'หมอเปรม' ยันไม่ถอนญัตติส่งศาลฯวินิจฉัย ชี้การเมืองสามก๊ก แก้รธน.ไม่มีทางสำเร็จ

"หมอเปรม" ชี้สภาฯล่ม 2 วันติด แก้รธน.ไปไม่รอด สะท้อนการเมืองแบบ "สามก๊ก" เดินคนละทาง ทำงานใหญ่ไม่สำเร็จ แนะต้องพร้อมใจกันทุกฝ่าย ยันไม่ถอนญัตติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเด็ดขาด

14 ก.พ.2568 - ที่รัฐสภา นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.ผู้เสนอญัตติต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาให้ส่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมล่มเป็นวันที่ 2 ว่า สะท้อนให้เห็นว่าเป็นการเมืองแบบสามก๊กได้ชัดเจนมาก แต่ละก๊ก ไม่ว่าจะเป็นแดง ส้ม น้ำเงิน ต่างก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกัน จึงหาจุดลงตัวร่วมกันยาก ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ต้องอาศัยความพร้อมใจของทุกฝ่ายจะเพียงก๊กใดก๊กหนึ่งหรือเพียง 2 ก๊กทำไม่สำเร็จ ฉะนั้นจึงเป็นเงาสะท้อนว่า ถ้าเมื่อไหร่ทั้งสามก๊กมีการแข่งขันกัน จะไม่สามารถลงเอยด้วยดีได้แม้แต่เรื่องเดียว ยกเว้นจะมีก๊กใดไปร่วมกับอีกก๊กหนึ่งถึงจะพอไปได้

“เหมือนอย่างรัฐบาลมีแดงกับน้ำเงินร่วมกันเป็นรัฐบาล โดยมีส้มเป็นฝ่ายค้าน ถ้าหากว่าแดงฝ่ายเดียว หรือน้ำเงินฝ่ายเดียวก็ไม่สามารถเป็นรัฐบาลได้ หรือส้มฝ่ายเดียวก็เป็นรัฐบาลไม่ได้ อย่างที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลแล้วต้องล้มเหลวไป”นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว

นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การพิจารณารัฐธรรมนูญครั้งนี้ ถือเป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนให้เห็นว่า กฎหมายสูงสุดฉบับนี้ เป็นกฎหมายที่มีความศักดิ์สิทธิ์จริง ใครจะแตะต้อง จะแก้ไข ถ้าไม่ขอความร่วมมือสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่าย ก็จะไม่สามารถแก้ไขได้ ความจริงองค์ประชุม 700 คน แค่ 350 คนก็เป็นองค์ประชุมแล้ว แต่นี่ล่มทั้งสองวันได้อย่างไร สะท้อนถึงการเมืองแบบสามก๊กตราบใดที่ยังไม่หาจุดลงตัวของทั้งสามก๊กไม่ได้การจะทำงานใหญ่อย่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่มีทางสำเร็จ

ยิ่งปล่อยไว้นานไปก็กลายเป็นว่าจะไม่มีทางแก้ไขจุดใดได้เลย ถ้าร่วมมือกันจริง ๆ แก้เฉพาะจุดสำคัญไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ก็คงจะแก้ได้ แต่เมื่อฝ่ายหนึ่งจะแก้ให้ได้ ก็กลายเป็นความแตกต่างทางจุดยืนจึงแก้ไม่สำเร็จ ตรงนี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญให้นักการเมือง ในยุคนี้ต้องเอามาทบทวน ว่าจะเดินหน้าต่อไปหรือยุติ เพราะถ้าประชุมอีกก็ล่มอีก ตราบใดที่ยังไม่มีการเจรจายังถือทิฐิต่อไปก็จะล้มเหลว

นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ยืนยันว่าญัตติที่ตนเสนอ ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด เป็นการแสวงหาทางออกที่ถูกกฎหมายตามคำวินิจฉัย ตนจึงยังไม่ถอนญัตติออกจากวาระการประชุม ขณะนี้มีญัตติค้างในสภาฯ 3 ญัตติคือของเพื่อไทย ของพรรคประชาชน และของตน ญัตติของตนจะเป็นทางออกที่ดี แต่เมื่อเสียงส่วนใหญ่ไม่ให้เลื่อนญัตติก็ยอมรับกติกา ความจริงแพ้เพียงแค่ 28 เสียง อย่างไรก็ตามเมื่อมีการเปิดประชุมใหม่ที่ประชุมเห็นพร้อมต้องการว่า อยากเลื่อนญัตติของตนขึ้นมาพิจารณาใหม่ก็สามารถทำได้ ซึ่งตนถามประธานรัฐสภาแล้ว ประธานฯแจ้งว่าเมื่อประชุมใหม่แล้วพร้อมใจกันพิจารณา เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญก็สามารถทำได้ทันที

“ญัตติของผมถือเป็นญัตติประวัติศาสตร์ ไม่ใช่มีสว.เพียงอย่างเดียวที่มาลงชื่อสนับสนุน แต่มีหลายพรรค ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคกล้าธรรม ก็ร่วมลงชื่อกันมากพอสมควร และยังมีพรรคเล็กอย่างพรรคครูไทยเพื่อประชาชน แม้มีเสียงเดียวก็ยังมาลงชื่อด้วย จึงถือเป็นญัตติที่รวมความเห็นของคนมากมาย ปกติเราจะเห็นว่า 40 สว. เสนอตีความส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญ ส่งถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แต่ญัตตินี้มีทั้งสส.และสว.ลงชื่อร่วมกันถึง 60 คนจึงถือได้ว่าเป็นญัตติที่รอมชอมของทุกฝ่ายเพื่อหาทางออกร่วมกัน”นพ.เปรมศักดิ์กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ธณัชญ์พงศ์' สว.สำรองกลุ่ม 19 เสียบแทน 'สมชาย เล่งหลัก'

หลังศาลรัฐธรมนูญมีมติให้นายสมชาย เล่งหลัก พ้นสมาชิกภาพความเป็น  สว.เหตุถูกศาลฏีกาพิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ทำให้ต้องเลื่อนบัญชีสำรอง สว.ขึ้นมาแทน คือ นายธณัชญ์พงศ์ วงศ์มุลาลี สว.สำรองลำดับที่ 1 กลุ่มที่ 19 กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระหรืออื่นๆ  ในทำนองเดียวกัน ขึ้นมาเป็น  สว.แทน 

ศาลรัฐธรรมนูญ ฟัน 'สมชาย เล่งหลัก' พ้น สว.

ศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำวินิจฉัยเรื่องพิจารณาที่ 38/2563 กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาของนายสมชาย เล่งหลัก

เอาแล้ว! ศาลรธน. มีมติเอกฉันท์รับคำร้อง สว. ยื่นถอดถอน 'ภูมิธรรม-ทวี'

ศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์พิจารณา เรื่องพิจารณาที่ 8/2568 กรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี

ศาลรธน. นัดชี้ชะตา 'สมชาย เล่งหลัก' พ้น สว.

ศาลรัฐธรรมนูญ เตรียมออกนั่งบัลลังค์ อ่านคำวินิจฉัย ในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ส่งเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาของนายสมชาย เล่งหลัก สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 111 (4)ประกอบมาตรา 108 ข.ลักษณะต้องห้าม (1) และมาตรา 38 (5) หรือไม่

'วิโรจน์' ซัดสภาเป็นโรงลิเก หลอกต้มประชาชน ส่งศาลตีความเตะถ่วงแก้รธน.

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายว่า วันนี้ต้องเล่าเรื่องเก่าให้เห็นเส้นเรื่องว่า การยื้อแก้รัฐธรรมนูญนั้น ไม่เกิดประโยชน์ ถ้าเราจำกันได้ หลังรัฐประหาร ปี 2557 สส.จำนวนมากมายหลายพรรคมีท่าทีแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านกลไกของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)