นักวิชาการ มธ. หวังถกแก้ ม.256 เปิดช่องตั้ง สสร. ผ่านวาระแรก คาดปรับ ครม.หลังศึกซักฟอก

นักวิชาการธรรมศาสตร์ เชื่อ รัฐสภาถกแก้ ม.256 เพื่อตั้ง สสร. ใกล้เคียงที่สุดที่จะผ่านวาระแรก ชี้ รับหลักการไปก่อน ค่อยถกรายละเอียดต่อวาระสอง ลั่น ไม่มีเหตุผลให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญอีก เหตุคำวินิจฉัยชัดเจนแล้ว เผย อาจมีการปรับ ครม. หลักศึกซักฟอก เชื่อมั่น “เพื่อไทย” เตรียมการตอบปมชั้น 14 ขณะที่ “ปชน.” จะค้านเต็มที่เพื่อเรียกคะแนนนิยมกลับคืน

11 ก.พ.2568 - จากกรณีที่รัฐสภาจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ในวันที่ 13 – 14 ก.พ. 2568 เพื่อปลดล็อกการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้มีความง่ายขึ้น โดยสาระสำคัญของการแก้ไขครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย และ พรรคประชาชน จะยื่นเสนอให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่ง สสร. จะมีอำนาจพิจารณาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้น รวมถึงยังเสนอให้ตัดเงื่อนไขที่ให้มีเสียงจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) อย่างน้อย 1 ใน 3 หรืออย่างน้อย 67 คน เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ดร.ปุรวิชญ์ วัฒนสุข อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า ความคาดหวังเบื้องต้น คือขอให้ผ่านการพิจารณาในวาระแรกไปก่อน เพราะวาระของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้มีความพยายามที่จะดำเนินการแก้ไขมาตั้งแต่ปี 2563 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 26 ครั้ง โดยผ่านการพิจารณาเพียง 1 ครั้ง ส่วนตัวจึงมองว่าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ในวันที่ 13 – 14 ก.พ. นี้ จะเป็นหมุดหมายสำคัญ และใกล้เคียงที่สุดที่จะผ่านการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อนำไปสู่การจัดตั้ง สสร. เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มีคำวินิจฉัยที่ 4/2564 จากศาลรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ เพราะวรรคท้ายของคำวินิจฉัยที่ 4/2564 จากศาลรัฐธรรมนูญ ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยต้องให้ประชาชนได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงมติเห็นชอบหรือไม่อีกครั้งหนึ่ง” ซึ่งตามคำวินิจฉัยดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดว่าต้องลงประชามติ 2 หรือ 3 ครั้ง พร้อมทั้งยังระบุชัดเจนว่าเป็นอำนาจของรัฐสภาในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

นอกจากนี้ เสียงข้างมากของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 6 คน จากทั้งหมด 9 คน มีคำวินิจฉัยส่วนตนว่าการทำประชามติตลอดกระบวนการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ สามารถทำได้เพียง 2 ครั้ง รวมไปถึงความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอย่าง ศาสตราจารย์ กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ก็ยืนยันในทิศทางเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่เป็นเหตุผลให้ต้องมีประเด็นในการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความ ทั้งเรื่องของอำนาจรัฐสภา และจำนวนครั้งในการทำประชามติเหมือนที่ผ่านมาอีก เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นการยื่นเพื่อถ่วงเวลาหรือเป็นแทคติกเพื่อไม่ให้มีการแก้รัฐธรรมนูญได้ทันในสภาสมัยนี้

“ถ้าจะยื่นไปที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความอีก ก็อาจจะไม่ง่าย เพราะต้องผ่านมติของรัฐสภา ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนปี 2564 ที่ค่อนข้างมีความชัดเจนมากว่าสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ตอนนี้ ค่อนข้างโน้มเอียงและมีฉันทามติว่าจะให้มีการแก้ไขมาตรา 256 เอาเข้าจริงๆแล้ว วันที่ 13 – 14 ก.พ. นี้ เป็นเพียงแค่การรับหลักการ โดยส่วนตัวคิดว่าควรรับไปก่อน และถ้ามีรายละเอียดที่จะต้องปรับ มันสามารถไปพูดคุยกันในชั้นกรรมาธิการได้ในวาระสอง” ดร.ปุรวิชญ์ กล่าว

เมื่อถามต่อถึงกรณีที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าจากการพูดคุยกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงนี้ ดร.ปุรวิชญ์ กล่าวว่า โดยปกติแล้วการปรับ ครม. มักจะทำกันในช่วงหลังจากที่มีการเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ซึ่งส่วนตัวคาดว่า ภายหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะถึงนี้ น่าจะมีการปรับ ครม. อีกครั้งเช่นกัน เพราะช่วง 1 – 2 วันที่ผ่านมา เริ่มมีการปล่อยข่าวโผ ครม. ชุดใหม่มาตามพื้นที่สื่อ ซึ่งสะท้อนว่า เริ่มมีการเขย่าเก้าอี้กันอีกครั้ง และอาจนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงได้

เมื่อถามต่อไปอีกว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะถึงนี้ รัฐบาลจะถูกซักฟอกปม ชั้น 14 หรือไม่ และพรรคเพื่อไทยจะเตรียมรับมืออย่างไร ดร.ปุรวิชญ์ ให้ความเห็นว่า พรรคเพื่อไทย ก็คงจะเตรียมการรับมืออย่างเต็มที่ เพราะปมเรื่องชั้น 14 ได้รับการพูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์มาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เชื่อมั่นว่าพรรคประชาชน จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มกำลังเช่นกัน เพราะนี่คือพื้นที่ในการแสดงบทบาท และโชว์ผลงาน เพื่อเรียกความนิยมจากประชาชน ภายหลังจากที่กระแสพรรคเริ่มแผ่วลงอย่างชัดเจน นับตั้งแต่มีการยุบพรรคก้าวไกล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักวิชาการ มธ. วิเคราะห์นโยบายซี้อหนี้ของทักษิณเป็นไปได้ เตือนระวังดาบสองคม กลายเป็นอุ้มแบงก์

จากกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดตัวแนวคิดใหม่ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนด้วยวิธีการซื้อหนี้

'ผู้มากบารมี' สู่ 'ขุนพลเอก' บิ๊กป้อมเปิดไพ่ซักฟอก สางแค้น-พลิกเกมการเมือง?!

การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ครั้งนี้ไม่เพียงเป็นศึกซักฟอกธรรมดา แต่เป็นการเปิดเกมการเมืองที่มีเดิมพันทั้งอำนาจ, ศักดิ์ศรี, และการทวงบัญชีแค้นที่สะสมจากอดีต

ผ่าข้อเสนอ 'นักวิชาการ มธ.' ตรวจแถว! กสทช. เปิดประมูลคลื่นความถี่ จี้ออกมาตรการคุม 'ผู้มีอำนาจเหนือตลาด'

นักวิชาการธรรมศาสตร์ จับตา “กสทช.” เปิดประมูลคลื่นสากล 6 ย่านความถี่ ทั้งที่มีแนวโน้มผู้ประกอบการเข้าร่วมเพียงแค่ 2 ราย ตั้งคำถามคลื่นกระจุกอยู่กับรายใหญ่และการประมูลแข่งขันกันน้อย เหตุบางคลื่นยังไม่หมดสัญญาแต่เปิดช่องให้ประมูลล่วงหน้าได้ แนะควรกำหนดราคาตั้งต้นประมูลให้ใกล้เคียงราคาประเมิน ไม่ต้องลดเพื่อสร้างแรงจูงใจเหมือนในอดีต ชงคลอดแพกเกจดูแลผู้บริโภค จี้มาตรการกำกับ “ผู้มีอำนาจเหนือตลาด” พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการ MVNO รายเล็ก เพิ่มทางเลือกประชาชน

บุคคลในครอบครัว! เดิมพันใหญ่ศึกซักฟอก เมื่อ 'ดีลแลกประเทศ' ปะทะ 'หลงประเทศ'

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำลังจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2568 แต่แท้จริงแล้ว สงครามความหมายได้เริ่มต้นขึ้นก่อนหน้านั้นแล้ว