ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยแล้ว 'ไพบูลย์ นิติตะวัน' ยังไม่สิ้นสภาพความเป็น ส.ส. หลังเจ้าตัวยุบพรรคประชาชนปฏิรูป เข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ
20 ต.ค.2564 - เวลา 15.21 ที่ศาลรัฐธรรมนูญ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาเพื่ออ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพส.ส.ของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(10) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่
จากกรณีที่ นายไพบูลย์ หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป และส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคประชาชนปฏิรูป ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ หลังจากที่พรรคประชาชนปฏิรูป สิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 91 วรรคหนึ่ง (7) ทั้งที่ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปอยู่จนกว่าการชำระบัญชีจะแล้วเสร็จ และมิได้เป็นผู้มีชื่อในบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ ที่ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนปิดการรับสมัครเลือกตั้ง เป็นเหตุให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลงหรือไม่
นายวิรุฬห์ แสงเทียน ตุลาการศาล อ่านคำวินิจฉัยว่า ตามเอกสารที่เกี่ยวข้องปรากกฎว่า นายไพบูลย์เป็นหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป(ปชช.)ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปนายไพบูลย์ได้เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค เมื่อวันที่ 4 ส.ค.62 พรรคประชาชนปฏิรูปได้มีการประชุมกรรมการบริหารพรรคและมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เลิกพรรคประชาชนปฏิรูปและให้แจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองต่อไป นายไพบูลย์มีหนังสือลงวันที่ 5 ส.ค.62 แจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคปชช.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เลิกพรรค ตามข้อบังคับพรรคปชช. 61 ข้อ1 22 นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบข้อเท็จจริงเสนอกกต. ซึ่งกกต.ได้พิจารณาและประกาศการสิ้นสภาพการเป็นพรรคการเมืองของพรรคประชาชนปฏิรูปในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 ก.ย.62 ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ก.ย.62 นายไพบูลย์ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
และเมื่อวันที่ 7 ต.ค.62 หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้แจ้งจำนวนสมาชิกพรรค ตามมาตรา 25 วรรคสอง ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง และนายทะเบียนฯได้มีหนังสือลงวันที่ 17 ต.ค.62 แจ้งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่านายไพบูลย์ เข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว
มีข้อพิจารณาเบื้องต้นว่า การสิ้นสภาการเป็นพรรคการเมืองของพรรคประชาชนปฏิรูปชอบด้วยพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง60 มาตรา 91วรรคหนึ่ง(7) ประกอบวรรคสี่หรือไม่
เห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าคณะกรรมการบริหารพรรคปชช.ได้ประชุมและมีมติเอกฉันท์ให้เลิกพรรค ตามข้อบังคับพรรค โดยเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการที่กำหนดในข้อ 54
กล่าวคือ มีกรรมการบริหารพรรคเมืองมาประชุมจำนวน 16 คนซึ่งไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่มีอยู่ ในขณะนั้นคือ 29 คน และกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่มาประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ทั้ง 16 คน จึงเป็นเสียงข้างมากของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองตามข้อ 55 มติของคณะกรรมการบริหารที่ให้เพิกถอนพรรคปชช.จึงเป็นไปโดยชอบตามข้อ 122 ประกอบกับข้อ 54 ข้อ 55 โดยมีเหตุผลให้เลิกพรรคปชช.ว่า เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคปชช.หลายคนลาออกและอีกหลายคนกำลังจะลาออก รวมทั้งขากบุคลากรสนับสนุนจึงไม่สามารถดำเนินกิจการพรรคไปได้
เมื่อแจ้งให้นายทะเบียนพรรคการเมือทราบจึงดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่ พ.ร.ป.ว่าพรรคการเมืองมาตรา91วรรคสองให้กรรการบิหารพรรคการเมืองผู้เข้าร่วมประชุมลงมติครั้งนั้นให้ถ้อยคำต่อนายทะเบียนฯแล้ว ปรากฏว่า 15 ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่าให้เลิกพรรคปชช. ด้วยเหตุดังกล่าวจริง ส่วนอีกหนึ่งคนอยู่ระหว่าเดินทางประต่างประเทศ นายทะเบียนจึงเสนอให้กกต.พิจารณา และมีมติเป็นเอกฉันท์โยประกาศให้สิ้นสภาพ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 6 ก.ย. 62 การสิ้นสภาพของพรรคปชช.จึงเป็นไปโดยชอบ
ส่วนข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่าการเลิกพรรคปชช.ตามข้อบังคับพรรค อันเป็นเหตุให้พรรคปชช.สิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองตามประกาศของกกต. เป็นการกระทำของผู้ถูกร้องที่มีเจตนาซ่อนเร้น อาศัยมติของคณะกรรมกาบริหารพรรค ซึ่งตนเป็นหัวหน้าพรรคมีอำนาจเหนือกว่าคณะกรรมการบริหารพรรค เห็นว่าไม่มีข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานใด แสดงให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเป็นไปตามที่กล่าวอ้าง
เมื่อพรรคปชช.เลิกตามข้อบังคับพรรคปชช.2561 ข้อ 122 และกกต.ประกาศการสิ้นสภาพพรรคปชช.ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 6 ก.ย.62 มีผลให้พรรคปชช.สิ้นสุดลงตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง60 มาตรา 90(1)วรรคหนึ่ง 91 วรรคหนึ่ง(7) ทำให้สมาชิกภาพพรรคสิ้นสุดลงตามมาตราดังกล่าว เมื่อพรรคปชช.สิ้นสุดการเป็นพรรคการเมืองตามข้อบังคับพรรคข้อ 122 เมื่อวันที่ 6 ก.ย.62
แต่เมื่อผู้ถูกร้องเป็น ส.ส. จึงได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 101(10) ประกอบพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 91 วรรคสี่ ที่บัญญัติไว้ว่าการสิ้นสภาพรรคการเมืองตามมาตรานี้ เป็นการถูกยุบพรรคการเมืองโดยมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองสมาชิกภาพส.ส.ที่จะได้รับผลกระทบจากการที่พรรคการเมืองนั้นสิ้นสภาพ อันเป็นหลักการเดียวกับการคุ้มครองส.ส. ที่สังกัดพรรคการเมืองที่ถูกยุบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(10)
ดังนั้นสมาชิกพรรคการเมืองที่สิ้นสภาพตามมาตรา 91 เพื่อคงการเป็นส.ส.จึงต้องสมัครเข้าพรรคการเมืองอื่น นับแต่วันที่พรรคการเมืองนั้นสิ้นสภาพ ผู้ถูกร้องจึงสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นภายใน 60 วันนับแต่วันที่พรรคนั้นสิ้นสภาพได้
ในคดีนี้วันที่ 6 ก.ย.62 ซึ่งเป็นวันที่พรรคปชช.สิ้นสภาพการเป็นพรรคการเมือง เมื่อข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกร้องสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ 9 ก.ย.62 ซึ่งเป็นระยะเวลาภายใน 60 วัน นับแต่พรรคปชช.สิ้นสภาพการเป็นพรรคการเมือง
สำหนรับของผู้ร้องที่ว่าผู้ถูกร้องเป็นหัวหน้าพรรคปชช.ต้องอยู่ชำระบัญชีจนเสร็จสิ้นตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 95 ที่ระบุว่า หัวหน้าพรรคการเมืองต้องส่งบัญชี และงบแสดงฐานะทางการเงิน รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับการเงินของพรรคการเมืองภายใน 30 วันนับแต่วันที่พรรคการเมืองสิ้นสภาพหรือยุบ และวรรคสองกำหนดให้หัวหน้าพรรคการเมืองยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่จนกว่าการชำระบัญชีจะแล้วเสร็จ แต่จะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในนามพรรคการเมืองที่สิ้นสภาพหรือยุบมิได้นั้น
เห็นว่า บทบัญญัติมาตราดังกล่าวเป็นการกำหนดหน้าที่ของหัวหน้าพรรคการเมืองที่สิ้นสภาพหรือยุบให้ต้องปฏิบัติจนกว่าการชำระบัญชีระแล้วเสร็จ โดยมีหน้าที่ให้ข้อมูลส่งบัญชี งบดุล และเอกสารเกี่ยวกับการเงินภายใน 30 วันนับแต่วันที่พรรคการเมืองสิ้นสภาพหรือยุบ และห้ามมิให้หัวหน้าพรพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในนายพรรคการเมืองที่สิ้นสภาพ แต่ไม่ห้ามดำเนินกิจกรรมในนามพรรคการเมืองอื่น
ส่วนข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่า ผู้ถูกร้องไม่ใช่บุคคลที่มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.พลังประชารัฐ ที่ยื่นต่อกกต.เมื่อตอนเลือกตั้ง ผู้ถูกร้องจึงไม่สามารถเป็นส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐได้
เห็นว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 90 เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับจัดทำบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองในการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง และมาตรา 91 (5) กำหนดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ที่ได้มาซึ่งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง โดยมีวัตถุประสงค์ ใช้บังคับที่อยู่ระหว่างจัดการเลือกตั้งและประกาศผลการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นคนละกรณีกับการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่น รัฐธรรมนูญตามาตรา 101(10 )ประกอบพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 91วรรคหนึ่ง(7) และมาตรา 91 วรรคสี่ ที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งที่ผู้ร้องได้รับการประกาศให้เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อแล้ว
เหตุดังกล่าวข้างต้นศาลรัฐธรรมนูญโดยเสียงข้างมาก จึงวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพความเป็นส.ส.ของนายไพบูลย์ ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 101 (10) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (5)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คนเสื้อแดงแห่รับ 'ทักษิณ' เตรียมปราศรัยหาเสียงนายกอบจ. วันเดียว 3 เวที
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ของนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายก
ย้อนวิบาก...3ป.67 ปิดฉาก...ก้าวไกล เปลี่ยน...นายกฯ เปิด...ระบอบทักษิณ I อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร
อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 04 มกราคม 2568
'หัวหน้าเท้ง' มั่นใจสู้คดี 44 สส. ยื่นแก้ ม.112 แต่หากถูกตัดสิทธิยังมีดาวเด่นอีกหลายคน
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีจริยธรรมของ 44 สส. อดีตพรรคก้าวไกล ว่า ทีมกฎหมายได้เตรียมการไว้อย่างดี และตนยังอยากให้ทุกคนกลับมาย้อนคิดอีกครั้ง อยากให้ทุกคนย้อนกลับมาคิดอีกครั้งว่าที่มาที่ไปของปัญหานี้เกิดจาก ก
'วันนอร์' ชี้นักการเมืองไม่ใช่อาชญากร บทลงโทษไม่ควรรุนแรงถึงขั้นตัดสิทธิ-ยุบพรรค
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีสถานการณ์การเมืองปี 2568 มีโอกาสเกิดคดีความที่นำมาสู่การยุบพรรคการเมือง และตัดสิทธิ สส. ว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับองค์กรที่มีหน้าที่วินิจฉัย
'ชูศักดิ์' ดักคอฝ่ายค้านยื่นซักฟอก บอกปม 'ชั้น14-MOU44' คุยนานแล้วไม่มีน้ำหนัก
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบมีการลงมติตามมาตรา 151 ในสมัยประชุมนี้ว่า ถือเป็นสิทธิของฝ่ายค้าน แต่ตนคิดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นขึ้นอยู่กับประเด็น
เชือดนิ่มแต่เจ็บจี๊ด! 'นิพิฏฐ์' ตอกกลับ 'เด็จพี่-พายัพ' ตำหนิ 'ชวน หลีกภัย'
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ โพสต์เฟซบุ๊กว่า สันดานเดียวกัน คบกันได้ ผมอ่านข่าว นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ และ นายพายัพ ปั้นเกตุ ออกมาวิจารณ์ท่านชวน