'ก้าวไกล' โรยเกลือต่อ! ลุยฟ้องรัฐมนตรีกราวรูด

'ก้าวไกล' เดินหน้ายุทธการโรยเกลือจ่อฟ้อง รมต.กราวรูด หลังเสร็จศึกซักฟอกมาตรา 152 'โรม' ฉะรัฐบาล ไร้น้ำยาแก้ค้ามนุษย์ ชี้ต้องเปลี่ยนรัฐบาล-ผู้นำใหม่เท่านั้น

23 ก.พ.2565 - ที่รัฐสภา ส.ส.พรรคก้าวไกล​ (ก.ก.) นำโดย นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค, นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรค, นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา และนายปดิพัทธ์​ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก ร่วมแถลง​กรณีการเตรียมยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง 4 คน ภายหลังที่ได้มีการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เมื่อวันที่ 17-18 ก.พ.​

โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลพบข้อมูลข้อเท็จจริงพยานหลักฐานที่มากกว่าการซักถามและเสนอแนะการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ได้แก่ 1.เรื่องการค้ามนุษย์ที่เกี่ยวเนื่องกับการลี้ภัยของชาวโรฮิงญา 2.โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) พบว่ามีการปกปิดข้อเท็จจริงนำไปสู่ราคาสินค้าแพง 3.การใช้สถานีรถไฟฟ้ากลางบางซื่อ ที่เชื่อได้ว่ามีการทุจริต และ 4.สถานการณ์น้ำมันรั่วในท้องทะเลภาคตะวันออก ทั้ง 4 ประการเป็นยุทธการโรยเกลือภาคต่อเนื่อง มั่นใจว่ากรณีดังกล่าวมีคนผิด ทั้งหน่วยงานราชการ คณะรัฐมนตรี (ครม.)​ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงความรับผิดชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกฯ

ด้านนายปดิพัทธ์ กล่าวว่า การอภิปรายเรื่อง ASF หลักฐานที่มีอยู่เพียงพอที่จะฟ้องนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ต่อ ป.ป.ช. นอกจากนี้จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของ กมธ.ป.ป.ช. เนื่องจาก กมธ.วิสามัญที่ตั้งขึ้นมาเรียกข้อมูลจากหน่วยงานราชการยากมากขึ้น เราจึงยังจำเป็นที่จะต้องซักถามอีกหลายประเด็นต่อ รวมทั้งเราจะดำเนินการฟ้องแพ่งแบบหมู่หรือคลาสแอกชั่น

นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องสถานีกลางบางซื่อ มีการใช้ในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ประกอบกับค้างค่าก่อสร้าง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทผู้รับเหมา ทั้งบริษัทซิโนไทยและบริษัทยูนีคฟ้องเรียกค่าเสียหาย มูลค่า 7,200 ล้านบาท ซึ่งพรรคมองว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ทั้งนี้ เราจะดำเนินการฟ้องบุคคลทั้งสองต่อ ป.ป.ช.

ขณะที่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องการค้ามนุษย์ พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐหลายภาคส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกองทัพเรือ รวมทั้งตำรวจที่ควบคุมดูแลไม่ให้กระทำผิดในเรื่องนี้ก็จับได้น้อย รวมถึงฝ่ายปกครองซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ก็ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี รวมถึงเรื่องการลี้ภัยของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และอดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ที่โดนโยกย้ายตำแหน่งให้ไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการบีบบังคับ ขัดขวาง จนเจ้าตัวต้องลาออกจากราชการ ทั้งหมดนี้จะนำเรื่องเข้าสู่ กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป เพราะตั้งแต่ที่มีการอภิปรายยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจาก พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ยืนยันว่าท่านไม่สามารถใช้ความเงียบเพื่อกลบฝังปัญหาหรือคำถามของประชาชนได้อีกต่อไป

ด้าน นพ.วาโย กล่าวว่า จะฟ้องนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อ ป.ป.ช. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จากเหตุน้ำมันรั่วกลางทะเลภาคตะวันออก

เมื่อถามถึงการตั้งข้อสังเกตถึง พล.ต.ต.ปวีณ ไม่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยของประเทศออสเตรเลีย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยืนยันว่า พล.ต.ต.ปวีณ ได้รับสถานะการลี้ภัยจริง และขณะนี้อาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลียแน่นอน ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้ปฏิเสธในเรื่องนี้ ทั้งนี้ไม่เชื่อว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ได้ การจะแก้ปัญหาได้ต้องมีรัฐบาลใหม่ มีผู้นำใหม่ แล้วการแก้ปัญหาเหล่านี้จะดีขึ้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป.ป.ช.แจงปมอดีตเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เรียกรับเงิน

นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อมวลชนมีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับอดีตเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งพนักงานไต่สวน ระดับสูง

'บิ๊กต่อ' รวย 209 ล้าน เลิกซุกบ้านอังกฤษ โชว์ 2 หลัง 103 ล. ไม่เจอเงินกู้

ป.ป.ช. เปิดเซฟ 'บิ๊กต่อ' พ้น ผบ.ตร. ทรัพย์สิน 209 ล้านบาท มีบ้านพร้อมที่ดินที่อังกฤษ 2 หลัง มูลค่า 103 ล้าน ไม่พบเงินกู้ยืม 20 ล.

'บิ๊กต่าย' ยันไม่ได้ลอยตัว ปม ป.ป.ช. รับไต่สวนจนท.รัฐ เอื้อทักษิณนอนชั้น 14 พร้อมทำตามกฎหมาย

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ  ป.ป.ช. มีมติให้ตั้งองค์คณะไต่สวนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ รวม12 ราย