28 ก.พ.2565 - น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยน่าเป็นห่วงมาก ทั้งจากการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี การบริหารจัดการการระบาดของโควิด-19 ทั่วประเทศ และสถานการณ์ความขัดแย้งในรัสเซียกับยูเครน ที่ไทยอาจได้รับผลกระทบ ใน 2 ด้าน ได้แก่
1.สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อาจจะพุ่งเกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และจะเพิ่มสูงขึ้นทุบสถิติในรอบ 10 ปี ส่งผลกระทบให้ราคาน้ำมันในประเทศพุ่งขึ้นอีก 2.ธัญพืช ข้าวสาลี อาหารสัตว์ ในอุตสาหกรรมปศุสัตว์ที่ไทยนำเข้าจากยูเครน ราคาได้ปรับขึ้นแล้วเฉลี่ย 50% ซึ่งจะทำให้ราคาอาหารสัตว์ และราคาปุ๋ยที่ปัจจุบันราคาสูงอยู่แล้ว จะเพิ่มสูงขึ้นอีก เกษตรกรนาไร่ และเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์จะได้รับผลกระทบหนัก
น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะทำให้คนไทยทุกภาคส่วน ทั้งประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ประสบวิบากกรรมซ้ำเติม ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อการนำเข้าและส่งออกของไทย หากรัฐบาลไม่เตรียมพร้อมในการรับมือได้ทันท่วงที ผู้ประกอบการด้านขนส่งคมนาคม และผู้ใช้รถเดือดร้อนหนัก พลเอกประยุทธ์คงไม่สามารถเอารถทหารมาขนส่งสินค้าแทนไม่ไหวแน่ เพราะทุก 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จะทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร และกรณีเลวร้าย หากเกิดสงคราม คาดว่าราคาน้ำมันจะปรับขึ้นถึง 120 ดอลลาร์ต่อบาเรล และจะกระทบต่อราคาน้ำมันถึง 6 บาทต่อลิตร รัฐบาลได้เตรียมมาตรการในการแก้ไขปัญหาตรงนี้อย่างไรบ้าง
สำหรับรัสเซียและยูเครนเป็นประเทศผู้ส่งออกพืชวัตถุดิบอาหารสัตว์รายใหญ่ของโลก โดยมีปริมาณการส่งออกข้าวสาลีรวมกันราว 29% ของปริมาณการส่งออกทั่วโลก และมีสัดส่วนการส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงถึง 19% ของตลาดโลก เมื่อเกิดสงครามทำให้ระดับราคาข้าวสาลีพุ่งสูงขึ้นทันที เป็น 12.75 บาท/กก. จากราคา 8.91 บาท/กก.ในปี 2564 ขณะที่ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย พุ่งสูงกว่าตลาดโลกไปอยู่ที่ 12 บาท/กก. และมีแนวโน้มขยับต่อเนื่องไปถึง 15 บาท/กก.
ขณะนี้ไม่มีข้าวโพดในประเทศเหลือให้ซื้อ เกิดปัญหาไม่มีวัตถุดิบป้อนโรงงาน ล่าสุด โรงงานสกัดน้ำมันถั่วเหลืองอ้างผลกระทบจากสงครามยูเครน ประกาศราคาขายกากถั่วเหลืองที่ 22.50 บาท/กก. จากราคา 18.91 บาท/กก.ในปี 2564 กระทบต่อผู้ผลิตและผู้บริโภคหนัก ราคาน้ำมันพืชขยับตัวสูงมาก ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ไม่มีอาหารเลี้ยงสัตว์ เกษตรกรต้องพักเล้างดการเลี้ยง จะส่งผลถึงความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจของประเทศหากวางแผนรับมือไม่ทัน รัฐบาลยุคนี้อาจจะเป็นยุคที่เกษตรกรเลิกเป็นเกษตรกรทั้งประเทศเพราะไม่สามารถทานทนต่อต้นทุนการผลิตไม่ไหว
“พล.อ.ประยุทธ์ เป็นทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กุมบังเหียนคุมเศรษฐกิจ ท่านต้องสั่งการให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชยย์ออกมาตรการล่วงหน้าเพื่อแก้ปัญหาช่วยพี่น้องเกษตรและผู้ประกอบการขนส่งและประชาชนทันที อย่าปล่อยให้ปัญหาเกิดแล้วมาวิ่งตามเหมือนปัญหาราคาหมู ท่านต้องแก้ปัญหาต้นทาง ไม่ใช่แก้ปลายทาง หากแก้ปลายทางท่านก็เหมาะกับการเป็นผู้ตาม ลาออกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแลัวให้คนมีความสามารถมาแก้ปัญหา ก่อนจะพังกันหมด” น.ส.ตรีชฎา กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สส.เพื่อไทย ดักคอ 'ก้าวไกล' เสนอเพิ่มวันประชุมสภาฯ อย่าหวังเอาคะแนนลอยๆ
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวกรณีที่ฝ่ายค้านเสนอให้เพิ่มวันประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาพิจารณากฎหมายสำคัญให้มากขึ้นว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือกัน แต่หากย้อนไปดูในอดีต เราจะมีการประชุมสภาฯ
'เอี่ยม' ตะเพิด 250 สว.ชุดเก่า 'ลาโรง' ได้แล้ว
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี มีการหารือถึงการนัดประชุมวุฒิสภา
'สมชัย' เย้ยพรรคเพื่อไทย ขาดทุนเลือกนายกอบจ.ปทุมธานี
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ที่ผ่านมา
'ธนกร' ยัน 36 สส.รทสช. พร้อมลุยงานสภาฯเต็มสูบ
นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) กล่าวว่า ทันทีที่เปิดประชุมสภาสมัยสามัญ ประจำปี