"อิทธิพร" เผยบัตรเลือกตั้งอบจ. เตรียมส่งถึงทั่วประเทศ เตือนผู้สมัคร หลีกเลี่ยงให้เงินแตะเอีย-สิ่งของในช่วงตรุษจีน สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้ง ไม่ฟังธง "ทักษิณ" ช่วยหาเสียงชูนโยบายรบ.เกินอำนาจอบจ.ผิดหรือไม่ อ้างต้องดูที่ละกรณี แนะหาเสียงอยู่ในขอบเขต ไม่ต้องส่งหนังสือเตือน
10 ม.ค.2568 - นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งนายก และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ว่า สำหรับบัตรเลือกตั้งได้จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ในระหว่างการดำเนินการจัดส่งไปยังอบจ.ต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งเราขอให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จัดรถไปขนบัตรที่โรงพิมพ์ โดยกระบวนการก็จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปกับรถขนบัตร รวมถึงมีการนำจีพีเอส ไปติดที่รถ ทำให้ทราบว่ารถคันนั้นได้เดินทางไปถึงไหนแล้ว เมื่อบัตรถูกส่งถึงไปยังอบจ. ก็จะเป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่จะนำไปเก็บไว้ในห้องปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล พร้อมกับมีกล้องวงจรปิดติดตามตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังมีการเตรียมการในเรื่องอื่นๆ อีกทั้งยังมีการพูดคุยกับผู้ที่ทำหน้าที่ในการเลือกตั้ง โดยได้มีการเปิดอบรมพนักงานสืบสวน และคณะกรรมการไต่สวนของกกต.จำนวน 560 คน รวมถึงกำลังจะมีการตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งจะทำหน้าที่ป้องกันป้อมปราบเรื่องการซื้อเสียง และในช่วงใกล้วันเลือกตั้งก็จะมีการอบรมกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ให้เกิดความแม่นยำในการทำหน้าที่ กปน. ถือเป็นหัวใจของความสำเร็จ ซึ่งเราก็ย้ำว่าต้องระมัดระวังในเรื่องไหนบ้าง ส่วนผู้มาใช้สิทธิเราก็ยังตั้งเป้าว่าให้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 โดยจะพยายามประชาสัมพันธ์ ให้ผู้มีสิทธิออกมาใช้สิทธิให้มาก เพราะเป็นการสะท้อนถึงความพร้อมของประชาธิปไตยที่มีรากฐานอันมั่นคงยิ่งขึ้นว่าเริ่มจากท้องถิ่น อย่างไรก็ตามหากไม่ได้ไปใช้สิทธิควรที่จะแจ้งเหตุแห่งการไม่ไปใช้สิทธินั้นด้วย เพื่อไม่ให้ถูกจำกัดสิทธิบางประการเหมือนกับการสมัครอบจ.ครั้งนี้ที่ผู้สมัครหลายคนขาดคุณสมบัติเนื่องจากไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และไม่แจ้งเหตุ
นายอิทธิพร ยังกล่าวถึงเรื่องร้องเรียนเลือกตั้งอบจ.ในขณะนี้ว่า มีอยู่ 30 กว่าเรื่องส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการซื้อสิทธิขายเสียง ส่วนเรื่องการหาเสียงอยากให้แยกเกี่ยวกับการพูดถึงนโยบาย ระดับชาติกับการหาเสียงระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่บางครั้งเชื่อมโยงกันได้ แต่จะเข้าข่ายเป็นการหาเสียงที่ผิดกฎหมายหรือไม่ มีอยู่ 2 ข้อหลัก คือ
1. หาเสียงว่าจะให้หรือเสนอให้ 2. หาเสียงหลอกลวง ซึ่งถ้าหาเสียงว่าจะให้มันก็เข้าข่ายผิดกฎหมายแน่นอนตามมาตรา 65 (1) แต่ถ้าเป็นการหาเสียงหลอกลวงเพราะมันไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของอบจนั้นๆ ก็เข้าข่ายหลอกลวงได้ เพราะฉะนั้นการกล่าวถึงเวลาเราพูดถึงบริบททั่วๆไปบางครั้งกล่าวไปทางนั้นทางนี้ มันจะใช่ถึงขนาดหาเสียงหลอกลวง สัญญาว่าจะให้หรือไม่ ต้องดูบริบทแต่ละอันเป็นรายกรณีไป รวมถึงดูรายละเอียดด้วย
ส่วนข้อควรระวังในการหาเสียงในช่วงเทศกาลตรุษจีนนั้น นายอิทธิพร กล่าวว่าสิ่งที่ควรทำหรือไม่ควรทำนั้น ผู้สมัครได้รับการบรรยายอย่าชัดเจนจาก กกต.จังหวัดผ่านโครงการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ สิ่งที่เป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย เสนอให้ จัดให้ สัญญาว่าจะให้ให้บุคคล ให้ชุมชน องค์กร สถาบัน การจัดเลี้ยง จัดมหรสพ การหาเสียงใส่ร้ายบังคับขู่เข็ญ ผู้สมัครย่อมรู้ดีว่ามีอะไรที่ตนเองทำไม่ได้ และการแจ้งรายชื่อผู้ช่วยหาเสียง ก็มีความสำคัญ เนื่องจากในช่วงหลังก็มีคำร้องเรื่องนี้เพิ่มขึ้น รวมถึงการหาเสียงตามวงเงินที่กำหนด การรายงานค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งให้ครบถ้วน ภายใน 90 วันหลังเลือกตั้ง
นอกจากนี้ก็ยังมีคู่มือผู้สมัคร ที่เป็นคำแนะนำสำหรับผู้สมัครว่าสิ่งใดควรทำไม่ควรทำ ขอให้ศึกษารายละเอียด เพื่อความเข้าใจที่กระจ่างแจ้ง รวมถึงสอบถามมายัง กกต.โดยตรงได้ ส่วนเรื่องเงินแตะเอีย ที่เป็นประเพณีนั้น หากหลีกเลี่ยงได้ ก็ควรจะหลีกเลี่ยง เพราะเสี่ยงในการถูกมองว่าเป็นการให้เงิน ซึ่งเคยเกิดขึ้นหลายกรณีเมื่อมีคำร้อง ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนก็ระบุว่าผู้ถูกร้องให้การว่าไม่ได้ทำเช่นนั้นเพราะตระหนักดีว่ากฎหมายทำไม่ได้ จึงสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องไม่ทำเช่นนั้น
เช่นยุติการให้พวงหรีดในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งหลายคนให้ความร่วมมือ ดังนั้นหากหลีกเลี่ยง ไม่เสี่ยงต่อการถูกตีความไปเช่นนั้นได้ ก็ขอให้อย่าทำในช่วงที่มีการเลือกตั้งเป็นช่วงนี้พอดี ขณะที่กรณีงานแต่งงาน หากเป็นญาติก็คงไม่ถึงขั้นซื้อเสียงกับญาติ เป็นประเพณีปฏิบัติ ก็มีข้อยกเว้นได้เหมือนกัน แต่จุดที่อาจจะเป็นสีเทา อะไรที่เลี่ยงได้ขอให้เลี่ยง หากเป็นสำนวนเข้ามายัง กกต.
ก็ต้องดูข้อเท็จจริงที่ปรากฎ และชี้ว่าตั้งใจหรือเป็นประเพณีปฏิบัติจริงๆ โดยทั่วไปในธรรมเนียมไทย หากญาติแต่งงานก็มีการให้เงินอยู่แล้ว เป็นธรรมดา ส่วนใหญ่ที่จะทำให้เกิดความมั่นใจ ต้องไม่บอกหมายเลข อย่าหาเสียงเลือกตั้ง เพราะจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง
เมื่อถามว่าผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียงจึงควรหาเสียงเฉพาะสิ่งที่อบจ.ทำได้เท่านั้นหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า การที่ผู้สมัครจะเสนอนโยบายที่ตนเองจะเข้าไปปฏิบัติหากได้รับเลือกว่าจะทำงานด้านอะไรบ้าง เพราะอำนาจหน้าที่ของอบจ.ก็มีระบุไว้ในกฎหมายชัดเจน การหาเสียงก็ควรจะมุ่งเน้นในกรอบตรงนั้น จะพูดเลยไปบ้างส่วนตัวมองว่าก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร
เมื่อถามว่าถ้าตามกฎหมายขอบเขตของผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งนั้นมีแค่ไหน นายอิทธิพร กล่าวว่า ผู้ช่วยหาเสียงพูดในนโบายที่ผู้สมัครประสงค์จะนำไปปฏิบัติเมื่อได้รับเลือกตั้ง ซึ่งแน่นอนต้องหาเสียงในนโยบายที่ผู้สมัครเขานำเสนอด้วย เพราะไม่เช่นนั้นถ้าไปหาเสียงแล้วไม่พูดถึงนโยบายที่จะไปทำในจังหวัดนั้นๆ มันก็ไม่ใช่การหาเสียง และจะกระทบต่อการที่จะไม่ได้คะแนนด้วย เช่นไปพูดถึงเรื่องอื่น โดยไม่พูดว่าจะไปทำอะไร ในบริบทที่เป็นงานของตัวเองคะแนนก็อาจจะไม่ค่อยได้
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ากรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปปราศรัยพูดถึงภาพใหญ่ของนโยบายรัฐบาล และหลังจากนั้นรัฐบาลก็รับลูก สามารถทำได้หรือไม่ในเวทีของท้องถิ่น
นายอิทธิพร กล่าวว่า การพูดถึงนโยบายโดยบุคคลใดก็ตามที่เป็นปัญหาเลือกตั้งท้องถิ่น กับการหาเสียงตั้งท้องถิ่น มันเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกันได้แต่จะถึงขั้นผิดหรือไม่ จะให้ตอบตอนนี้คงไม่ได้เพราะจะสับสนและไขว้เขว ฉะนั้นผู้สมัคร ผู้ช่วยหาเสียงก็ต้องมีบทบาทหน้าที่ของตัวเองในการที่จะทำอะไรก็ได้ให้มั่นใจว่าทำไปแล้วไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย
และอย่าลืมว่ามีมาตรา 23 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยกกต.ที่กำหนดว่า พรรคการเมืองหรือผู้สมัครที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายเลือกตั้ง หรือพรรคการเมืองสามารถสอบถามมายังกกต.ได้ ซึ่งกกต.มีหน้าที่ต้องตอบภายใน 30 วัน ซึ่งก็เป็นอีกช่องทางหนึ่ง
แต่ตนก็เชื่อว่าผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียงนั้นตระหนักดี ว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหนเพราะ เพราะตัวอย่างก็มีทำวินิจฉัยที่เรามี ว่าหากเป็นอย่างไร ที่เข้าข่ายหลอกหลวงเสนอว่าจะให้ ฉะนั้นถือว่าการที่จะพูดอะไรบางอย่าง มันอาจจะไม่ตรงประเด็นร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ามันเชื่อมโยงกันได้ อย่าเพิ่งไปรีบตัดสินว่ามันถูกหรือผิด เราต้องดูพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเป็นกรณี
เมื่อถามอีกว่า กรณีที่นายทักษิณ ปราศรัยว่าจะลดค่าไฟจาก 4 บาทให้เหลือ 3 บาทกว่า น่าจะไม่ใช่อำนาจของอบจ.ที่จะสามารถทำได้ นายอิทธิพร กล่าวว่า ท้องถิ่นเท่าที่ตนจำได้ก็มีหน้าที่ในการให้บริการและทำนุบำรุงสาธารณูปโภค ซึ่งอันนี้ก็คือสาธารณูปโภคมีหน้าที่อย่างนั้น อย่างไรก็ตามจะให้ไปตอบตอนนี้คงไม่ได้ เพราะความเห็นอย่าลืมว่าคณะกรรมการกกต.มี 7 คน ฉะนั้นจุดเชื่อมโยงตรงไหนที่ว่าเป็นการพูดถึงนโยบายของตัวเองโดยแท้ ไม่เกี่ยวกับการหาเสียง หรือเข้าข่ายหาเสียงหลอกลวง มันยังตอบจริงๆไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงที่พูดกันต้องมาดู
ก่อนหน้านี้ตนก็พูดไปแล้วว่าอะไรทำได้ไม่ได้มันมีเส้นแบ่งอยู่เสมอ ต้องนำข้อเท็จจริงมาประกอบ แต่ถ้าเป็นไปได้ในเรื่องของการหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นก็ควรมุ่งเน้นที่นโยบาย ที่ผู้สมัครผู้นำมุ่งเน้นการดำเนินการเมื่อได้รับเลือกตั้ง ถ้ามันเกินขอบเขตอะไรไปแล้วมีคนร้อง ก็ต้องเอาเรื่องทั้งหมดมาดู
ถามอีกว่า กกต.ควรต้องทำหนังสือเตือนหรือไม่ ประธานกกต. กล่าวว่า คงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น เพราะผู้สมัครรู้ดีอยู่แล้วว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้าง เพราะเมื่อรับสมัครเสร็จแล้วก็จะมีการประชุมเชิงสมานฉันท์แจ้งให้ทราบอยู่แล้ว ฉะนั้นผู้สมัครจะบอกว่าตัวเองไม่ทราบคงไม่ได้ ผู้สมัคร และพรรคกเมืองมีหน้าที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ขณะเดียวกันพรรคการเมืองก็ต้องดูแลสมาชิกให้ปฏิบัติไปตามกฎหมาย มันก็จะไม่เกิดปัญหาความก้ำกึ่งอะไรแบบนี้ก็จะเป็นประเด็นขึ้นมา แล้วถ้ามาให้กกต.พิจารณา ผู้สมัครเมื่อแต่งตั้งผู้ช่วยหาเสียงแล้ว ทั้งผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียงต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองพูดไป ผู้สมัครก็ต้องรู้ ว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างไร ผู้ช่วยหาเสียงก็ต้องรู้ว่าผู้สมัครของตัวเองมีนโยบายอย่างไร และหาเสียงช่วยสนับสนุนในประเด็นที่เป็นอำนาจหน้าที่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด
เมื่อถามว่า ขณะนี้ กกต.ได้จับตาจังหวัดไหนเป็นพิเศษหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ทุกจังหวัด ผอ.กกต.ทำงานเรื่องของการเลือกตั้งอย่างเข้มข้นตั้งแต่ปี 2561 ตระหนักในสถานการณ์ของจังหวัดตัวเอง อาจมีบางจังหวะที่จะต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ให้การแข่งขันเป็นไปตามกฎกติกา อย่างจังหวัดปราจีนบุรี ทีมสอบสวนของกกต. ก็จะลงพื้นที่ 2 สัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า การแข่งขันจะอยู่ในกรอบกติกา ส่วนจังหวัดอื่นก็มีการพูดคุยกับผู้บังคับการตำรวจภูธรเป็นประจำอยู่แล้ว
ซึ่งตำรวจเอง ก็ทราบว่าสถานการณ์การแข่งขันแต่ละพื้นที่ว่ามีความเข้มข้นขนาดไหน ถ้าพื้นที่ไหนมีความเข้มข้นมากก็จะมีทีมงานของกกต.ร่วมกับตำรวจ ก็จะเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีคำร้องเกี่ยวกับการหาเสียงของนายทักษิณ เข้ามา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'พิธา' ให้สัมภาษณ์งานแต่งข้ามขั้ว ครม.ครอบครัวสำคัญที่สุดในชีวิต
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางเข้าร่วมงานพิธีสมรสระหว่างนายธนาธร โล่ห์สุนทร สส.ลำปางพรรคเพื่อไทย และนางสาวรภัสสรณ์ นิยะโมสถ สส.ลำปาง พรรคประชาชน
ชื่นมื่น! 'ทักษิณ-พิธา' ร่วมงานแต่ง สส.ลำปาง เพื่อไทย-ประชาชน
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เดินทางมาร่วมพิธีฉลองมงคลสมรสระหว่างนายธนาธร โล่ห์สุนทร
'อิ๊งค์' ยัน ทักษิณ-เพื่อไทย หาเสียงเลือกตั้งอบจ. เป็นไปตามกฎหมาย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในฐานะหัวหน้
หนาว! คำร้องยุบพรรคเพื่อไทย อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริง
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงคำร้องยุบ 6 พรรคการเมืองว่
กสม. ประณาม 'ทักษิณ' ปราศรัยเหยียดเชื้อชาติคนแอฟริกัน ย้ำไทยอยู่ภายใต้ CERD
กสม.ซัด 'ทักษิณ' จ้อเหยียดเชื้อชาติคนแอฟริกัน อบรมคนมีอิทธิพลทางสังคมไม่ควรทำ หวั่นโดนขยายความรุนแรง ซ้ำรอยความสูญเสียในอดีต
'จตุพร' ฟาด 'ทักษิณ' สทร.หลอกเสื้อแดงเป็นป้อมปราการ ปู้ยี่ปู้ยำหาประโยชน์ เชื่อละครลวงโลกจวนจบ
'จตุพร' ฟาด 'ทักษิณ' สทร.พูดมากอยากดันเพื่อไทยยิ่งใหญ่เท่า ทรท. ย้อนจะถูกยึดอำนาจปิดฉาก ปชต.อีก ชี้สังคมครหา พิรุธแจกเงินหมื่นหวังคะแนนเสียง จวกปากไม่มีหูรูดพูดเหยียดอัตลักษณ์คนแอฟริกา หลอกเสื้อแดงเป็นป้อมปราการทำปู้ยี่ปู้ยำหาประโยชน์ให้ทุนพลังงาน ลั่นโรงละครลวงโลกจวนจบ