นายกฯ อิ๊งค์ตอบกระทู้สภาเหมือนร่ายผลงานก่อนชิ่งกลับทันที

'นายกฯ อิ๊งค์' ตอบกระทู้ในสภาครั้งแรก ร่ายผลงานปราบคอลเซ็นเตอร์ ด้าน 'ณัฐพงษ์' ข้องใจ ทำไมตอบกระทู้สด แค่ สส.รัฐบาล แล้วลุกหนีไม่ตอบกระทู้ฝ่ายค้าน ขณะที่ 'สส.เพื่อไทย' ฮือประท้วงให้ถอนคำพูด

27 ก.พ.2568 - นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี เรื่องการแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาตอบกระทู้ถามต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรด้วยตนเอง และถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมา

โดยนายอัครเดช ตั้งคำถามว่า จากการลงพื้นที่จังหวัดตาก สำรวจเขตแดนที่ดูแลโดยกองกำลัง BGF และเป็นแหล่งของอาชญากรรมหลายอย่าง ทั้งคอลเซนเตอร์ และขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองเพิ่งได้เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน และได้ยกวาระการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติหารือทวิภาคีระหว่างไทยและจีน ถือเป็นวิสัยทัศน์ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรี จึงขอสอบถามว่า ปัญหาดังกล่าวสร้างความเสียหายให้ประชาชนเป็นวงกว้าง รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างไรบ้าง

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า ตั้งแต่ก่อนเป็นนายกรัฐมนตรี ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ เป็นปัญหาที่แพร่หลายในทุกสังคม ตลอดจนทั่วโลก และเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าตนได้รับข่าวสารมากมายเหมือนประชาชนทุกคน ว่ามีบางคนหมดเนื้อหมดตัว บางคนถึงขั้นจบชีวิต รวมถึงเกิดการทำร้ายคนอื่น เพื่อนำเงินมาแก้หนี้ จนนำไปสู่เรื่องปัญหายาเสพติด และความไม่สงบในหลายประเด็น เมื่อเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้มีการสั่งงานหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อช่วยกันดูแลเรื่องนี้อย่างบูรณาการ เนื่องจากเราไม่สามารถทำได้โดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง รวมถึงการคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อขอความร่วมมือ ซึ่งจะต้องใช้รัฐบาลกับรัฐบาลหารือ เพื่อหาทางออกร่วมกัน

ที่ผ่านมารัฐบาล ได้มีการจัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ (AOC 1441) เพื่อเป็นศูนย์กลางบูรณาการการทำงานทั้งหมด ในการรับแจ้งเหตุตลอด 24 ชม. ซึ่งสามารถระงับบัญชีที่ทำการหลอกลวง หรือบัญชีม้าได้ทันที เพื่อช่วยระงับความเสียหายได้อย่างรวดเร็ว และมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีมาตรการให้ธนาคารตรวจสอบการเปิดบัญชีใหม่ด้วย

สำหรับเรื่องซิมม้า ที่มักถูกใช้เป็นเครื่องมือหลักในการก่ออาชญากรรมออนไลน์ มีการเตรียมมาตรการกำหนดให้ ผู้ถือครองที่สามารถยืนยันตัวตนได้ คนละไม่เกิน 6 หมายเลข และมีการระงับซึมที่ต้องสงสัยว่ามีการใช้งานผิดปกติไปแล้ว รวมถึงมีการติดตามต่อว่ามีการเปิดอีกหรือไม่

นอกจากนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการตรวจสอบบัญชีสำหรับผู้ที่ใช้โมบายแบงก์กิ้ง ให้มีการยืนยันตัวตนด้วยเช่นกัน หากไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ก็จะถูกปิดไป

ขณะนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างรอการร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ เป็นการเพิ่มอำนาจให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับกำหนดให้ผู้ที่มีความรับผิดชอบข้อมูลประชาชน หรือคนที่นำไปขายให้กับมิจฉาชีพมีความผิด มีการกำหนดให้ผู้ให้บริการทางโทรศัพท์ ธนาคาร ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ต้องมีบทลงโทษ และรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อบูรณาการกันในทุกส่วน ไม่เช่นนั้น หากรัฐบาลสนับสนุนเรื่องนี้ ตำรวจช่วยกันจับไป แต่ไม่มีใครที่จะรับผิดชอบต่อความเสียหายเหล่านี้ ก็จะไม่เกิดความร่วมมือกันอย่างบูรณาการ

น.ส.แพทองธาร ระบุว่า รัฐบาลยังมีการสั่งการให้กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง ในการประกาศซีลพื้นที่ตลอดแนวชายแดน เสริมกำลังทหาร และตำรวจ รวมถึงฝ่ายปกครอง เพื่อเน้นให้เกิดการแก้ไขเข้มข้นมากยิ่งขึ้น มีการจับกุมขบวนการลักลอบค้ามนุษย์ผ่านแดนไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตรวจค้นทำลายแหล่งส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปยังประเทศเพื่อนบ้านแบบผิดกฎหมาย

ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ สั่งให้มีการประสานงานกับประเทศอื่นๆ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระหว่างประเทศด้วย ยกตัวอย่าง กรณีจีน เป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะเกิดความช่วยเหลือแบบไตรภาคี ระหว่างเมียนมา จีน และไทย ซึ่งจีนนั้น ก็ได้มีการเสนอความช่วยเหลือเข้ามา และหน่วยงานของเราก็มีความแข็งแรงอย่างมาก จึงขอเพียงความร่วมมือให้ทำงานร่วมกัน ย้ำว่า เราดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่มาก สำหรับผู้ต้องสงสัยที่มีการจับกุมมาได้นั้น เราได้มีการคัดกรอง และส่งตัวเข้ากระบวนการทางกฎหมาย โดยกำหนดกลไกการคัดกรองอย่างเคร่งครัด รวมถึงมีการเก็บข้อมูลแบบไบโอเมทริกซ์ เพื่อนำมาใช้เป็นฐานข้อมูลติดตามระมัดระวังต่อไปในอนาคต

น.ส.แพทองธาร ย้ำว่า การแก้ไขปัญหาที่ส่งผลอย่างมาก คือ การทำลายฐานที่มั่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างการตัดไฟ หยุดส่งน้ำมัน ในพื้นที่ชายแดนระหว่างไทย-เมียนมา ยืนยันว่า ตนให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และได้มีการสั่งการเพื่อให้เกิดผลโดยทันที ซึ่งตัวเลขที่ปรากฏออกมา ก็ชัดเจนว่ามีจำนวนที่ลดลงเป็นอย่างมาก เมื่อเป็นไปได้ยาก จึงทำให้ต้นทุนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากขึ้น ถือว่ารัฐบาลได้รับความร่วมมือ และทำให้เกิดผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า ขอรับข้อเสนอแนะ และความเห็นอื่นๆ เพื่อนำไปแก้ไขเพิ่มเติมต่อไป พร้อมเปิดเผยว่า ในวันที่ 28 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ตนจะลงพื้นที่ จ.สระแก้ว เพื่อติดตามสิ่งที่ได้สั่งการไปก่อนหน้านี้ และสั่งการดำเนินการทั้งหมด ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ ได้ผลเป็นอย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้เกิดความเสียหายกว่า 100 ล้านบาทต่อวัน ขณะนี้ลดลงเหลือ 50 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งถือว่ายังมากอยู่ จึงมีความตั้งใจอย่างมากที่จะทำให้ตัวเลขลดลงเรื่อยๆ และหากได้รับความช่วยเหลืออย่างบูรณาการแบบนี้ ตนเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า คอลเซ็นเตอร์จะต้องหมดไปจากประเทศไทยในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน

น.ส.แพทองธาร ชี้แจงถึงเรื่องผู้มีอิทธิพลต่างๆ ว่า ตนทราบดีถึงเรื่องนี้ และขอให้คำมั่นกับสภาฯ จะจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง และขอให้ทุกคนมั่นใจ ไม่ว่าใคร ตำแหน่งสูงใหญ่อะไรแค่ไหนก็ตาม หากทำผิดในเรื่องดังกล่าว คือทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยเดือดร้อน ตนจะจัดการอย่างเด็ดขาด และมั่นใจว่าจะทำได้อย่างเต็มที่แน่นอน

“ดิฉันเป็นนายกฯ ของคนไทย ดิฉันต้องดูแลคนไทยก่อน นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด แน่นอนว่า ทั้งเรื่องคอลเซ็นเตอร์ และยาเสพติด รัฐบาลเราไม่จบไม่เลิกแน่นอน” น.ส.แพทองธารทิ้งท้าย

ทั้งนี้ ภายหลังจากนางสาวแพทองธารชี้แจงจบ มีเสียงปรบมือจากสภาฯ ที่แสดงความชื่นชมด้วย

จากนั้น ได้เข้าสู่วาระกระทู้ถามทั่วไป ซึ่งเป็นคำถาม นายภูริวรรธภ์ ใจสำราญ สส.กทม. พรรคประชาชน เรื่อง แนวทางแก้ไขปัญหา ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย

แต่นายกรัฐมนตรีได้ออกจากห้องประชุมสภาฯ ไปก่อน และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ซึ่งเป็นประธานการประชุมในขณะนั้น ระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ตอบกระทู้

ทำให้ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ได้ลุกขึ้นหารือว่า เมื่อสักครู่นายกรัฐมนตรีได้ตอบกระทู้ถามสดไปแล้ว ซึ่งตอบได้ค่อนข้างดี แต่กระทู้ถามทั่วไปที่ได้ตั้งถามมาหลายเดือนแล้ว นายกรัฐมนตรีเอง ก็ชูธงนโยบายด้าน Soft Power จึงเป็นที่น่าเสียดายที่นายกรัฐมนตรีมาถึงที่ประชุมสภาฯ แล้วก็ได้ลุกหนี ไม่ยอมตอบกระทู้ถามทั่วไป

ระหว่างนั้น ได้มี สส.พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วง เช่น นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม, ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ, นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส.ศรีษะเกษ ประท้วง และขอให้ดำเนินกลับสู่วาระการประชุมปกติ พร้อมขอให้ถอนคำพูดว่า "ลุกหนี"

ต่อมา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. ได้สอบถามว่า นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการมาตอบกระทู้อีกเมื่อไหร่ เพราะฝ่ายค้านน้อยใจอยากให้มีการตอบกระทู้เหมือนนายอัครเดช ที่ถามแล้วตรงคำตอบ จะได้จัดการตั้งถามให้ตรงเวลา

ทำให้ประธานในที่ประชุม ชี้แจงว่า นายกรัฐมนตรีมีภารกิจมาก กระทู้ถามสดมีความสำคัญ นายกรัฐมนตรีจึงพยายามมาตอบ ตอบได้กระทู้สด 1 เรื่อง ก็ยังดี และต่อไปนายกรัฐมนตรีก็จะมาตอบอีก แต่กระทู้ถามทั่วไปมีหนังสือไปล่วงหน้าแล้ว และนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายผู้เกี่ยวข้องโดยตรง คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ที่ได้เตรียมข้อมูลมาเต็มที่ พร้อมที่จะตอบแล้ว มองว่าเป็นไปตามเงื่อนไขแล้ว จึงขออนุญาตเข้าสู่วาระต่อไป

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ไทย-เนปาล' ลงนามความร่วมมือ 8 ฉบับครอบคลุมแทบทุกด้าน

ไทย-เนปาล ยกระดับความร่วมมือ ลงนาม 8 ฉบับ กระชับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม การค้า อุตสาหกรรม การแพทย์ เกษตรกรรม และการศึกษา

กวาดล้างแก๊งคอลฯชาวไทยตั้งฐานกัมพูชา เชื่อมโยง 1,154 คดี เสียหายกว่า 700 ล้าน

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร./ผอ.ศตคม.ตร.)

‘อิ๊งค์’ ลงพื้นที่ติดตามการค้นหาผู้สูญหาย ตึกสตง.ถล่ม รับปากช่วยทุกชาติเต็มที่

นายกฯ รุดดูความคืบหน้าค้นหาผู้สูญหาย ตึก สตง. ถล่ม ‘ตัวแทนกลุ่มพันธมิตรแรงงานฯ’ คุกเข่าไหว้ขอนายกฯช่วย รับปาก ช่วยทุกสัญชาติเต็มที่

‘นายกฯอิ๊งค์’ ลั่น 2-3 วัน ต้องมีคำตอบเบื้องต้น สาเหตุตึก สตง.ถล่ม

นายกฯ ย้ำตึกสูงผ่านตรวจสอบแล้วเข้าใช้ได้ปกติ พร้อมยืนยันไม่มีละเว้น ปมตึกจตุจักรถล่ม หากพบเหล็กไม่ได้มาตรฐาน ดำเนินการตาม กม.