นักวิชาการชี้เปรี้ยง พท.-ทักษิณ โอกาสสูงกวาดนายกอบจ.เกือบหมด! ส่วนพรรคส้ม ปาดเหงื่อ เสี่ยงร่วงปักธงไม่สำเร็จ แต่สจ.ได้หลายจังหวัด
12 ม.ค. 2568 -ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า นักวิชาการที่ติดตามเรื่องการเมืองท้องถิ่นและการกระจายอำนาจฯ กล่าววิเคราะห์การเลือกตั้งนายกอบจ.47 จังหวัดและสจ.ทั่วประเทศที่จะลงคะแนนเสียงกันในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.นี้โดยประเมินว่า จากที่พรรคเพื่อไทย ส่งผู้สมัครนายกอบจ. ในนามพรรค14 จังหวัดและในนามสมาชิกพรรคเพื่อไทย 2 จังหวัดรวมเป็น 16 จังหวัด และมีนายทักษิณ ชินวัตร ไปช่วยหาเสียงให้หลายจังหวัด ทำให้เชื่อว่า เพื่อไทยน่าจะชนะได้เกือบหมด อาจจะมีลุ้นหนักก็ประมาณ 2-3 จังหวัด เช่น นครพนม ศรีษะเกษ ที่เพื่อไทยชนกับคนในเครือข่ายของพรรคภูมิใจไทย ทำให้เพื่อไทยเหนื่อยพอสมควร จนนายทักษิณ ชินวัตร ต้องลงมาช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงในพื้นที่ด้วยตัวเอง แต่สำหรับจังหวัดที่คนของเพื่อไทย สู้กับผู้สมัครของพรรคประชาชนเป็นหลัก ดูแล้ว ไม่น่ายาก ยิ่งเมื่อถืออำนาจรัฐอยู่ในมือ นายทักษิณ มีลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี เลยได้เปรียบทุกประตู หากบ้านใหญ่บ้านไหนมาขอเปิดดีลกับนายทักษิณจนลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย มันการันตีผลเลือกตั้งได้ บวกกับความเป็นบ้านใหญ่ในแต่ละจังหวัด เมื่อมาได้พลังอำนาจรัฐ และบารมีนายทักษิณมาช่วย มันก็น่าจะชนะได้แน่ ย่อมดีกว่าลงเลือกตั้งท้องถิ่นแล้วต้องมาแข่งกับทีมของนายทักษิณ มันหนักกว่ากันเยอะ
ดร.สติธร กล่าวต่อไปว่า จากที่ได้เห็น การหาเสียงนายกอบจ.ของเพื่อไทย โดยเฉพาะคำปราศรัยของนายทักษิณ ชินวัตร ในหลายเวทีก่อนหน้านี้ พบว่า พรรคเพื่อไทย ต้องการสื่อว่า ท้องถิ่นเองจะทำอะไรไม่ได้มาก หากไม่ได้เชื่อมโยงกับรัฐบาลกลาง ดังนั้นหากเลือกผู้สมัครนายกอบจ.ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาล จะมีประโยชน์กับจังหวัดมากกว่าไปเลือกคนที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับรัฐบาล เพื่อไทย และขณะเดียวกัน เพื่อไทย ก็มองไปถึงผลการเมืองที่ว่าเมื่อชวนให้คนคล้อยตามว่า รัฐบาลกับท้องถิ่น ต้องเชื่อมกัน เขาก็จะประสบความสำเร็จ คือได้ท้องถิ่นมาเป็นฐาน และนำไปต่อยอดในการเลือกตั้งระดับชาติปี 2570 คือเล่นสองต่อเลย เพราะเขาเชื่อว่าหากเล่นเกมบ้านใหญ่ คือ ให้บ้านใหญ่ยึดท้องถิ่นไว้ แล้วก็ให้บ้านใหญ่เป็นฐานไว้สำหรับไปสู้การเมืองระดับชาติต่อไป จากนั้น พอถึงช่วงเลือกตั้งส.ส. พรรคเพื่อไทยค่อยไปสร้างกระแสสู้กับพรรคประชาชน เพราะมีฐานการเมืองท้องถิ่นตุนไว้แล้ว อย่างน้อยๆ เขตเลือกตั้งหนึ่งเขต 15,000 คะแนน ถึง 20,000 คะแนน ต้องมีอยู่แล้ว จากเครือข่ายบ้านใหญ่และเครือข่ายการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ ที่เหลือก็ไปสู้เรื่องกระแสเอาตอนเลือกตั้งใหญ่กับพรรคประชาชนต่อไป
“ที่เพื่อไทยส่งลงสมัครนายกอบจ.ดูแล้วก็น่าจะเกือบๆ ชนะได้ทั้งหมด หากบางจังหวัดจะแพ้ ก็คงแพ้ให้กับภูมิใจไทย ไม่ใช่แพ้ผู้สมัครพรรคประชาชน”ดร.สติธร กล่าว
ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ยังวิเคราะห์ถึงโอกาสของพรรคประชาชน ที่เป็นพรรคก้าวไกลเดิม ในสนามเลือกตั้งนายกอบจ.ครั้งนี้ว่า พรรคประชาชน จะเน้นส่งผู้สมัครนายกอบจ. ในจังหวัดที่ตอนเลือกตั้งส.ส.เมื่อปี 2566 ที่คะแนนของผู้สมัครส.ส.ระบบเขตกับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ทั้งจังหวัด ของพรรคก้าวไกลตอนนั้น มีคะแนนชนะทั้งสองระบบในจังหวัดเป็นหลัก นอกจากนี้พบว่า คาดหวังในจังหวัดขนาดเล็ก เพราะอย่างจังหวัดใหญ่ ที่คะแนนของพรรคก้าวไกลชนะแม้เขาจะส่งคนลงสมัครเช่นกัน แต่ดูแล้วพรรคคาดหวังน้อยกว่าจังหวัดขนาดเล็กที่พรรคชนะทั้งสองระบบ โดยจังหวัดขนาดเล็กดังกล่าวคือจังหวัดที่มีเขตเลือกตั้งไม่มากคือไม่เกินสามเขต เช่น ตราด สมุทรสาคร หรือบางจังหวัดก็อาจมีเหตุผลอื่นเช่น นครนายก ที่พรรคประชาชนได้อดีตนายกอบจ.นครนายกสมัยที่แล้วมาลงสมัคร (จักรพันธ์ จินตนาพากานนท์)ส่วนบางจังหวัด เช่น สมุทรปราการ ที่พรรคประชาชนคาดหวังคงเพราะคิดว่ามีฐานของ”จึงรุ่งเรืองกิจ”อยู่ในจังหวัด และเป็นเมืองอุตสาหกรรม พรรคส้ม เลยมองว่า พวกกลุ่มคนที่ย้ายถิ่นมาที่สมุทรปราการ น่าจะลงคะแนนให้พรรคประชาชนจนน่าจะพอสู้ไหว และบ้านใหญ่ อัศวเหม ก็โรยรา ไม่ได้ส่งคนของตระกูลลงสมัครโดยตรง
ดร.สติธรกล่าวต่อไปว่า ส่วนพื้นที่ภาคใต้ อย่างเช่น ที่พรรคประชาชนส่งผู้สมัครนายกอบจ.ภูเก็ต ซึ่งแม้ตอนเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกลจะชนะส.ส.เขตภูเก็ตยกจังหวัด แต่ถ้าไปดูคะแนนเลือกตั้งพบว่าเป็นเพราะพรรคการเมืองอื่นเขาแย่งกันเยอะ มีทั้งภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ เลยไปตัดคะแนนกันเองรัวๆ พอมารอบนี้ อีกฝั่งเหมือนจะหลบๆให้กัน เพราะรู้ว่าแข่งกันไป ก็เจ็บตัวไปด้วยกัน เลยเหมือนจะไปแบ่งเค้กกันดีกว่า เช่นกลุ่มนี้เอาอบจ.ไปอีกกลุ่มไปรอตอนเลือกตั้งเทศบาล ทำให้รอบนี้ ที่ภูเก็ต พรรคประชาชนก็จะเหนื่อยเพราะไปแข่งกับคู่แข่งที่เหมือนจะแข่งตัวต่อตัว แต่จริงๆ คู่แข่งเขาจับมือกัน มีหลบให้กัน เลยยากกว่าการเลือกตั้งในสนามระดับชาติ
ถามย้ำว่า การเลือกตั้งอบจ.รอบนี้ฟันธงได้ไหมว่า สนามอบจ.รอบนี้ พรรคประชาชนมีโอกาสปักธง จะมีนายกอบจ.ได้เสียที ดร.สติธร กล่าวตอบว่า ฟันธงไปหลายรอบว่า เขาจะไม่ได้เลย ก็เลยไม่อยากฟันใหม่ แม้ว่าพรรคเขาจะมีโอกาส เท่าที่วิเคราะห์ไว้ ซึ่งพอสนามเลือกตั้งอบจ.มันเปิดจริงๆ ที่ผมเคยพูดว่าเขาจะไม่ได้เลย ที่ผมพูดไว้ล่วงหน้าประมาณปีหนึ่งแล้ว แต่พอเปิดสนามมา ก็พอเห็นว่าเขาก็พอมีช่อง มีโอกาสอยู่ แต่ก็โอเค ไหนๆ ก็เคยพูดไว้แล้ว ก็ยืนยันคำเดิม ว่าถึงแม้จะได้ลุ้น แต่ก็ไม่น่าจะได้ แต่เอาจริงๆ ในใจ พรรคประชาชน คงขอสักหนึ่งคน เพราะพรรคประชาชนเชื่อว่า หากชนะจะสามารถเอาไปขยายผลต่อได้เยอะ ได้สักหนึ่งที่ ก็จุดพลุฉลองแล้ว แล้วก็บิวด์กระแสต่อ แต่สำหรับเก้าอี้ สจ.ทั่วประเทศ คาดว่าคนของพรรคประชาชน น่าจะได้หลายที่ กระจายๆไปหลายจังหวัดที่พรรคส่ง แต่ได้มากหรือได้น้อย ต้องไปลุ้นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เทพไท จี้ กกต.คุม ‘ทักษิณ’ ด่วน ปราศรัยผิดกฎหมายเลือกตั้ง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ว่า กกต.จัดระเบียบ “ทักษิณ”ด่วน
คนเชียงใหม่-เชียงราย เผยทักษิณช่วยปราศรัย ไม่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกนายก อบจ.
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “ทักษิณปราศรัยเชียงใหม่ เชียงราย …แล้วเราควรตัดสินใจอย่างไร” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 7-10 มกราคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
เลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด บ้านใหญ่ รอเข้าวิน พท.กวาดเยอะ-พรรคส้ม เสี่ยงร่วง
ยิ่งใกล้ถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือนายก อบจ. พบว่าการหาเสียงของผู้สมัครนายก อบจ.ทั้งที่ลงในนามพรรคการเมือง และไม่ได้ลงในนามพรรค
1ประเทศ2นายกฯ ระวังจบซ้ำรอยเดิม?
มีหลายส่วนในสังคม คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกอึดอัดกับท่าทีของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่พ้นโทษออกมาโดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว แต่ทำตัวเปรียบเหมือนเป็นเจ้าของรัฐบาล
'วรชัย' พูดเต็มปาก! 'ชวน' ไม่ควรว่าทักษิณ ถ้ายังกวาดบ้านตัวเองไม่สะอาด
นายวรชัย เหมะ อดีตสส.สมุทรปราการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำนองว่า ตัวเองเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ไม่โกง
'พิธา' ให้สัมภาษณ์งานแต่งข้ามขั้ว ครม.ครอบครัวสำคัญที่สุดในชีวิต
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางเข้าร่วมงานพิธีสมรสระหว่างนายธนาธร โล่ห์สุนทร สส.ลำปางพรรคเพื่อไทย และนางสาวรภัสสรณ์ นิยะโมสถ สส.ลำปาง พรรคประชาชน