แฟ้มภาพ นายนคร มาฉิม เดินทางไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ดูไบ หลังลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
อดีต ส.ส. นคร มาฉิม เพ้อไม่หยุด เสนอแนวรบในสภา 'เพื่อไทย-ก้าวไกล' และมวลชนปฏิวัตินอกสภาฯ ทำศึกคู่ขนาน อย่างมีเอกภาพมียุทธศาตร์ มีโอกาสโค่นเผด็จการ คสช.
23 ต.ค.2564 - นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.จังหวัดพิษณุโลก นักการเมืองที่อ้างตัวเองอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่าพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล หากจะจัดตั้งรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้าพวกท่านจะต้องสามัคคี มีเอกภาพ และวางยุทธศาสตร์ร่วมกับมวลชน แนวรบนอกสภามิฉะนั้น ท่านเพียงชนะศึก แต่ แพ้สงคราม
รัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการทรราช ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจให้ระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ดำรงอยู่ อย่างมั่นคงตลอดไป โดย
1.ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ที่มีอำนาจมากที่สุดได้รับการแต่งตั้งจากคณะโจรกบฏคสช. พวกเขาจึงรับใช้ ทรราช คสช.
ศาลและองค์กรอิสระจึงเป็นเครื่องจักรสังหารให้ โจรกบฏคสช.ใช้เป็นเครื่องมือประหัตประหารนักการเมืองและพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย
การยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักษาชาติ พรรคอนาคตใหม่คือตัวอย่างที่เผด็จการใช้องค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรมประหัตประหาร ในนามของกฎหมาย หรือกระบวนการยุติธรรม
การที่ฝ่ายเผด็จการ โดยเฉพาะ ประยุทธ์ ประวิตร และลิ่วล้อบริวารของเผด็จการ รอดพ้นจากทุกข้อกล่าวหา และทุกความผิด แม้จะมีหลักฐานการทระทำความผิดชัดเจนเพียงใด ก็ไม่ระคายผิวของเหล่าทรราชได้ จึงบ่งชัดว่าพวกเขาคือพวกเดียวกัน องค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรมคือสมุนลิ่วล้อบริวารของเผด็จการอย่างปราศจากข้อสงสัย
2.เผด็จการคสช. แต่งตั้ง ส.ว. 250 คนและให้มีอำนาจเลือก นายกรัฐมนตรีได้ มีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี เลือกนายกฯได้ถึง 2 ครั้ง
จึงเป็นกฎกติกา ที่โกงที่สุด เอาเปรียบที่สุดไม่มีที่ไหนในโลกประชาธิปไตยเขาทำกัน เพราะถ้าใช้กฎ กติกาปกติเป็นธรรม พวกเขาจะไม่มีทางชนะจึงสร้างกฎกติกา ที่คดโกง เอาเปรียบอย่างวิปริตเพื่อให้เลือกทรราช คสช. ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่สนใจเสียงของประชาชน
ส.ว. เหล่านี้ จึงเป็นเสาค้ำยันให้ระบอบเผด็จการสืบทอดอำนาจ อย่างมั่นคงจนถึงวันนี้ แม้ประชาชนและพรรคการเมืองฝ่ายค้านจะพยายามแก้ไขตัดอำนาจของ ส.ว.ออกไป ก็มิอาจทำได้ สุดท้ายทำได้แค่แก้ไขจากบัตรใบเดียวเป็นบัตร 2 ใบ เท่านั้น โดยไม่มีการแก้ไขเชิงระบบที่เป็นธรรมเชิงโครงสร้างที่เป็นประชาธิปไตยแม้แต่น้อย
รัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ คสช. ปี 60 จึงยังเป็นกฎของโจรกบฏ โดยโจรกบฏ และเพื่อ โจรกบฏ ที่เหล่าทรราชและตระกูลปรสิตได้ประโยชน์สูงสุด
แนวรบในรัฐสภา ภายใต้กฎโจรกบฏ พรรคเพื่อไทยในฐานะทัพใหญ่และก้าวไกลทัพหน้า ต่อให้ได้รับความนิยม จากคนที่ฉลาดตื่นรู้มากเพียงใดก็มิอาจชนะสงครามระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการได้
อย่าลืมว่า ศาล องค์กรอิสระ เครือข่ายราชการ เครือข่ายความมั่นคงด้านทหาร เครือข่ายมหาดไทย รวมถึงกลโกงและการล่อหลอกด้วยการกู้เงินมาแจกอย่างบ้าคลั่งของรัฐบาลเผด็จการนี้ ที่ไม่เคยสนใจว่าประเทศไทย คนไทยจะหายนะในอนาคต คนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ก็ยังคงสนับสนุนเผด็จการทรราชนี้ มีอยู่ไม่น้อย
การเอาชนะระบอบเผด็จการและพรรคการเมืองฝ่ายเผด็จการ ภายใต้กฎของโจรกบฏ จึงเป็นไปได้ยากยิ่ง ที่สำคัญตระกูลปรสิตได้ประโยชน์สูงสุดดังใจปรารถนาทุกอย่าง จึงยังคงใช้เผด็จการคสช. เป็นเครื่องมือสนองความต้องการ และสนับสนุนให้อยู่ต่อ ศึกนี้จึงยิ่งหนักขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
แล้วจะมีแนวทางใดที่จะชนะและสามารถจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนได้ ผู้เขียนจึงขอเสนอ
1. แนวรบในสภา
พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคร่วมฝ่ายค้านฝ่ายประชาธิปไตย จะต้อง ร่วมลงสัตยาบัน สามัคคีกัน มียุทธ์ศาสตร์ร่วมกันหลีกทางให้กันบางเขต ไม่ชิงดีชิงเด่นกัน ไม่โจมตีใส่ร้ายกัน และไม่ให้มวลชนฝ่ายประชาธิปไตย ทำลายกันเองเพื่อให้ได้ ส. ส.ฝ่ายประชาธิปไตยให้มากที่สุด แบบแลนด์สไลด์
2. แนวรบนอกสภา
มวลชนฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องไม่ถืออารมณ์ ความรัก ความชอบ ในพรรค หรือ หัวหน้าพรรค ส่วนตนเป็นใหญ่ แต่จะต้องดำเนินการตามแผนตามยุทธศาสตร์ และยุทธวิธี ขับเคลื่อนตามภารกิจ และหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างสอดประสาน เป็นขบวนการ มีเอกภาพและเข้มข้น จริงจังถือเป็นภารกิจสำคัญ ยิ่งใหญ่ ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ทั้งปริมาณและคุณภาพ เป็นแนวรบนอกสภาที่มีพลังซึ่งในทางทฤษฎีอาจเรียกได้ว่าเป็น มวลชนปฏิวัติ
3. ข้าราชการ ทหาร ตำรวจและพลเรือน รวมถึงรัฐวิสาหกิจ ที่รักประชาชน รักประชาธิปไตย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. อบต. ทั้งท้องที่ และท้องถิ่น หากท่านต้องการให้ บ้านเมืองของเร ข้ามพ้นจากยุคมืด ยุคทรราชครองเมือง ก็ขอให้ท่านได้หันกลับมารับใช้ประชาชนอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยอย่าเป็นเครื่องมือให้ระบอบปรสิต ระบอบเผด็จการทรราชอีกต่อไป
โดยเฉพาะทหารซึ่งมีปืนจะเป็นผู้ปิดฉากระบอบปรสิต ระบอบเผด็จการฟาสซิสต์นี้ได้ เพราะหากกระบวนทัพฝ่ายประชาธิปไตย ยังสู้แบบสะเปะสะปะ ขาดเอกภาพ เอาแต่ชิงดีชิงเด่น ถือประโยชน์เฉพาะหน้า ไม่มีแผนการ ไม่มียุทธวิธี และไม่มียุทธศาตร์ ร่วม ก็ยากที่จะชนะระบอบเผด็จการที่เข้มแข็งนี้ได้
แนวรบในสภาและแนวรบนอกสภา จึงจำเป็นต้อง ทำศึกคู่ขนาน สอดประสาน เป็นขบวนการ เป็นเครือข่าย อย่างมีเอกภาพ มียุทธศาตร์ เท่านั้นโอกาสชนะจึงพอมี
ปัญหาคือ
แล้วใครจะเป็นผู้มากประสบการณ์ มากบารมี เป็นที่ยอมรับและสามารถนำทัพฝ่ายประชาธิปไตยในยุคสมัยนี้ได้ ที่มีทั้งศาสตร์ และศิลป์ จึงอยากเสนอให้มวลชนฝ่ายประชาธิปไตยเสนอบุคคลที่มีคุณสมบัติ มีความพร้อม มีอุดมการณ์ เด็ดเดี่ยว มั่นคงมาเป็นแม่ทัพฝ่ายประชาธิปไตยเพื่อทำศึกชิงเมืองชิงอำนาจรัฐและนำการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้เป็นประชาธิปไตย
อย่าปล่อยให้ประเทศของเราลูกหลานของเรา จมอยู่กับระบอบการปกครองของตระกูลปรสิตและเผด็จการฟาสซิสต์ ที่ไร้อนาคต ไร้ความหวัง และถูกไล่ล่าจนสูญสิ้นชีวิตและอิสรภาพ เช่นนี้อีกเลย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สส.เพื่อไทย ดี๊ด๊า ประเทศไทยมีระบบที่เป็นมาตรฐาน!
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าประชาชนที่ติดตามเรื่องนี้คงสบายใจขึ้นที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับ
สาวกเพื่อไทย ยื่นศาลรธน.สอบ 'ธนพร' ละเมิดอำนาจศาล
ที่บริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญ นายนิยม นพรัตน์ หรือเค สามถุยส์ และนายทันกวินท์ รัฐวัฒก์อังกูร เดินทางมายังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยื่นหนังสือร้อง นายธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์
'ชูศักดิ์' เผย 'เพื่อไทย' ได้รับความเป็นธรรม ศาลรธน. ไม่รับคำร้องปมล้มล้างการปกครอง
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายอิสระ ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย(พท.) ยุติการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองจะผูกพันไปยังกรณีที่มีการยื่นคำร้องเดียว
'อิ๊งค์' ยิ้มรับ 'พ่อ-เพื่อไทย' รอดล้มล้างปกครอง ชาวเน็ตชี้จากนี้ไป 'ทักษิณ' ใส่เกียร์เหลิง
จากกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย คำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ
2 ตุลาการศาลรธน.เสียงข้างน้อย รับคำร้อง 'ทักษิณ' สั่งรัฐบาลเอื้อประโยชน์ฮุนเซน น่าจะเกิดผลใช้สิทธิล้มล้างปกครองฯ
จากกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2567 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูก
'แก้วสรร' แนะ 'ธีรยุทธ' ปรับยุทธวิธี เสริมความแกร่งของสำนวนมุ่งไปที่ กกต.-ปปช.
หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ