‘พท.’ เย้ยซ้ำผลเลือกตั้ง กทม. สะท้อนหมดเวลา ‘บิ๊กตู่’ บริหารประเทศล้มเหลว

เพื่อไทย ได้ทีขย่มหนักเย้ยผลการเลือกตั้งกทม. หมดเวลา ประยุทธ์ บริหารล้มเหลว สารพัดปัญหา ขออย่าอยู่ถ่วงพัฒนาประเทศ

31 ม.ค.2565-นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหารและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงลการเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร เขต 9 จตุจักร-หลักสี่ว่า นายสุรชาติ เทียนทอง พรรคเพื่อไทยชนะขาด ด้วยคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ 29,416 คะแนน ตามมาด้วยพรรคก้าวไกล 20,361 คะแนนในขณะที่พรรคพลังประชารัฐคะแนนถูกทิ้งขาดไม่เห็นฝุ่นโดยได้เพียง 7,906 คะแนนเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าคนกรุงเทพฯ รวมถึงคนไทยส่วนใหญ่รับไม่ได้แล้วกับการบริหารที่ล้มเหลวของพลเอกประยุทธ์ ยิ่งบริหารประเทศยิ่งเสื่อมถอย ยิ่งบริหารประเทศยิ่งมีหนี้ล้น ประชาชนยิ่งมีหนี้ท่วม คนส่วนใหญ่จนลงและเป็นหนี้เพิ่มขึ้นมากกันหมด ประชาชนต้องประสพกับภาวะข้าวยากหมากแพง สินค้าแพงขึ้นแทบทุกชนิด แต่รายได้ประชาชนกลับลดลง

“ผู้นำคิดได้แค่กู้เงินมาแจกเท่านั้น พอเงินไม่พอก็จะมาขึ้นภาษีหลายประเภท เช่นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะเก็บเพิ่ม 10 เท่า ภาษีหุ้น ภาษีคริปโต ฯลฯ เพื่อเบียดเบียนประชาชนที่กำลังลำบากกันอยู่แล้ว ยังไม่นับภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่เก็บมหาโหด ถึงลิตรละ 5.99 บาท ที่เก็บตอนราคาน้ำมันลดลงมาก แต่พอน้ำมันราคาขึ้นกลับไม่ยอมลดการเก็บภาษี อีกทั้งในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ขนาดนี้ ยังคิดจะไปซื้อเครื่องบินรบ F35 และอาวุธอื่นๆกันอีก ทำเหมือนไม่สำนึกและไม่รู้สึกตัวเลย แถมการทุจริตคอรัปชั่นเพิ่มขึ้นตลอดโดยล่าสุดดัชนีคอรัปชั่นของไทยหล่นไปอยู่อันดับที่ 110 จาก 180ประเทศ อันดับคอรัปชั่นของไทยหล่นลงมาตลอด 5 ปีซ้อนจากอันดับ 96 ในปี 2560”

นายพชร กล่าวว่า  ผลของการลงคะแนนจะเห็นได้ว่าพรรคเพื่อไทยมาอันดับ 1 และ พรรคก้าวไกลมาอันดับ 2  ซึ่งเป็นพรรคฝั่งประชาธิปไตย รวมคะแนนเสียงแบบไม่เป็นทางการแล้วมีถึง 49,777 คะแนน โดยทิ้งห่างพรรคที่เชียร์พลเอกประยุทธ์อย่างมาก แสดงถึงเจตนารมณ์ของคนกรุงเทพมหานครที่อยากเห็นประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งอยากส่งสัญญาณไปถึง สมาชิกวุฒิสภาว่า สมควรจะต้องพิจารณาตัวเองยกเลิกการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีและให้เสียงจากตัวแทนที่ประชาชนเลือกมาเท่านั้นเป็นผู้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเพื่อบริหารประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยมีการปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพื่อฟื้นความมั่นใจของต่างประเทศที่ยังไม่เชื่อมั่นและยังไม่ยอมมาลงทุนในประเทศไทย

“ผลของการเลือกตั้งซ่อมกรุงเทพมหานครเขต 9 นี้ เป็นการส่งสัญญาณเตือนไปถึงพลเอกประยุทธ์แล้วว่าพลเอกประยุทธ์หมดเวลาที่จะบริหารประเทศนี้แล้ว ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้พลเอกประยุทธ์บริหารต่อไปแล้ว ประชาชนเอือมระอากับความล้มเหลวซ้ำซากตลอด 7 ปี ประชาชนต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงเข้ามาบริหารประเทศ เพื่อให้ประเทศก้าวหน้าต่อไปได้ พลเอกประยุทธ์อย่าได้ถ่วงการพัฒนาของประเทศนี้อีกต่อไปเลย 7 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยก็ล้าหลังอย่างมากแล้ว และ ควรจะยุบสภาแล้วจัดการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วได้แล้ว เพื่ออนาคตที่ดีขึ้นของประเทศไทย เพราะถึงพลเอกประยุทธ์จะพยายามลากอยู่ต่อไป พลเอกประยุทธ์ก็จะแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ อีกทั้งความขัดแย้งในฝั่งรัฐบาลเองก็จะมากขึ้น สุดท้ายก็จะไปไม่รอดอยู่ดี”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เทวดาแม้วของขึ้น! เปิดศึกขาประจำกว่า 10 คน รวม ‘แก้วสรร-แฝดน้อง‘

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พ่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงฉายา “ทวีไอพี” ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการ

'ทักษิณ' ถึงเชียงใหม่ ช่วยหาเสียงนายก อบจ. 'สว.ก๊อง' คึกมั่นใจชนะล้านเปอร์เซ็นต์

'ทักษิณ' ถึงเชียงใหม่ 'เจ๊แดง-สมชาย-พิชัย' ต้อนรับ แวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านมิชเชอร์ลิน 7 ปีซ้อน ก่อนช่วงเย็นขึ้นปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ. 'สว.ก๊อง' ลั่นมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์

'อิ๊งค์' ยิ้มร่ารับฉายา 'รัฐบาลพ่อเลี้ยง' แซวตัวเอง 'แพทองแพด' แฮปปี้ไม่เกลียดใคร

'นายกฯอิ๊งค์' ยิ้มแย้ม ไม่โกรธฉายา 'รัฐบาลพ่อเลี้ยง' ขอมองมุมดี พ่อมีประสบการณ์เพียบช่วยหนุน หยอกสื่อกลับ 'แพทองแพด' ไม่ใช่แพทองโพย บอกไม่ค่อยเกลียดใครมันเหนื่อย แฮปปี้เข้าไว้

'เท้ง' ลุ้น! ฉายาผู้นำฝ่ายค้าน เมินตอบ 'รัฐบาลพ่อเลี้ยง-แพทองโพย'

'เท้ง' ยิ้ม ปัดให้ความเห็น 'ฉายารัฐบาล-นายกฯ' บอกอยากฟังของตัวเองมากกว่า ชี้สื่อทำเนียบ-รัฐสภามีสิทธิ์ตั้งคำถาม พร้อมรับมาสะท้อนปรับปรุงการทำงาน

'รัฐบาลพ่อเลี้ยง' ฉายารัฐบาลปี67 นายกฯ'แพทองโพย' อนุทิน'ภูมิใจขวาง' วาทะแห่งปี'สามีเป็นคนใต้'

สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายาปี 67 'รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง' ส่วนฉายานายกฯ 'แพทองโพย' 7 รมต.ติดโผ 'บิ๊กอ้วน-อนุทิน-ทวี' พ่วง 3 รมต.โลกลืม

เหลียวหลังแลหน้า การเมืองไทย จาก 2567 สู่ 2568 ส่องจุดจบ ระบอบทักษิณภาค 2

รายการ"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด"สัมภาษณ์ นักวิชาการ-นักการเมือง สองคน เพื่อมา"เหลียวหลังการเมืองไทยปี 2567 และแลไปข้างหน้า