'สุดารัตน์' เหยียบถิ่น 'บางบอน' คุยโวพร้อมช่วยทำมาค้าขาย

“สุดารัตน์ นำคาราวานสร้างไทย บุกบางบอน ฟังเสียงผู้ค้า โอดค้าขายแย่ ทำหนี้พุ่ง โว พรรคพร้อมดูแล เตรียมนโยบายกองทุนคนตัวเล็กแก้ปัญหา

20 ก.พ. 2565 – คาราวานสร้างไทย 77จังหวัด นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย นส.เกณิกา ตาปสนันทน์ ทีมไทยสร้างไทย เขตบางบอน นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย นำคาราวานสร้างไทย ลุยพื้นที่บางบอน พบปะพี่น้องประชาชน พ่อค้าแม่ขาย ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น มอบกำลังใจให้คุณหญิงสุดารัตน์ และทีมคาราวานสร้างไทย ด้วยความเป็นกันเอง

คุณหญิงสุดารัตน์ ถือโอกาสนี้สอบถาม ถึงปัญหาการค้าขาย สภาพเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งได้รับคำตอบจากผู้ค้าว่า ยอดค้ายอดขายตกลงมาก กำลังซื้อจากผู้บริโภคหดหาย ทั้งของกินของใช้ สินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค อันเนื่องมาจากราคาต้นทุน การผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ยังคงสูงอย่างต่อเนื่องสวนทางกับคำชี้แจงของผู้มีอำนาจที่อ้างว่าเศรษฐกิจกำลังดีขึ้น ทั้งที่สภาพการค้าจริงซบเซาต่อเนื่องมาหลายปี

เมื่อรายได้จากค้าขายไม่เพียงพอ กับค่าใช้จ่ายต่างๆที่ได้ลงทุนไป ทำให้ผู้ค้าไม่น้อยต้องยุติกิจการ หรือหยุดการค้าขายไว้ชั่วคราว เพราะภาระหนี้สินเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ ที่ต้องจ่ายเป็นรายวัน หรือหากเป็นรายเดือน ดอกเบี้ยก็แพงมหาโหด พ่อค้าแม่ขายบางรายต้องจ่ายดอกสูงถึงร้อยละ 20 ต่อเดือน

คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ให้กำลังใจ พร้อมระบุว่าพรรคไทยสร้างไทยมีแนวทางในการดูแลคนตัวเล็กอย่างจริงจัง เช่น กองทุนตนตัวเล็ก พรรคไทยสร้างไทยตั้งใจ สร้างขึ้นมาเพื่อมอบ เครดิตแก่ประชาชน ที่ยากจนเข้าไม่ถึงแหล่งทุน ในการทำมาหากิน จนต้องไปพึ่งพิงหนี้นอกระบบ จะเป็นเครดิต ที่รัฐมอบให้ติดตัว สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ไม่เกินร้อยละ1 ต่อเดือน ด้วยกระบวนการสินเชื่อที่แตกต่าง จากสถาบันการเงินทั่วไป จะช่วยสร้างพลังและปลดปล่อยคนไทยจากอุปสรรคทางการเงิน ให้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ยิ่งไปกว่านั้น เงินส่วนนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สูญเปล่าเหมือนการแจกเงินแบบที่หว่านกันอยู่ในปัจจุบัน

พรรคไทยสร้างไทย ยังตั้งใจดูแลผู้สูงอายุ ด้วยนโยบายบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท ให้มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ มุ่งดูแลสุขภาพผู้สูงอายุให้แข็งแรง มีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมไทย และจะเป็นการลดภาระ ลดความกังวลของลูกหลาน ทำให้มีเงินตั้งตัวได้ไวขึ้น โดยไม่ต้องแบกค่าใช้จ่ายของผู้สูงอายุในครอบครัว ขณะเดียวกัน เงินที่ผู้สูงอายุได้รับ จะเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในหมู่บ้านชุมชน ช่วยฟื้นเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง