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยืดเยื้อออกไป จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้การส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ของไทยชะลอตัวตามไปด้วย ดังนั้น ประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ความขัดแย้งในครั้งนี้จะบานปลายเพียงใด นานาประเทศจะประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซียอีกหรือไม่ โดยเฉพาะการโดดเดี่ยวรัสเซียจากระบบการเงินโลก ซึ่งจะต้องจับตามองร่วมกันต่อไป” เลขาธิการ สศก. กล่าวทิ้งท้าย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภูมิธรรม' ยันยังไม่เลิก 'ไร่ละพัน' แจง 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' หวังช่วยชาวนาอีกทาง

'ภูมิธรรม' แจงไม่ได้ยกเลิกไร่ละพัน พร้อมดึงกลับมาใช้ถ้าราคาข้าวตก ย้ำคนละส่วนกับปุ๋ยคนละครึ่ง ชี้ สส. รุมค้าน เหตุไม่เข้าใจถ่องแท้ไปฟังเกษตรกรมา

'ธรรมนัส' เผยวันนี้รู้ข้อสรุปโครงการ 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' ยุติหรือเดินหน้าต่อ

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบในโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 โดยรัฐบาลและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รวมจ่ายเงินค่าสินไหม และเบี้ยประกันภัย ให้กับเกษตรกรชาวนาในปีการผลิต 2567 - 2568

นายกฯ หารือ 'ธรรมนัส' แก้ราคาหมูตกต่ำ แม้ปราบหมูเถื่อนแล้ว แต่ยังไม่ขยับขึ้น

หลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กับสื่อมวลชน ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เสร็จสิ้น นายกฯได้กลับขึ้นไปบนห้องรับรอง ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 เพื่อทักทายคณะรัฐมนตรี (ครม.)

จับตา...ราคายางครึ่งปีหลังสดใส ประเทศไทยประกาศพร้อมรับมือกฎเหล็ก EUDR

ภายหลังจากรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเข้ามาบริหารประเทศ โดยมีร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

“ธรรมนัส"ฟันธงราคายางครึ่งปีหลังสดใส กยท.เดินหน้ากำหนดราคาอ้างอิงของไทย

“ธรรมนัส" ฟันธงราคายางในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 พุ่ง พร้อมเผย นโยบายด้านยางของรัฐบาลเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม ผนวกความต้องการใช้ยางเพิ่มขึ้น และกฎเหล็ก EUDR

กษ.ลุยเตรียมความพร้อมโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ฯ

'เกณิกา' เผย ก.เกษตรฯ เดินหน้าเตรียมความพร้อม 'โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ฯ' เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ