ใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า ต้องเริ่มต้นที่ 'ตัวเรา'

เมื่อพูดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและพลังงาน แม้มันจะดูกว้างขวางกว่ามหาสมุทรทั้งหมดรวมกัน และการแก้ปัญหาดูจะซับซ้อนและยากจนใครหลายๆ คนมักผลักภาระให้พ้นตัวด้วยการ “โยน” ว่าเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ทุกคนกลับลืมไปว่า ฟันเฟืองเล็กๆ อย่าง ‘ตัวเรา’ กลับกลายเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนลดปัญหาด้านพลังงานที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัทด้านพลังงานชั้นนำของประเทศไทย สานต่อภารกิจเพื่อความยั่งยืนของประเทศใน 3 มิติ ทั้งมิติเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ชวนทุกท่านปลุกสำนึกเพื่อเป็นหนึ่งพลังในการรักษาสมดุลของพลังงานโลกตามแนวคิดพลเมืองโลก (Global Citizen) ด้วยสิ่งที่ทำยากที่สุด นั่นก็คือเริ่มต้นจาก “ตัวเรา”

ทำไมการเปลี่ยน “ตัวเรา” จึงเป็นงานที่ท้าทายที่สุด ?

คำตอบภายใต้คำถามที่แสนง่ายนี้ สุดแสนจะยาก เพราะมนุษย์มักเริ่มต้นจากความ “คุ้นเคยและเคยชิน” เช่น ถ้าบ้านไม่สว่างในทุกๆ จุด เราจะรู้สึกหดหู่ แต่จริงๆ แล้ว หากเรานั่งชมโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่น หรือนั่งทำงานเฉพาะจุดเป็นประจำ พื้นที่อื่นๆ ในบ้านก็ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟให้สว่างจ้าก็ได้ นี่ยังไม่รวมพฤติกรรมอื่นๆ อย่าง บ้านต้องเย็นเฉียบไปเสียทุกตารางเมตร ต้องซักผ้าทุกๆ วันผ่านเครื่องซักผ้า แทนที่จะซักอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นการใช้น้ำและไฟอย่างคุ้มค่ามากกว่า

แล้วจะเริ่มต้นอย่างไรดี อันดับแรก การลดการใช้พลังงานในบ้านและเพิ่มการประหยัดพลังงานนั้น คุณไม่จำเป็นต้องออกไปซื้อผลิตภัณฑ์ประหยัดพลังงานใหม่หมด เพราะถ้าคุณได้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟ แต่คุณต้องเสียเงินก้อนใหญ่ นั่นไม่ใช่วิธีการที่ฉลาดเลย สิ่งแรกที่ต้องทำเพียงแค่หากระดาษที่ใช้แล้วและยังไม่ได้ทิ้ง กลับหน้าที่ว่างอีกด้าน เพื่อนั่งลิสต์ “รายการใช้พลังงานของคุณ” เช่น ที่บ้าน/คอนโด มีไฟกี่ดวง มีแอร์กี่เครื่อง เครื่องซักผ้าที่มีใช้งานบ่อยแค่ไหน การเริ่มต้นจากการลิสต์รายการเหล่านี้ จะนำไปสู่การทบทวนตัวเองในหลายๆ เรื่อง เช่น ปกติเราอยู่บ้านวันละกี่ชั่วโมง เรานั่งทำงานตรงไหนมากที่สุด วันละกี่ชั่วโมง สิ่งละอันพันละน้อยเหล่านี้จะทำให้คุณรู้ว่า ส่วนอื่นๆ ของบ้าน/คอนโด มีอยู่จำนวนไม่น้อยที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ดังนั้น ปิดไฟ และเปิดแอร์เฉพาะพื้นที่ๆ ใช้งานก็พอแล้ว

สเต็ปต่อมา รายการที่ถูกแจกแจงออกมานั้น จะนำไปสู่การสำรวจเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องมือต่างๆ ที่มีอยู่ อันไหนเก่า อันไหนใหม่ ชิ้นไหนกินไฟมาก ชิ้นไหนสมควรแก่เวลาที่จะหาใหม่ ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่าจะประหยัดพลังงานได้อย่างไรบ้าง รวมทั้งใช้เงินซื้ออุปกรณ์ใหม่เท่าที่จำเป็น (แทนที่จะต้องตะบี้ตะบันซื้อใหม่หมดให้สิ้นเปลืองเงินทอง) เช่น

ถ้าที่บ้าน/คอนโดยังมีหลอดไฟแบบดั้งเดิมที่ใช้ไฟฟ้าในปริมาณที่มากเกินไป ควรเปลี่ยนไปสู่หลอดประหยัดพลังงานรุ่นใหม่ๆ เช่น หลอดไดโอดเปล่งแสง (หรือหลอดไฟ LED ที่เราเรียกติดปาก) หลอดไฟประเภทนี้ ใช้ไฟฟ้าน้อยลง 25 – 80%และใช้งานได้ยาวนานกว่าหลอดไฟทั่วไป 3 ถึง 25 เท่า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลย เพราะหลอดไฟที่ประหยัดพลังงานจะมีราคาแพงกว่าหลอดไส้แบบดั้งเดิม แต่เมื่อคำนวนการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นนั่นหมายความว่าคุณมีต้นทุนที่ต่ำลงในระยะยาว ในด้านความคุ้มค่า ถือว่ามีมากกว่าเช่นกัน

สิ่งที่เรามักละเลยหรือเพิกเฉย หรืออาจจะไม่รู้จริงๆ ก็คือ “Phantom Loads” หรือไฟฟ้าที่ใช้โดยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ปิดเครื่องหรืออยู่ในโหมดสแตนด์บาย เหล่านี้เป็นแหล่งพลังงานหลักที่สูญเสียไปโดยไม่จำเป็น ลองคิดดูว่า คุณไม่ได้ใช้อุปกรณ์เหล่านี้ แต่เสียบปลั๊กคาไว้ตลอดเดือน ต้องไม่ลืมว่า มันมีไฟฟ้าหล่อเลียงอุปกรณ์นั้นอยู่ ในทางปฏิบัติมีการคำนวณว่า 75% ของพลังงานที่ใช้ในการจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในครัวเรือนนั้นถูกใช้ไปเมื่อปิดเครื่อง ซึ่งอาจทำให้คุณเสียค่าใช้จ่ายสูงราวๆ 10,000 บาทต่อปี ไปกับอุปกรณ์เหล่านี้โดยไม่จำเป็น

นอกจากงานบ้านอื่นๆ แล้ว การอุ่นอาหารเป็นกระบวนการที่จำเป็นและต้องเสียพลังงานมาก ในความคิดใครหลายๆ คน เตาไฟฟ้าอาจรักษารสชาติของอาหารได้ดีกว่า แต่ข้อเท็จจริงมันเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าคุณไม่ได้ยึดติดว่า ต้องปรุงหรืออุ่นอาหารที่เตาไฟฟ้า เราอยากแนะนำว่า มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าการใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหารนั้นประหยัดพลังงานมากกว่า เพราะลักษณะของเตาไฟฟ้าถูกออกแบบมาทำให้สูญเสียพลังงานได้ง่าย ส่วนไมโครเวฟใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมากก็จริง แต่เป็นการใช้พลังงานที่ค่อนข้างสั้นหรือในช่วงเวลาเพียงเล็กน้อยก็สามารถปรุงอาหารให้สุกได้เท่ากัน นั่นเท่ากับประหยัดพลังงานไปได้มากทีเดียว

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเหล่านี้ เริ่มต้นได้ที่ตัวเราและทำได้ทันทีตั้งแต่วันนี้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปตท. ขอเชิญร่วมงาน “ลำนำนที วารีสมโภช” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

จัดเต็มกิจกรรมสุด Exclusive ณ สวนสันติชัยปราการ (ป้อมพระสุเมรุ) ถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 26 – 28 กรกฎาคม 2567

ขอเชิญชวนเยาวชนและบุคคลทั่วไปร่วมส่งผลงานประเภทประติมากรรมสื่อผสมจากวัสดุเหลือใช้ ในหัวข้อ ‘ชลวิถี นทีพัฒน์’

ขอเชิญชวนเยาวชนและบุคคลทั่วไป อายุ 18 ปีขึ้นไป ร่วมส่งผลงานประเภทประติมากรรมสื่อผสมจากวัสดุเหลือใช้ เข้าประกวดในหัวข้อ ‘ชลวิถี นทีพัฒน์’

ปตท. คว้าอันดับ 1 บริษัทชั้นนำในไทยและอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากนิตยสารฟอร์จูน สะท้อนผลการดำเนินงานและความสำเร็จที่เป็นเลิศในระดับสากล

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า ปตท. ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทชั้นนำอันดับหนึ่งของประเทศไทย และเป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

OR หนุน3สมาคมกีฬาฯ 4ปีรวม60ล้านบาท มุ่งพัฒนานักกีฬาไทยสู่สากล

ผศ. พิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และประธานอนุกรรมการพิจารณาจัดการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน รับมอบเงินจำนวน 60 ล้านบาท สนับสนุน 4 ปีต่อเนื่อง (ปี 2567 - 2570) จาก นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) เพื่อสนับสนุนงบประมาณให้แก่สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมกีฬาสควอชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมกีฬาคนพิการทางสมองแห่งประเทศไทย

ปตท. คว้า 7 รางวัลยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย สูงสุดในไทย สะท้อนความเป็นเลิศในระดับสากล

เมื่อเร็ว ๆ นี้ - นางสาวพรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน พร้อมด้วย นางกนกพร รอดรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม

EVme เปิดตัว EVme Mobility Studio แห่งแรก รองรับฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น เดินหน้ายกระดับประสบการณ์การใช้งานรถ EV อย่างครบวงจร

บริษัท อีวี มี พลัส จำกัด (EVme) ผู้ให้บริการยานยนต์ไฟฟ้า (EV) บนแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดตัว EVme Mobility Studio