ดร.เอ้ โพสต์ 3 ข้อเคลียร์ปมร่ำรวยผิดปกติ

11 ก.พ.2565 - นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กดังนี้

ชีวิตเปิดเผย โปร่งใส

คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ของสภาผู้แทนราษฎร ออกมาให้ข่าวว่ามีผู้ร้องเรียนว่า ผมมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ ผมจึงจำเป็นต้องแสวงหาความจริงจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ที่ดูแลเรื่องดังกล่าวนี้ เพื่อเป็นการรักษาเกียรติยศและชื่อเสียงของผม ของครอบครัวผม และวงศ์ตระกูลของผม

วันนี้ผมมายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้กรุณาตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของผม ว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ และตรวจสอบว่าผมมีพฤติกรรมทุจริตประพฤติมิชอบในขณะที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังหรือไม่ เนื่องจากมีการนำเสนอข้อมูลหลายครั้ง ทั้งทางสื่อออนไลน์และนอกสื่อออนไลน์ ชี้นำสังคมว่ามีข้อมูลมากมายทำให้สงสัยได้ว่าผมอาจมีพฤติกรรมทุจริตและประพฤติมิชอบและยังอาจร่ำรวยผิดปกติ

ผมหวังว่าทาง คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะได้ตรวจสอบว่า ผมร่ำรวยผิดปกติหรือไม่โดยด่วน เพื่อให้สังคมได้ทราบข้อเท็จจริงและไม่ถูกนำเรื่องนี้ไปใช้เป็นประเด็นการเมือง

ผมต้องขอขอบคุณพี่น้องและเพื่อนๆ ที่รักทั้งหลายที่เป็นห่วงผม ทั้งส่งข้อความและโทรศัพท์มาให้กำลังใจ ว่าเพิ่งเข้าสู่วงการการเมืองก็ถูกรังแกเสียแล้ว ก็อยากจะขอกำลังใจ และอยากจะบอกว่า เมื่อผมตัดสินใจเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชนก็เตรียมใจไว้อยู่แล้วครับ และหวังจะได้เห็นการเมืองแบบใหม่ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นการหวังลมๆแล้งๆหรือเปล่า

เรื่องประเด็นการชี้นำว่าผมร่ำรวยผิดปกติ ผมก็ขออธิบายให้ผู้ที่สนับสนุนผมได้สบายใจนะครับ ว่าผมมิได้ร่ำรวยผิดปกติแต่อย่างใด และขอชี้แจง ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นตามนี้นะครับ

คำถาม: ทำไมทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจาก 75.6 ล้าน มาเป็น 342.1 ล้าน?

ตอบ:1. การแสดงทรัพย์สิน ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2561 (มิใช่ปี 2563 ตามที่เป็นข่าว) ว่าผมมีทรัพย์สิน 75.6 ล้าน เป็นการแสดงทรัพย์สินเมื่อผมยังมีสถานะโสด

ต่อมา มีการแสดงทรัพย์สิน ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2564 (ห่างจากครั้งก่อน 3 ปี) ว่ามีทรัพย์สิน 342.1 ล้าน ซึ่งเป็นการแสดงทรัพย์สินร่วมกับคู่สมรสครั้งแรก

2. ทรัพย์สิน 342.1 ล้าน เป็นทรัพย์สินของภรรยา โดยประมาณ 200 ล้าน และส่วนตัวของผมคือ ประมาณ 141 ล้าน

3. ดังนั้นส่วนต่างใน 3 ปี (2561-2564) ของ "การประเมินทรัพย์สิน" คือ 141-75 = 66 ล้านบาท ซึ่งมาจาก

1). มูลค่าทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์เดิมที่มีการประเมินมูลค่าปัจจุบัน ทำให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 13 ล้านบาท

2). มีรายการบ้านพักอาศัยหนึ่งหลัง มูลค่า 35 ล้านบาท ซึ่งผมกู้ธนาคารเต็มมูลค่ามาก่อสร้าง ทำให้มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่ม 35 ล้านบาท (บ้านที่ท่านเห็นใน YouTube นั่นแหละครับ มิใช่ราคาเป็น 100 ล้าน ราคาเพียง 35 ล้านจริงๆครับ เพราะเลือกวัสดุเอง คุมงานก่อสร้างเอง ทำเองทุกอย่าง)

3). ผมมีรายได้ระหว่าง ปี 2561-2664 ประมาณ 39 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 13 ล้านบาท และเสียภาษีถูกต้อง

ดังนั้น จึงมิได้เป็นการมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติแต่อย่างใด

ผมอาสา กล้าออกมาเสนอตัว ไม่ใช่เพื่อตนเอง แต่เพื่อแก้ปัญหาซ้ำซาก วางรากฐานกทม. เพื่อลูกหลานในอนาคต

เรามาเปลี่ยนกันเถอะครับ เปลี่ยนการเมืองแบบเดิม…เป็นการเมืองแบบสร้างสรรค์

และเปลี่ยนกรุงเทพ...เป็นเมืองที่สร้างอนาคตที่ดีให้ลูกหลานเรา #เราทำได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มีหนาว! ‘เรืองไกร’ ร้อง ปปช. ตรวจสอบจนท.ของรัฐ 8 ราย ยื่นบัญชีและเสียภาษีถูกต้องหรือไม่

วันนี้ผมจึงส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐรวม 8 รายดังกล่าว

ป.ป.ช. แจ้งมติ 'สส.มงคลกิตติ์' ลาสภาฯไปดูหนังผิดจริยธรรมหรือไม่

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีมีข่าวคณะกรรมการ ป.ป.ช

เปิดชื่อ 3 แคนดิเดต เข้ารับการสรรหาเป็นเลขาธิการ ป.ป.ช. คนใหม่

นายนนทิกร กาญจนะจิตรา ประธานกรรมการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งเลขาธิการกรรมการป.ป.ช. ได้ประกาศรายชื่อผู้สมัครเข้ารับการสรรหาฯ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการสรรหาฯ ลงวันที่ 6 มิ.ย. 2567 รับสมัครบุคคลเข้ารับการสรรหาดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. นั้น บัดนี้การรับสมัครสรรหาได้เสร็จสิ้นแล้ว อาศัยอำนาจตามข้อ 7

ศาลนัดฟังคำสั่ง 'บิ๊กโจ๊ก' ฟ้องหมิ่น 'อัจฉริยะ' 6 ส.ค. ปัดมีคนเรียก 10 ล้าน แลกแฉ

ศาลนัดฟังคำสั่ง 'โจ๊ก' ฟ้องหมิ่น ‘อัจฉริยะ’ 6 ส.ค. 'บิ๊ก ตร.' ย้อนถามกลุ่มนายพลชลบุรีโดนคดีกลับไม่ถูกปลดออก ปัดมีคนเรียกเงิน 10 ล้าน แลกแฉนายพล