ดร.ณัฏฐ์ ฟันธง สส.ปชน.ล่าชื่อถอด 'สุชาติ-ประธานป.ป.ช.' โอกาสวืดเป้า!

'ดร.ณัฏฐ์-นักกฎหมายมหาชน' ชี้ปมคลิปลับแก้เกมจริยธรรมร้ายแรง สส.พรรคประชาชนล่ารายชื่อถอดถอน 'สุชาติ' ประธาน ปปช. โอกาสวืด! รธน.ให้อำนาจประธานรัฐสภาใช้ดุลพินิจตีตกคำร้องได้
 
21 ก.พ.2568 - ดร.ณัฏฐ์ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน  แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่ พรรคประชาชน(ปชน.) มีมติรวบรวมรายชื่อ สส.จำนวนหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่อยู่ในสภาเพื่อยื่นถอดถอนนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. กรณีปมคลิปฉาวในการพบกันระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภากับนายสุชาติ เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากอาจเกี่ยวพันกับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นการเข้าไปวิ่งเต้น หรือขอความเห็นคดีความต่าง ๆ หรือไม่นั้น
 
ดร.ณัฏฐ์ กล่าวว่ากลไกรัฐธรรมนูญในการตรวจสอบถ่วงดุลองค์กรอิสระอย่าง ปปช. ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 236 เพื่อตรวจสอบการทำหน้าที่ของ ปปช.และถอดถอนได้  ซึ่งรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ สส.หรือ สว.หรือสมาชิกทั้งสองสภา จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่อยู่ในสภา หรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 20,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อกล่าวหาว่ากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 
 
ดร.ณัฏฐ์ กล่าวว่าที่ผ่านมาไม่เคยเกิดกรณีถอดถอน ปปช. เพิ่งจะพบเห็นกรณี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบตร.ล่ารายชื่อถอดถอนนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช.ในขณะนั้น แต่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ตีตกคำร้องไป ทำให้เกิดข้อถกเถียงในวงกว้างว่า ประธานรัฐสภา มีอำนาจในการตีตกคำร้องหรือไม่ 
 
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญมาตรา 234 วรรคหนึ่ง (1) ระบุไว้ข้อกล่าวหากรณีถอดถอน กรรมการ ป.ป.ช.หลายข้อหาด้วยกัน ได้แก่ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
 
นักกฎหมายมหาชน อธิบายว่า ปมคลิปลับที่เผยแพร่สู่สาธารณะนั้น ข้อเท็จจริงยืนยันได้ว่า มีการพบกันระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ฯกับนายสุชาติ และมีบุคคลที่สามได้แอบบันทึกภาพและเสียงอยู่ด้วยในขณะพูดคุย  ส่วนเจตนาในการปล่อยคลิปลับทางโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นบุคคลดังกล่าวมีเจตนาจงใจปล่อยคลิปเพื่อเจตนาเป้าประสงค์อันใดก็ตาม แต่ทำให้สาธารณชนได้รับรู้ว่า มีเหตุการณ์พบกันจริง แต่ปัญหาว่า ข้อเท็จจริงที่ไปพูดคุยกันกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นเรื่องร้องขอให้ตีตกคำร้องของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หรือไม่ และนายมูหะหมัดนอร์ มะทา จงใจใช้อำนาจในการช่วยเหลือนายสุชาติฯหรือไม่ 
 
"ตรงนี้ที่สังคมให้ความสนใจและเป็นเหตุให้ สส.พรรคประชาชนใช้เหตุการณ์นี้ แก้เกมในคดีจริยธรรมอย่างร้ายแรง ที่กำลังร้อนแรงใน ป.ป.ช."
 
ดร.ณัฏฐ์ กล่าวต่อว่าอย่าลืมว่านายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ที่เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติยังสวมหมวกสส.อีกใบหนึ่ง เป็นสส.สังกัดพรรคประชาชาติ จะโดนหางเลขไปด้วย เพราะอำนาจและหน้าที่ สส.จะต้องปฏิบัติตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้  สส.จะใช้อำนาจและหน้าที่ให้ขัดกันแห่งผลประโยชน์จะกระทำไม่ได้ การสั่งให้คณะกรรมการที่ตนเองตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนที่จะมีความเห็นส่งประธานศาลฎีกา โดยตั้งธงไว้ล่วงหน้าเรียกว่า “จงใจใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญ” ใช้สถานะของตนเอง เข้าไป “แทรกแซง” เพื่อประโยชน์ของนายสุชาติฯ ย่อมกระทำไม่ได้ ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 185 บัญญัติห้ามไว้เด็ดขาด อาจนำไปสู่การถอดถอนได้
 
การแก้เกมของ สส.พรรคพรรคประชาชนในคดี 44 สส.พรรคก้าวไกล(ขณะนั้น) ซึ่งขณะนี้มีสถานะเป็น สส.พรรคประชาชนจำนวน 25 คน อยู่ระหว่าง ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหากรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่ตามรัฐธรรมนูญ ที่ สส.ฝ่ายนิติบัญญัติลงชื่อเสนอแก้ไข มาตรา 112 เป็นการลดทอนพระราชอำนาจ เซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการล้มล้างสถาบันฯฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง นำไปสู่คดีถอดถอนออกจากตำแหน่ง ซึ่งอำนาจองค์กร เป็นอำนาจของ ป.ป.ช.และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดรงตำแหน่งทางการเมือง  
 
แต่ประเด็นปัญหาว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 236 ผู้มีอำนาจส่งต่อให้ประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะกรรมการไต่สวนอิสระว่าคดีมีมูลหรือไม่ เป็นอำนาจเด็ดขาดของ ประธานรัฐสภา โดยรัฐธรรมนูญได้เปิดช่องให้ประธานรัฐสภาใช้ดุลพินิจได้ 
 
อธิบายได้ว่า มาตรา 236 ได้เปิดช่องให้ประธานรัฐสภา ก่อนส่งจะต้องตรวจสบอข้อเท็จจริงตามคำร้องว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ อย่างไร
 
"ไม่ได้หมายความว่า ประธานรัฐสภาจะต้องส่งคำร้องให้ประธานศาลฎีกาในทุกคำร้อง เหตุเพราะรัฐธรรมนูญมาตรานี้ เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งถอดถอน กรรมการ ปปช.จึงให้อำนาจประธานรัฐสภา ใช้ดุลพินิจตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนส่งคำร้องได้"
 
เนื้อหาการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำร้องข้อกล่าวหา ในระดับใดนั้น เพียงแต่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่กล่าวหามีมูลเบื้องต้นหรือไม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติเพียงเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำตามที่ถูกกล่าวหา
 
ที่ผ่านมานายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้ใช้ช่องดุลพินิจเหตุอันควรสงสัยหรือไม่ ตีตกคำร้องของ  พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล มาแล้ว ถามว่าประชาชน สงสัยว่า ประธานรัฐสภามีอำนาจยกคำร้องได้หรือไม่ คำตอบคือ ดุลพินิจในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเป็นอำนาจของประธานรัฐสภา ที่ให้ความเป็นธรรมสองฝ่าย หากพบว่าไม่มีการกระทำตามข้อกล่าวหาย่อมเปิดช่องให้อำนาจประธานรัฐสภาใช้ดุลพินิจเป็นอย่างอื่นได้ คือ สั่งยุติคำร้องได้ ดังนั้น ไม่จำต้องส่งคำร้องไปให้ประธานศาลฎีกาตั้งคณะกรรมการไต่สวนอิสระเพื่อทำความเห็นในมาตรา 237
 
ดร.ณัฏฐ์ ระบุอีกว่า ปัจจุบัน สส.ในสภา มีจำนวน 493 คน ส่วนที่ พรรคประชาชนรวบรวมรายชื่อ สส.หนึ่งในห้า หรือประมาณ 99 คน หากพิจารณาจำนวน สส.พรรคประชาชนมีถึงจำนวน 143 เสียง ย่อมสามารถรวบรวมรายชื่อเข้าถอดถอนได้อยู่แล้ว  
 
ย้ำว่า บทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 236 กำหนดตัวบุคคลผู้มีอำนาจส่งประธานศาลฎีกาเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนอิสระ คือ ประธานรัฐสภา ซึ่งนายมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ถือเป็นพยานบุคคลประจักษ์พยาน รู้เห็นเหตุการณ์และเป็นตัวแปรสำคัญว่า คดีมีมูลในเบื้องต้นหรือไม่ หากยืนยันข้อเท็จจริง ไปพบที่บ้านพักจริง แต่เป็นการพูดคุยกันทั่วไป ไม่มีข้อเท็จจริงวิ่งเต้นขอให้ตีตกคำร้องของ  พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์  เพื่อให้นายสุชาติ ขึ้นนั่งเป็นประธาน ปปช. ย่อมเป็นเหตุให้ประธานรัฐสภาใช้อำนาจสั่งยุติเรื่อง ตีตกคำร้องถอดถอดถอนนายสุชาติ รอบสอง 
 
"เกมเกลือจิ้มเกลือ ถอดถอนนายสุชาติ ประธาน ป.ป.ช.รอบสอง เป็นเพียงเกมของกลุ่ม 25 สส.พรรคประชาชน ที่ใช้ช่องทางนี้ บลัฟกลับเพื่อลดน้ำหนักการทำหน้าที่ของ นายสุชาติ ประธาน ป.ป.ช." ดร.ณัฏฐ์ ระบุและว่า หากพิจารณาจากการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ลงมติให้กระทำเป็นองค์คณะ หาก นายสุชาติ ประธาน ป.ป.ช.เป็นผู้มีส่วนได้เสียและถูกคัดค้าน ย่อมถอนตัวไม่เข้าร่วมเป็นองค์คณะในการพิจารณาคดีจริยธรรมของอดีต 44 สส.ก้าวไกล ได้         
 
ดร.ณัฏฐ์ ชี้ว่า เกมถอดถอนนายสุชาติเป็นเกลือจิ้มเกลือจาก 25 สส.พรรคประชาชนย่อมไม่ได้ผล โอกาสวืดเป้า แต่ได้ผลเฉพาะในทางจิตวิทยา  แต่ในมิติกฎหมายมหาชน ข้อเท็จจริงในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในคดีล้มล้างการปกครองของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล ย่อมเสร็จเด็ดขาดและผูกพันทุกองค์กร ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 211 วรรคสี่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ฝ่ายผู้ร้อง นายธีรยุทธ สุวรรณเกสร ผู้ร้องหยิบนำมาสนับสนุนข้อกล่าวหาในชั้น ปปช.ซึ่งข้อเท็จจริงจะบิดเบือนเป็นอย่างอื่นไม่ได้ และผูกพันองค์กรศาลฎีกา 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พรรคส้ม แซะรัฐบาล รีบคลอดร่าง พ.ร.บ.กาสิโนฯ หลังศึกซักฟอก

พรรคประชาชน แซะรัฐบาล รีบเกิน! คลอดร่าง พ.ร.บ.กาสิโนฯ หลังจบศึกซักฟอก คาดล็อคสเปคใบอนุญาต “สิทธิพล” เผยต้องคุยในพรรค แนะรัฐบาลสร้างความเชื่อมั่น-โปร่งใส

'วิโรจน์' มั่นใจนายกฯออกตั๋ว PN เลี่ยงภาษี เป็นการทำนิติกรรมอำพราง

"วิโรจน์" มองศึกซักฟอกตรงตามแผนที่ฝ่ายค้านคาดหวัง น้อมรับคำวิจารณ์ไปปรับปรุง ไม่กังวลผลลงมติไว้วางใจ ชีวิตต้องทำงานต่อ ย้ำพรุ่งนี้เข้าพบอธิบดีสรรพากร มั่นใจปมตั๋ว PN นายกฯ คือการทำนิติกรรมอำพราง ชี้ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทำได้ หากเป็นประโยชน์กับ ปชช. แต่ต้องประมูลโปร่งใส-ป้องผลกระทบเชิงลบ

วาทะและคำท้า : เมื่อ ’แพทองธาร’ บีบ ‘พรรคประชาชน‘ เปิดตัวเลือกพันธมิตรการเมือง!

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 24-25 มีนาคมที่ผ่านมา ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการ โดยมีระยะเวลาอภิปรายถึง 37 ชั่วโมง และผลการโหวตในเช้าวันที่ 26 มีนาคมไม่ได้พลิกโผแต่อย่างใด

กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ หน้าหงาย! หอการค้า ชี้ไทยเดินตามกฎหมายปมส่งกลับอุยกูร์

นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า ในฐานะคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจติดตามผลกระทบนโยบายเศรษฐกิจและเศรษฐกิจด้านต่างๆซึ่งปัจจุบันสหภาพยุโรปลง

'ประเสริฐ' โวยรัฐบาลจะซื้องูเห่ามาทำไมเมื่อเสียงเกินเยอะแล้ว!

'ประเสริฐ' โต้ สส.ประชาชน โชว์แชทถูกซื้อตัวเป็นงูเห่า บอกไม่จำเป็นรัฐบาลเสียงเกินเยอะอยู่แล้ว ปัดคงตอบศาล รธน. รับพิจารณา 'ภูมิธรรม-ทวี' ชงฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษ