รัฐบาลยันนายกฯให้ความสำคัญโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง

โฆษกรัฐบาล ยัน นายกฯ มุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เชื่อมโยงเครือข่ายทั่วประเทศ รองรับความต้องการ เร่งรัดแก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้าง ไม่ให้เกิดผลกระทบปชช. หวังพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทย

8 ก.พ.2565 – นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หนึ่งในนโยบายรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญคือ การเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศซึ่งในที่สุดจะส่งผลถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างยั่งยืนถือเป็นรากฐานที่สำคัญ โดยที่ผ่านมา รัฐบาลได้มุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง จนทำให้มีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศที่ครอบคลุมพื้นที่ สามารถรองรับความต้องการของประชาชนทั้งในระดับครัวเรือน อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และส่งผลต่อยอดเชื่อมโยงเครือข่ายในระดับประเทศ

กระทรวงคมนาคมได้เปิดเผยแผนพัฒนารถไฟความเร็วสูงครอบคลุมทั่วประเทศรวมทั้งสิ้นกว่า 1,673 กิโลเมตร โดยแผนในปี 2565 ประกอบด้วย โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 356 กิโลเมตร และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กิโลเมตร และแผนลงทุนระยะยาว ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ระยะทาง 380 กิโลเมตร เส้นทางหัวหิน – สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 424 กิโลเมตร และเส้นทางสุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 335 กิโลเมตร

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดมาตลอด รวมถึงห่วงใย ติดตามความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ โดยได้สั่งการให้มีการเร่งรัดแก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างล่าช้าที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน อาทิ การแก้ไขปัญหา PM 2.5 สำรวจความต้องการพื้นฐานของประชาชน และอำนวยความสะดวกในการให้บริการสาธารณะที่จำเป็นเพิ่มมากขึ้นแก่ประชาชน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีตั้งใจและให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมีเป้าหมายในการยกระดับศักยภาพของประเทศให้ครอบคลุมในทุกมิติ

ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมดังกล่าว เพื่อเชื่อมโยงพื้นที่ทั่วประเทศ และยังจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าให้เกิดความต่อเนื่องได้อย่างไร้รอยต่อ สอดรับกับการพัฒนาพื้นที่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจ ส่งเสริมอุตสาหกรรมการเกษตร และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนยังเพิ่มบทบาทภาคเอกชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการให้บริการที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของระบบขนส่งทางรางอีกด้วย

“นายกรัฐมนตรีทำงานโดยให้ความสำคัญกับทั้งระดับองค์รวม และระดับพื้นที่ โดยนอกจากแผนการลงทุนในระยะสั้นแล้ว รัฐบาลยังตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งในโหมดการขนส่งคน และสินค้า ทั้งการเชื่อมต่อทางบก-ราง-น้ำ-อากาศ โดยรัฐบาลได้มีการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษารายละเอียดอย่างรอบด้าน เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไปในอนาคต ซึ่งเชื่อมั่นว่า ผลที่สุดจะเกิดประโยชน์แก่การดำรงชีวิต คุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน”นายธนกรกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ครม. เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ครอบคลุม 21 ล้านไร่ วงเงิน 2.3 พันล้านบาท

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอ ดังนี้ ให้ความเห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี