ใจถึงพึ่งได้ การเมืองสไตล์ 'นายกชาย-เดชอิศม์' ขุนพลปชป. กับภารกิจทวงคืนส.ส.ภาคใต้และสายสัมพันธ์ลึก 'ธรรมนัส'

27 ก.พ. 2565 – บทบาททางการเมืองของ “เดชอิศม์  ขาวทอง-ส.ส.สงขลา และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์“ที่รู้จักกันในนาม”นายกชาย”เพราะเป็นอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลามาก่อนหน้านี้ ถูกจับตามองอย่างมากทางการเมือง  หลังได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่สามัญพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)เมื่อ18 ธ.ค. 2564 ให้เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ทั้งที่เป็นส.ส.สมัยแรก โดยพบว่าตั้งแต่มีการก่อตั้งพรรคปชป.มาหลายสิบปี ไม่เคยมีที่ส.ส.สมัยแรกจะขึ้นมาเป็นรองหัวหน้าพรรคประจำภาคที่มาจากการเลือกตั้งใหญ่ของพรรค จึงทำให้ แวดวงการเมืองให้ความสนใจกันมากว่า “นายกชาย-เดชอิศม์” ในฐานะขุนพลภาคใต้ของพรรคปชป.จะทำให้พรรคกลับมาผงาดในภาคใต้ได้อีกครั้งหรือไม่ หลังเลือกตั้งปี 2562 พรรคปชป. แพ้หลายจังหวัด ซึ่งผลงานแรกของเดชอิศม์ ก็คือ การที่พรรคปชป.ชนะเลือกตั้งซ่อมที่สงขลา-ชุมพร มาแล้วเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา

ส่วนภารกิจการทวงคืนเก้าอี้ส.ส.เขตภาคใต้ของพรรคปชป. หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป “เดชอิศม์-รองหัวหน้าพรรคปชป.”บอกไว้ว่า หลังจบจากศึกเลือกตั้งซ่อมได้นัดประชุมหารือกับส.ส.ภาคใต้ของปชป.ทั้ง 22 คน โดยมีการประชุมกันไปสองครั้งแล้ว เนื้อหาที่คุยกันก็เช่นให้ส.ส.เขตภาคใต้แต่ละคนสรุปปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ให้ฟัง รวมถึงได้หารือกันเรื่องการกำหนดวิธีการและรูปแบบในการหาเสียงรอบหน้าที่จะมีขึ้น

            ..เลือกตั้งรอบหน้า จากเดิมที่เลือกตั้งเมื่อปี 2562 ในพื้นที่ภาคใต้ รอบที่แล้วพรรคได้ส.ส.เขตภาคใต้  22 คน แต่รอบหน้าผมตั้งเป้าไว้ว่า พรรคต้องได้ส.ส.เขต ไม่ต่ำกว่า 35 คน เชื่อมั่นว่าไม่ต่ำกว่านี้แน่นอน แต่ถ้าได้มากกว่านี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี

อย่างจังหวัดสงขลา พื้นที่เลือกตั้งของผม ที่มีส.ส. 8 เขต เลือกตั้งรอบที่แล้ว ประชาธิปัตย์ได้ส.ส. 3 ที่นั่ง ส่วนพลังประชารัฐได้ 4 เก้าอี้ ภูมิใจไทยได้ไป 1 เขต แต่มาวันนี้ผมมั่นใจว่าที่สงขลา ประชาธิปัตย์ 8 ที่นั่งต้องได้ ก็เท่ากับได้เพิ่มมา 5 คน คิดว่าทำได้แน่ เพราะผมไปลงพื้นที่ไปมาทุกอำเภอแล้ว และวันนี้ที่ผมขึ้นมาเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ความมั่นใจของประชาชนในพื้นที่ก็มีมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ขณะเดียวกัน ตัวผู้สมัครส.ส.เขตเองเขาก็ต้องปรับเปลี่ยนบุคลิกด้วย ต้องติดดิน ใจถึงพึ่งได้ ใกล้ชิดประชาชนจริงๆ  เพราะความเป็นประชาธิปัตย์อยู่ในใจเกือบทุกคน แต่ถ้าเรารู้จักต่อยอดก็คือ ต้องทำให้คนเข้าถึงและสัมผัสได้ คือ “ต้องเปลี่ยนบุคลิก” อาจจะเปลี่ยน 20-30 เปอร์เซนต์ ถ้าทำแบบนี้ได้ ผมว่ากลับมาเกือบหมด

            …ตอนนี้ผมมีการวางแผนเรื่องการออกนโยบายเกี่ยวกับภาคใต้ใหม่ไว้แล้ว โดยมีการระดมคนที่มีความรู้ความสามารถใน14 จังหวัดภาคใต้ ที่ประกอบบุคคลจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ในภาคใต้ ผมก็ไปติดต่อเกือบทุกมหาวิทยาลัย เขายินดีที่จะมาช่วยทำนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นนโยบายภาพรวมของประเทศ และนโยบายในส่วนของ 14 จังหวัดภาคใต้ คิดว่าจะได้แนวทางออกมาช่วงเดือนเมษายน โดยจะมีการกลั่นความคิดออกมาจากความต้องการของประชาชน ความเดือดร้อนของประชาชน และทิศทางการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้เพื่อทำออกมาเป็นนโยบายที่โดดเด่นเช่นอาจจะมีสัก 5-6 ด้าน แต่ตอนนี้ยังเป็นความลับอยู่

            “เดชอิศม์-รองหัวหน้าพรรคปชป.”กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดวางตัวผู้สมัครส.ส.ระบบเขตในภาคใต้ว่า ภาพรวมส่วนใหญ่นิ่งเกือบหมดแล้วอย่าง สงขลาขณะนี้นิ่งครบหมดแล้วทั้งเก้าเขต อีกไม่นาน จะมีการขึ้นป้าย เช่นเดียวกับอีกหลายจังหวัดก็นิ่งหมดแล้ว ดูแล้วคงเหลืออีกประมาณ 2-3 เขต ที่ต้องรอเคาะอีกที เพราะมีคนแสดงความจำนงจะขอลงสมัครในนามพรรคปชป.เกินอยู่ โดยส่วนใหญ่ก็คือเขตเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้นมาใหม่จากตอนเลือกตั้งปี 2562 ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละจังหวัด 

            เมื่อเราไล่เรียงถามการวางตัวผู้สมัครส.ส.ของพรรคปชป.ไปทีละจังหวัดในภาคใต้ เช่นที่”ชุมพร”เราถามว่า ในส่วนของ”กลุ่มตระกูลจุลใส”ที่มีแกนนำคือ ลูกหมี -ชุมพล จุลใส และลูกช้าง สุพล จุลใส ที่เป็นส.ส.ชุมพร พรรครวมพลังประชาชาติไทย จนถึงขณะนี้เป็นอย่างไร”เดชอิศม์”บอกว่า สำหรับลูกช้าง สุพล จุลใส ผมคงไม่สามารถพูดถึงได้เพราะสภาฯ ยังเหลือวาระอีกปีกว่า ก็เกรงใจลุงกำนัน คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่าไปชวนลูกพรรคเขามา แต่ผมก็เคยชวนแล้วด้วย แต่ลูกช้างบอกว่าขอให้รอ ให้ได้จังหวะเวลาที่เหมาะสม ส่วนทางฝ่ายลูกหมี ชุมพล จุลใส เขารับปากร้อยเปอร์เซนต์ว่าอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะลูกหมี เขาเป็นคนคำไหนคำนั้น เขาพูดกับผมโดยตรงเองเลยหลายรอบแล้ว เขาบอกว่าหากผมเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ เขาอยู่กับพรรคต่อไปแน่ๆ แต่ถ้าไม่ใช่ผม เขาไม่แน่ใจ

            -ที่สุราษฎร์ธานี ที่ปชป.เคยชนะยกจังหวัดตอนเลือกตั้งรอบที่แล้ว แบบหลายคนคาดไม่ถึง รอบหน้าเป็นยังไง เพราะทางพรรครวมพลังประชาชาติไทยของสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็คงจะกลับมาสู้เต็มที่แล้วพรรคปชป.จะสู้ได้หรือไม่?

คือจริงๆ คุณธานี เทือกสุบรรณ หรือกำนันเล็ก อดีตส.ส.สุราษฎร์ธานี (รอบที่แล้วย้ายไปลงพรรครปช.แต่แพ้เลือกตั้ง) เขาก็เคยโทรศัพท์หาผม ตอนแรกเขาก็คิดว่าจะกลับประชาธิปัตย์ เขาก็บอกว่าเลือกตั้งรอบหน้า สุราษฎร์ธานีเพิ่มส.ส.ขึ้นมาอีกหนึ่งเขต จะเป็นไปได้ไหมหากให้เขามาลง ผมก็บอกเขาไปว่า ยังไง ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการของทางพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ยินดี แต่หลังจากนั้น ก็ไม่ได้คุยกัน ส่วนน้องชาย คุณสุเทพ อีกคนคืออดีตส.ส.เชน เทือกสุบรรณ กับผมก็ไม่ค่อยสนิทกัน เลยไม่ได้คุยกัน ก็มีแต่กำนันเล็กคนเดียว ก็ไม่รู้ว่าคุยเล่นหรือคุยจริง แต่ว่าในส่วนของสุราษฎร์ธานีท่านบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคคงจัดคนเอง ผมจะไปข้ามท่านไม่ได้ ก็ต้องหารือกับท่านบัญญัติ

            …..ส่วนที่ “พัทลุง”ผมคาดหวังว่าพรรคปชป.จะกลับมาได้ส.ส.เขตครบทั้งสามเขตในการเลือกตั้งรอบหน้า เพราะอย่างส.ส.พัทลุง(พรรคภูมิใจไทย) เขาก็มีปัญหาเรื่องคดีอยู่ เรื่องเสียบบัตรแทนกัน ตอนนี้ประชาธิปัตย์กระแสก็ดีขึ้น เนื่องจากคนก็มองว่าไม่รับผิดชอบ เพราะคนพัทลุงเขาเซ็นซิทีฟมากเรื่องการเมือง ผมเลยมั่นใจ              

-ที่ผ่านมาการคัดเลือกคนลงส.ส.เขตภาคใต้ มีคนอยากลงสมัครกันหลายคนในหลายพื้นที่ จนเกิดปัญหาพื้นที่ทับซ้อน แล้วก็เกิดปัญหากันขึ้นเช่น เขตเลือกตั้งที่นครศรีธรรมราช ที่ทำให้ สุรเชษฐ์ มาศดิตถ์ อดีตส.ส.หลายสมัย ไม่พอใจ จนลาออกไป ที่ภาคใต้มีปัญหาพื้นที่ทับซ้อนมากแค่ไหน?

            ก็มีเยอะเหมือนกัน แต่เคสของสุรเชษฐ์ ตอนแรก เขาบอกว่าเลือกตั้งรอบหน้าจะไม่ลงสมัครแล้ว ก็มีคนไปเดินหาเสียงไปทำพื้นที่กันมา แต่จู่ๆ มาวันนี้ เขาบอกว่าจะขอลงสมัครเหมือนเดิม พวกเราก็กลับหลังหันกันไม่ทันเลย ก็อยากให้พี่สุรเชษฐ์ พูดเรื่องนี้ให้เต็มเรื่องด้วยเพราะหากพูดแค่ครึ่งเดียวก็อาจทำให้พรรคเสียหายได้ ก็ยอมรับว่าในพื้นที่ภาคใต้ก็มีหลายพื้นที่ที่มีลักษณะแบบนี้ ผมก็พยายามใช้ข้อมูลต่างๆ รวมถึงการนำหลักเรื่องวิทยาศาสตร์(ทำโพล) เข้าไปจับด้วย รวมถึงการนัดคุยกับนักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำในพื้นที่ที่เป็นแกนหลักๆแต่สุดท้าย เราจะต้องอธิบายด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ได้ว่าแต่ละพื้นที่ทำไมพรรคปชป.ถึงส่งบุคคลที่ประกาศชื่อมา

            -คู่แข่งหลักของปชป.ในภาคใต้ เลือกตั้งรอบหน้า ยังเหมือนเดิมคือ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ?

            พลังประชารัฐ ถ้าอยู่กับภาพแบบปัจจุบันที่มีภาพความแตกแยก ถ้าเป็นคนภาคอื่นผมไม่แน่ใจ แต่ที่ภาคใต้เขาไม่ค่อยชอบ ภาพความขัดแย้ง พรรคแตกแยก อย่างที่สงขลา เห็นไหมเมื่อก่อนภาพเราอาจมีความขัดแย้งกัน สุดท้าย ประชาชนก็ไม่เอา แต่พอเราจับมือกัน ประชาชนก็เข้าใจก็กลับมาเลือกเรา ดังนั้น ภาพความขัดแย้งในพลังประชารัฐ มีแบ่งเป็นก๊ก เป็นเหล่า ผมว่าไม่ดีแบบรอบก่อนๆแน่

            ส่วนพรรคภูมิใจไทย เขาก็น่ากลัวอยู่ในบางเขต ต้องพูดว่าภูมิใจไทยน้ำเลี้ยงอะไรต่างๆ เขาดี สมบูรณ์แบบมาก คู่แข่งในการเลือกตั้งรอบหน้าที่เราจะต้องสู้กันหนักสำหรับภาคใต้ ผมว่าคงเป็นพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่สู้กับพลังประชารัฐ

กระแสลุงตู่ในภาคใต้ ไม่ว้าวแล้ว!

-หากเลือกตั้งรอบหน้า พลเอกประยุทธ์ยังเล่นการเมืองต่อ แล้วพลังประชารัฐ จะชูบิ๊กตู่เป็นแคนดิเดตนายกฯ กระแสบิ๊กตู่ จะมีผลต่อการเลือกตั้งในภาคใต้ แบบรอบที่แล้วหรือไม่?

            ผมว่าไม่เหมือนเดิมแล้ว ยังไงก็ไม่เหมือนเดิมแล้วเพราะภาพที่ชาวบ้านเขาเห็น จากความคาดหวังตอนเลือกตั้งปี 2562 วันนี้ผ่านมาสามปี ผมเชื่อว่าความคิดเขาเปลี่ยนไปแล้ว ท่านนายกฯประยุทธ์วันนั้นเหมาะมาก เป็นความต้องการของคนทั้งประเทศ อย่างผมหลังได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส. พอกลับบ้านที่สงขลา ประชาชนก็บอกว่าให้ไปบอกประชาธิปัตย์ว่าให้ไปร่วมตั้งรัฐบาลกับพลังประชารัฐ เพื่อให้พลเอกประยุทธ์  เป็นนายกฯ แต่วันนี้ พอลงพื้นที่ ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว อันนี้คือปรากฏการณ์จริงที่ผมสัมผัสได้

…คือเรตติ้งไม่เหมือนเดิมแล้ว ผมจึงมั่นใจว่าประชาธิปัตย์จะฟื้นกลับมาแน่นอน แฟนคลับประชาธิปัตย์เดิมๆ เริ่มกลับมา เพราะอย่างพรรคเองก็เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ด้วย อย่างเมื่อก่อนทุกอย่างต้องไปตามลำดับอาวุโส ต้องมีอาวุโสเป็นส.ส.สัก 4-5 สมัยถึงจะมีตำแหน่ง มีอะไรได้ คือเราก็ยังมีเรื่องของความอาวุโสอยู่แต่บางส่วนเราก็เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ อย่างที่พรรคส่ง ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ลงสมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่คนรู้จริงเข้ามา หรืออย่างตัวผมเอง ที่เพิ่งเป็นส.ส.สมัยแรก ก็เข้ามาเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทำให้คนรุ่นใหม่ๆ ที่ตอนแรกเขาอาจจะยังกลัวกำแพงเรื่องอาวุโส เขาก็สามารถเข้ามาประชาธิปัตย์ได้แล้ว

แล้วกับจุรินทร์ หัวหน้าพรรคปชป. สามารถชูเป็นแคนดิเดตนายกฯได้หรือไม่ โดยเฉพาะที่ภาคใต้?

            พรรคสามารถชูคุณจุรินทร์ในการหาเสียงได้แน่นอน  เพราะหัวหน้าพรรคเป็นรัฐมนตรีมาแล้วหลายกระทรวง เป็นคนดี มีความรู้-ประสบการณ์ ถือว่ามีความเหมาะสม ถือว่ามีโอกาสในการจะชูเป็นนายกรัฐมนตรีเพราะตอนเลือกตั้งปี 2562 คนภาคใต้เขาเลือกลุงตู่เพราะเหตุผล 1-2-3แต่ปัจจุบัน เหตุผลเหล่านั้นเป็นเหตุผลอื่นแล้ว

 ผมจึงมั่นใจว่าคุณจุรินทร์มีโอกาส แต่ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะการเมืองรอบหน้าด้วย  อย่างลุงตู่ อยู่หรือไม่ ยังไม่รู้ ก็ไม่รู้ว่าช่วงเดือนสิงหาคม จะอยู่ต่อ หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์หลายเหตุการณ์

…ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ภาพรวมการเลือกตั้งทั้งประเทศ ผมว่าประชาธิปัตย์น่าจะได้ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 70 ที่นั่ง คิดว่าเราทำได้แน่ เพราะว่าภาคเหนือกับอีสาน รอบหน้า ผมว่าพรรคจะได้ส.ส.เขต อย่างที่อีสาน ก็อาจจะได้ประมาณเป็นสิบเขต เพราะกระแสนิยมของพรรคดีมาก ผมมีเพื่อนๆอยู่ภาคอีสาน เขาก็บอกว่าประชาธิปัตย์กระแสพรรคดีขึ้นมาจากเดิมเยอะมาก ส่วนกรุงเทพมหานคร ก็น่าจะกลับมาได้เกินสิบเขตแน่นอน

-ที่ผ่านมา พรรคปชป.เกิดกรณีคนในพรรคทยอยลาออกไปหลายคน เกิดปัญหาเลือดไหลออก จะแก้ไขยังไง ?

            ผมก็พยายามนัดประชุมเดือนละ 1-2 ครั้งสำหรับภาคใต้  ก็จะได้หล่อหลอมหัวใจประชาธิปัตย์มาเป็นหนึ่งเดียวให้ได้ก่อน เพราะหากหัวใจการสู้รบเราเป็นหนึ่งเดียว ทุกปัญหาเราก็สู้ได้หมด เพราะประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เป็นประชาธิปไตยร้อยเปอร์เซนต์ เราเป็นพรรคที่ไม่มีเจ้าของ ไม่มีนายทุน ไม่มีผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง ทุกคนในพรรคเท่าเทียมกันหมด พรรคจึงเป็นประชาธิปไตยมาก

เมื่อเป็นประชาธิปไตยมาก สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ทำยังไงให้เป็นหนึ่งเดียว เพราะหากเราร้อยหัวใจเป็นหนึ่งเดียวกันได้ พรรคจะมีพลังมากแล้วก็มาสู้ด้วยกัน อย่างตอนนี้ หลังจากนี้ก็มีการวางคิวปราศรัยลงพื้นที่ทีละจังหวัดไว้แล้ว เพราะพบว่าตอนนี้คนสนใจอยากมาฟังการปราศรัยบนเวทีมากขึ้น อย่างที่สงขลา คนมาฟังเวทีปราศรัยของพรรคหลายพันคน แบบนี้คือจุดแข็งของประชาธิปัตย์ ผมว่าหากเราร้อยใจเป็นหนึ่งเดียวกันลดความแตกแยก แล้วพรรคทำนโยบายที่โดดเด่น  ขณะที่ตัวส.ส. ผู้สมัคร อาจต้องปรับเปลี่ยนบุคลิกบ้าง สิ่งไหนที่ชาวบ้านไม่ชอบ ก็ต้องเปลี่ยน เพราะวันนี้ความคิดคนเปลี่ยนไปแล้ว เขาเห็นว่าผู้แทนของเขาต้องติดดินและใกล้ชิดประชาชน

            เรื่องเลือดไหลออก คือบางคนอาจเพราะเขาดูแล้วว่าเขาไม่มีอนาคตแล้วในพรรคประชาธิปัตย์ บางคนก็น้อยใจก็เลยไป แต่พอออกไปแล้ว จะกลับมา บางทีก็กลับไม่ได้ เพราะพูดไปแล้ว ลั่นวาจาไว้แล้ว แต่ต่อไป จะดีขึ้น ผมจะใช้ระบบการทำความเข้าใจทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ ต้องมีการทำความเข้าใจกันเพราะผมเข้าถึงทุกคนได้หมด ผมสนิทหมด ผมไปได้หมด รุ่นเก่า หรือรุ่นเด็ก เราจะมานั่งคุยกัน

ผมเชื่อว่าจะใช้เวลาอีกไม่กี่เดือน ก็จะร้อยดวงใจคนประชาธิปัตย์ได้ โดยเฉพาะของกลุ่มภาคใต้ หลังจากนี้จะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้แน่ๆ อย่างผม กับพี่ชินวรณ์ บุณยเกียรติ แข่งกันมาตอนเลือกรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พอประชุมเสร็จ ผมก็ไปคุยกับพี่เขาว่า จบแล้วนะพี่ เขาก็บอกว่ายินดีและให้มาช่วยกัน จะมาช่วยเต็มที่ แล้วผมกับพี่ชินวรณ์จะไปขึ้นเวทีปราศรัยด้วยกันที่นครศรีธรรมราช  ทุกคนจะได้เห็นว่าเราจะไม่มีความขัดแย้งอะไรกันแบบเมื่อก่อน คือประชาธิปัตย์อย่างเมื่อก่อน ก็เกือบทุกจังหวัด มีสองคนก็ยังแบ่งเป็นสองทีม ซึ่งผมก็ไม่อยากเห็นการแบ่งกลุ่มอะไร

ก็เอาเป็นว่าสำหรับภาคใต้ เราก็จะทำให้เป็นทีมเดียว รวมพวกเราให้แน่นก่อน แล้วก็ไปรวมกับภาคอื่นในพรรค เพราะสำหรับภาคใต้ ผมรู้ ผมอยู่มาสามปี ผมมองเห็นหัวใจมองทะลุได้หมดทุกคนแล้ว ผมรู้ว่าจะอยู่กับพวกเขาอย่างไร ที่สำคัญผมต้องทำให้พวกเขาชนะเลือกตั้งให้ได้ อย่างประชุมภาคใต้วันก่อน ผมก็บอกว่า ส.ส.เขต 22 คนของพรรค ขอให้เชื่อ ผมจะไม่ยอมให้สอบตกแม้แต่คนเดียว แล้วผมก็จะทำให้พรรคได้ส.ส.เพิ่มอย่างน้อยรวมเป็น 35 ที่นั่งตามที่ได้ประกาศไว้ หรืออาจได้มากกว่านั้น ทุกคนก็แฮปปี้ บอกโอเค ทุกคนรับได้หมด

ใจถึงพึ่งได้-คนพวกเยอะ

การเมืองสไตล์-เดชอิศม์

-อะไรที่ทำให้ชื่อของ นายกชาย ถูกจับตามองทางการเมืองค่อนข้างมาก ทั้งที่เป็นส.ส.สมัยแรก ก็ได้เป็นรองหัวหน้าพรรคปชป.?

            จริง ๆ ผมเข้ามาการเมืองตั้งแต่ช่วงอายุสามสิบต้นๆ เริ่มที่การเป็นสจ.สงขลา ที่พอเป็นครั้งแรก ผมก็เป็นนายกฯอบจ.สงขลาเลย จากนั้นผมก็ได้รับเลือกจากนายกฯอบจ. 14 จังหวัดภาคใต้ที่ตอนนั้นก็มีเช่น พี่กิจ หลีกภัย อดีตนายกฯอบจ.ตรัง พี่ชายท่านชวน หลีกภัย -พี่ธานี เทือกสุบรรณ อดีตนายกฯอบจ.สุราษฎร์ธานี ต่างก็สนับสนุนและเลือกผมมาเป็นประธานนายกฯอบจ.ภาคใต้ ตอนนั้นก็อายุประมาณ 32 ปี

 พอเข้ามาเป็นส.ส.สงขลา ประชาธิปัตย์ ผมก็ไม่เคยคิดเรื่องจะมาเป็นรองหัวหน้าพรรค ก็พอดีมีอยู่วันหนึ่ง พี่นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคปชป.ภาคใต้ เขามาบอกผมว่า “พี่มองทุกเหลี่ยมทุกมุมแล้ว น้องต้องมาเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้แทนพี่” ก็คุยกัน 2-3 รอบ ผมก็บอกว่าได้พี่ แต่พี่นิพิฏฐ์ต้องมาเป็นประธานที่ปรึกษา เพราะว่าบางทีผมฝ่ายบู้ไปหน่อย พี่อยู่ฝ่ายบุ๋น ก็มาเดินตีคู่ไปด้วยกัน ผมว่าแบบนี้ไปได้ แต่สุดท้าย พี่นิพิฎฐ์ ก็มาออกจากพรรคไปก่อน ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็ไปปรึกษาคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เขาก็บอกว่า “เห็นด้วย ผมอยากให้ขุนพลแบบคุณมาอยู่ข้างๆ ตัวผม “ต่อมาผมก็ลองไปถามความเห็นเพื่อนๆในพรรค เขาก็บอกว่า ผมเหมาะ

            …ตอนแรก ผมก็ไม่ได้คิดเลย เพราะประเพณีประชาธิปัตย์ไม่เคยมี ตั้งแต่ตั้งพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมี ที่เป็นส.ส.สมัยแรกแล้วมาเป็นรองหัวหน้าพรรค โดยไม่ได้เป็นรองหัวหน้าพรรคตามภารกิจ เพราะรองหัวหน้าพรรคตามภารกิจมาจากหัวหน้าพรรคแต่งตั้ง แต่กรณีแบบผมมาจากการเลือกตั้งของผู้ออกเสียงของประชาธิปัตย์จากทั่วประเทศ  ตอนแรกที่ได้รับการเสนอชื่อ ก็ภูมิใจแล้ว ตอนแรก ก็ไม่คิดว่าจะชนะท่วมท้น สาขาพรรคทั่วประเทศก็เลือก ตอนแรกผมคิดว่าจะชนะในส่วนของผู้ออกเสียงที่เป็นส.ส. เพราะถ้าในส่วนของส.ส.ผมชนะแน่ เพราะมีการพูดคุยกัน ก็รู้ แต่ก็มีผู้ใหญ่บางคนก็ไม่เห็นด้วย เขาก็บอกว่ามันหักประเพณีปฏิบัติมากไป

ส่วนที่ผมได้รับการสนับสนุน อาจเพราะเขาเห็นการพูดคุยของผม ได้รู้แนวคิด แล้วก็ความเป็นคนมีพวกมาก แล้วเขาก็มั่นใจผมมากว่าผมจะสู้กับพรรคอื่นได้ในภาคใต้ เขามั่นใจแบบนั้น เพราะแนวผม อาจจะฉีกแนวประชาธิปัตย์ไปบ้าง แนวผมออกแนวหัวใจนักเลงนิดนึง เขาก็คงคิดว่าแนวแบบผมน่าจะเหมาะที่จะไปสู้กับภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ได้

-มีเป้าหมายทางการเมืองอย่างไร มีการมองว่าอาจจะขึ้นไปเป็นเลขาธิการพรรคปชป.ในอนาคต ?

            ยังไม่คิดไกลขนาดนั้น เพราะยังมีพี่ๆ ของผมอยู่ อย่างเลขาธิการพรรค คุณเฉลิมชัย ก็คือพี่ใหญ่ที่ผมให้ความเคารพรักอย่างสูง และผมก็คงอยู่บนเวทีการเมืองไม่นาน คงไม่อยู่ถึงเกิน 70 ปี ก็อยากหาคนรุ่นใหม่มาทดแทน แต่ผมก็อาจไม่ได้เลิก แต่จะถอยออกมาเป็นพี่เลี้ยงคอยอยู่ข้างหลังพวกเขา 

-กับร.อ.ธรรมนส พรหมเผ่า ที่คนมองว่าสนิทกัน เป็นอย่างไรบ้าง ตั้งแต่หลังเลือกตั้งซ่อมสงขลาที่พลังประชารัฐแพ้ประชาธิปัตย์  ได้คุยกันบ้างไหม?

            ก็โทรศัพท์คุยกันอยู่ แต่ไม่ได้คุยเรื่องเลือกตั้ง คุยหยอกล้อกันเรื่องอื่นมากกว่า ก็บอกว่าวันหลังนัดกินข้าวกัน ให้ชวน พี่ชาดา ไทยเศรษฐ ด้วย ก็ไม่ได้คุยการเมืองอะไรกับเขา เพราะก็เข้าใจเขาอยู่ช่วงนั้นก็เจอมรสุมการเมือง แต่พวกเรา ก็คุยกันเสมอว่าเราเป็นนักการเมืองอาชีพ พอลงสนามแล้ว ก็เหมือนนักฟุตบอล ก็เล่นกันจริงจัง แต่แข่งเสร็จครบ 90 นาที เราก็คือเพื่อนกัน ก็อาจนั่งรถคันเดียวกันกลับบ้าน

-ทำไมสนิทกับรอ.ธรรมนัส และชาดา ไทยเศรษฐ์ ?

            ตอนนั้นผมเป็นนายกอบจ.สงขลา ส่วนพี่ชาดา ไทยเศรษฐ์  เขาเป็นนายกเทศมนตรีที่อุทัยธานี ซึ่งบางครั้ง ท้องถิ่น ก็มีการประชุมร่วมกัน ก็เลยมีโอกาสได้พบกันก็เลยสนิทกัน ก็สนิทกันมากกับพี่เขา  ส่วนคุณธรรมนัส เมื่อสิบปีก่อน มีผู้ใหญ่เขาแนะนำให้มารู้จักกันที่กรุงเทพ แต่ก่อนหน้านั้น ต่างคนต่างรู้จักชื่อกันอยู่แล้ว พอได้สัมผัส ก็มีบุคลิกคล้ายๆ กันคือ”ใจถึงพึ่งได้” ก็เลยคบหากันมา แต่ไม่มีธุรกิจอะไรร่วมกันเลย หลายคนก็สงสัยคิดว่าผมคงทำธุรกิจอะไรร่วมกันกับเขาบ้าง แต่จริง ๆไม่มีเลย แต่เป็นเพื่อนที่ใจต่อใจ

            ส่วนพอเข้ามาเป็นส.ส.แล้ว ผมก็รู้จักเกือบทุกพรรค เกือบทุกคนด้วยก็คบเป็นเพื่อนหมด บางพรรคผมสนิทเกือบครึ่งพรรค สนิทมากด้วย เป็นคนพวกเยอะ เยอะมาก สนิทหมด สนิทจริงๆ ด้วย  แต่ว่าในสภาฯ ก็ต่างว่ากันไปตามหน้าที่ แต่นอกสภาฯ เราคือเพื่อนกัน ผมอยากสร้างวัฒนธรรมการเมืองของประเทศใหม่ อย่าเคียดแค้นชิงชัง เอาเป็นเอาตายเลย คือก็เป็นมืออาชีพ คือเรื่องไหนไม่เห็นด้วย ก็ว่ากันไป แต่เสร็จแล้วทุกคนก็คือคนไทย ไม่ใช่โกรธกันแบบเอาเป็นเอาตาย สร้างความเกลียดชังให้กับฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้คะแนนนิยมเขาต่ำ ไปใส่ร้ายป้ายสีกัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เพจพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ปลื้ม ‘คนคุณภาพประชาธิปัตย์’ ได้เป็นขรก.การเมือง

เฟซบุ๊กเพจ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความว่า ครม. เห็นชอบ แต่งตั้ง “คนคุณภาพประชาธิปัตย์” เป็นข้าราชการการเมือง สังกัด ทส. และ สธ.

จับแล้ว! 2 แม่ลูก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลูบคม 'ปธ.กมธ.ตำรวจ'

พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 (ผบก.สอท.5) พ.ต.อ.อุกฤช ศรีนิติวรวงศ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ