'ปชน.' แถลง 'วิกฤต PM 2.5 คือ วิกฤตภาวะผู้นำ' เสนอมาตรการ แก้ไขปัญหาฝุ่นอย่างจริงจัง เชื่อ หาก กทม. ทำได้จะเป็นโรลโมเดลให้พื้นที่อื่น 'ส.ก.บางซื่อ' ยก3เรื่องตบหน้า 'ชัชชาติ' มีอำนาจเต็มสางปัญหา
06 ก.พ.2568 - ที่รัฐสภา พรรคประชาชนแถลง นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย สส. และสภาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ร่วมกันแถลงข่าว “วิกฤต PM 2.5 คือ วิกฤตภาวะผู้นำ” และข้อเสนอเชิงนโยบาย ที่บริเวณดาดฟ้า อาคารรัฐสภา
โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า วันนี้ตนในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชนได้พาเพื่อนสส.และส.ก. ซึ่งเป็นตัวแทนของพ่อแม่พี่น้องประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มาร่วมกันแก้ไขปัญหาและแนะนำข้อเสนอต่อผู้นำประเทศ เนื่องจากเห็นว่า สาเหตุที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เป็นผลมาจากช่องว่างในการบริหารราชการแผ่นดินทั้งในระดับประเทศและในระดับท้องถิ่น จึงต้องหันมาแก้ปัญหาร่วมกันเพื่อพี่น้องประชาชน เพราะปัญหาเรื่องฝุ่นตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. จนถึงวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา พบว่าเป็นช่วงเวลาที่พี่น้องชาวกรุงเทพมหานครต้องอยู่ภายใต้วันที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน ประมาณ 30 กว่าวัน จึงถือเป็นปัญหาวิกฤตอย่างมาก เพราะประชาชนคนไทยไม่ได้เพิ่งรู้จักปัญหานี้ แต่รู้จักมาเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ตนมองว่าการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลตลอด 2 ปีที่ผ่านมา รวมถึงปีที่ 3 ของผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ซึ่งเชื่อว่าถ้ามีการทำงานกันสอดประสานกันในผู้นำ 2 ระดับ เราจะดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้ดีกว่านี้ เพราะหากเทียบในช่วงระยะเวลาเดียวกันตั้งแต่ปี 2567 ถึง 2568 จะพบว่าปัญหาฝุ่นเพิ่มขึ้นถึงมากกว่าเดิมถึง 20% ขณะเดียวกันหากติดตามค่าฝุ่นจะรู้ว่ามีปริมาณเท่ากับการสูบบุหรี่ 1.7 มวน และที่ผ่านมาพรรคประชาชนจึงพยายามแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อพ่อแม่พี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องในทุกระดับ อาทิ การผลักดันพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อากาศสะอาด ที่ขณะนี้อยู่ในรัฐสภา รวมถึงมาตรการอื่นๆ และการตั้งกระทู้ถาม ตลอดจนผลักดันข้อบัญญัติรถเมล์ในอนาคตและข้อบัญญัติเพิ่มพื้นที่สีเขียว เป็นต้น
“ปัญหาฝุ่นไม่ได้กระทบกับประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่กระทบตั้งแต่เด็กในครรภ์จนถึงผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง ยังสร้างมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจนับเป็นมูลค่าราวๆ 2 ล้านล้านบาทต่อปี ดังนั้น ผมคิดว่าเป็นเวลาที่รัฐบาลและผู้บริหารท้องถิ่น จำเป็นที่จะต้องดำเนินมาตรการร่วมกันอย่างจริงจัง อุดช่องว่างที่เกิดในการบริหารระหว่างกัน และเดินหน้าแก้ไขเพื่อประชาชนโดยเร็วที่สุด”นายณัฐพงษ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า ถ้าผู้นำทั้งสองระดับทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่นร่วมมือสอดประสานกันจะสามารถดำเนินมาตรการหลายๆอย่าง เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงขอแนะข้อเสนอเชิงนโยบาย 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มที่ผู้บริหารทั้งสองระดับอาจจะดำเนินการทำแล้วแต่ยังทำไม่เพียงเพียงพอ 2. กลุ่มที่สื่อสารมาแล้วแต่ยังไม่ได้ลงมือทำอย่างจริงจัง และ 3.กลุ่มที่ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการใดๆ ส่วนเรื่องนโยบาย Low emissions zone ในกทม.หลายพื้นที่ยังไม่ครอบคลุม ข้อเสนอคืออยากให้มีการผลักดันมาตรการดังกล่าวให้ครอบคลุมมากขึ้น และเรื่องอำนาจที่ยังไม่มากพอที่รัฐบาลส่วนกลางยังไม่มอบให้กับท้องถิ่น ดังที่กรุงเทพมหานครระบุว่ายังไม่มีอำนาจในการตรวจ จับ ปรับรถควันดำ ซึ่งต้องอาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.การขนส่งทางบก ที่รอการสอดประสานจากรัฐบาลส่วนกลาง
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า เราเสนอว่าพลักดันข้อบัญญัติรถเมล์อนาคต แต่น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้กฤษฎีกาตีความว่ากรุงเทพมหานครไม่มีอำนาจในการดำเนินการทำเอง แต่อย่าลืมว่ายังมีรัฐบาลระดับประเทศมีอำนาจเต็มในการที่จะออกกฎหมายลำดับรองหรือประกาศต่างๆ เพื่อกำหนดให้พื้นที่กทม.ต่อจากนี้อีกกี่ปีต้องใช้รถโดยสารพลังงานสะอาด ส่วนเรื่องปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ที่ทำอย่างไรให้มีการปรับโครงสร้างภาษีให้สอดคล้องกับอายุของรถ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น และการประกาศเขตควบคุมมลพิษ ซึ่งกรุงเทพมหานครยังขาดอำนาจในการจัดการมลพิษในกทม. ให้มากเพียงพอ คือการรอประกาศกรุงเทพมหานครเป็นเขตควบคุมมลพิษ ให้สามารถควบคุมมลพิษจากภาคขนส่ง โรงงานอุตสาหกรรม การเผาภาคการเกษตร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเชื่อว่าหากกรุงเทพมหานครสามารถขจัดปัญหาฝุ่นได้ ก็จะสามารถเป็นโรลโมเดลให้กับพื้นที่อื่นๆต่อไป อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 ก.พ. คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน สภาฯ จะมีการถกแนวการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง
ขณะที่ น.ส.ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก. เขตบางซื่อ พรรคประชาชน กล่าวว่า ที่ผู้ว่าฯกทม.อ้างว่าไม่มีอำนาจเต็มมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่ตนพบว่ามี 3 เรื่องที่ผู้ว่าฯ กทม. มีอำนาจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่กลับใช้ไม่เต็มประสิทธิภาพ 1.มาตรการเขตลดฝุ่นLECที่ห้ามรถบรรทุกเกิน6ล้อที่ไม่ได้ลงทะเบียนกรีนลิสต์เข้ามาวิ่งในโซนกทม.ชั้นใน เป็นจำนวน2วัน ซึ่งผู้ว่าฯกทม.มีอำนาจเต็มตามมาตรา29 ของพ.ร.บป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในการจัดการ แต่เหตุใดถึงประกาศแค่โซนกทม.ชั้นใน ไม่ประกาศทั่วกทม.50เขตที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานเป็นสีแดง โดยผู้ว่าฯกทม.ได้แจ้งว่า ที่บังคับใช้มาตรการLECในกทม.ชั้นใน เพราะมีฝุ่นPM2.5 จากรถยนต์ และรถสาธารณะมากกว่าโซนอื่น แต่หากเราใช้มาตรการLECทั่วกทม. แล้วขยายเวลาจาก2วันเป็น1สัปดาห์ ตนคิดว่าจะสามารถลดฝุ่นได้จำนวนมาก 2.ไม่มีการประกาศมาตรการเวิร์คฟรอมโฮม ทั้งที่ กทม.ประกาศค่าฝุ่นเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้มมาตลอดสัปดาห์ ซึ่งเรื่องนี้ ผู้ว่าฯกทม.ก็มีอำนาจเต็ม ดำเนินการได้เลย ไม่ต้องรออะไร และ3.กรณีที่ผู้ว่าฯกทม.เสนอไปยังรัฐบาลให้ลดเกณฑ์ตรวจค่าทึบแสงควันดำรถยนต์ จาก 30% เหลือ 10% โดยอ้างว่าไม่มีอำนาจ ไม่ทราบว่าได้ดำเนินการให้ลดเหลือ 10% หรือไม่ เนื่องจากยังพบว่ามีควันดำปล่อยออกมาจากรถอยู่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สุริยะใส' วิเคราะห์ 'เพื่อไทย-ปชน.' พันธมิตรทางอุดมการณ์ ขาดสะบั้นแล้วจริงหรือ?
ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กเผยแพร่บทวิเคราะห์ “เพื่อไทย vs พรรคประชาชน: พันธมิตรทางอุดมการณ์
'คปท.' ถาม 'ปชน.' เรื่อง ความถูกต้องของบ้านเมือง เดินต่อหรือไม่ หรือแค่จบในสภา
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) ได้โพสต์เฟสปุ๊กภายหลังที่ประชุมสภาฯลงมติญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ว่า
'เท้ง' มั่นใจศึกอภิปรายไม่เสียของแน่นอน!
'เท้ง' ยันไม่เสียของแน่นอน ซักฟอก 'นายกฯอิ๊งค์' ไม่เป็นผล เตรียมยุทธการโรยเกลือต่อ ไม่ขอประเมินอายุรัฐบาล แต่ถ้า 'แพทองธาร' อยู่ต่อ คนไทยจะอายุสั้นลง
'แพทองธาร' ผ่านฉลุย! 319 เสียงโหวตไว้วางใจ
'นายกฯอิ๊งค์' ผ่านฉลุย คะแนนไว้วางใจ 319 เสียง ให้นั่งนายกฯต่อ
'เท้ง' รับสภาพคุมเสียงฝ่ายค้านไม่ได้!
'เท้ง' รับคุมเสียงฝ่ายค้านไม่ได้! เหตุไม่ใช่หน้าที่ ไม่ปลื้มคำชี้แจง 'นายกฯ-รัฐบาล' รอดูปฏิบัติการเอาคืนจาก 'ทักษิณ' ลั่นไม่กังวลอะไร เตรียมโรยเกลือใส่ 'แพทองธาร' ปมเลี่ยงภาษี-โรงแรมเขาใหญ่
ประมวลวาทะ ‘แพทองธาร’ ย้อนเกล็ดพรรคประชาชน! ท้าประกาศมาจะร่วมไม่ร่วมกับใคร
“แพทองธาร ชินวัตร“ ตอบโต้ข้อกล่าวหาขาดภาวะผู้นำ ถูกพ่อครอบงำ พร้อมเผยดีลทางการเมืองปี 66 และเรียกร้องให้พรรคประชาชน ประกาศจุดยืนทางการเมืองให้ชัดเจนในการเลือกตั้งครั้งหน้า