ดร.ณัฏฐ์ ชี้ร่างแก้ไขรธน.เพิ่มหมวด 15/1 ตั้งสสร.ร่างรธน.ฉบับใหม่ มีผลเท่ากับยกเลิกรธน.ทั้งฉบับ

“ดร.ณัฏฐ์” มือกฎหมายมหาชน  เผย ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพิ่มหมวด 15/1 ตั้ง สสร.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีผลเท่ากับยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ  แม้รัฐสภาจะมีอำนาจพิจารณา ต้องจัดทำประชามติก่อน
 
7 ม.ค.2568 - ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ ดร.ณัฏฐ์  นักกฎหมายมหาชน กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเตรียมขอมติจากที่ประชุม สส.ของพรรค เห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ฝ่ายกฎหมายของพรรคจัดทำไว้เสนอประกบกับร่างของพรรคประชาชนหรือไม่ ว่าแม้พรรคเพื่อไทยจะใช้เทคนิควิธีการเสนอร่างประกบกับร่างของพรรคประชาชนที่นำเสนอแตกต่างเนื้อหาเฉพาะเพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่เป็นปัญหา คือ ตัดอำนาจของสมาชิกวุฒิสภา และไม่จัดทำประชามติ  ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 1 บททั่วไป หมวด 2  พระมหากษัตริย์ หรือหมวด 15 มาตรา 256(8) ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2560 บัญญัติให้จัดทำประชามติก่อนเสนอทูลเกล้าฯ  
 
"หากอ่านเกมการเมือง พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน มีเป้าประสงค์ตรงกันที่จะจัดให้มีการจัดทำประชามติเพียงสองครั้งเท่านั้น เพื่อนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ" ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวและว่าแต่การที่จะยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะเนื้อหาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 256 กลับไปบัญญัติเพิ่มในหมวด 15/1     หมายความว่า ไปเพิ่มหมวดใหม่ เพื่อให้มี สสร.ที่มีอำนาจในการยกร่างรัฐธรรมนูญ มีผลทางกฎหมายเท่ากับไปยกเลิกรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2560 ทั้งฉบับ 
 
นักกฎหมายมหาชน กล่าวต่อว่าหากไปพิจารณาถึงเจตจำนงในการออกแบบรัฐธรรมนูญ 2560 กลับไม่มีบทบัญญัติใดระบุให้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้ฝ่ายนิติบัญญัติมีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมตามมาตรา 256 เท่านั้น   
          
"การเสนอร่างประกบของพรรคเพื่อไทย เป็นเพียงเทคนิคเพื่อแก้ไขตามเป้าหมายของพรรคการเมืองตนเอง จะได้อ้างกับพี่น้องประชาชนได้ว่า ได้ขับเคลื่อนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เพราะที่สภานัดพิจารณาถกร่างแก้ไขและที่ สนง.สภาผู้แทนราษฎรเผยแพร่ร่างอันเป็นการทั่วไป เป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ของพรรคประชาชน ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน"
 
ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวว่าดังนั้น ที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า เนื้อหาร่างของพรรคเพื่อไทยที่จะประกบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชน มีเนื้อหาแตกต่างกัน ตนขอถามว่าแล้ว สาระสำคัญร่างแก้ไขไปถอดอำนาจ สมาชิกวุฒิสภาหนึ่งในสามของวาระการออกเสียงขั้นสุดท้าย ในมาตรา 256(6) และไม่จัดทำประชามติใน 256(8) หรือไม่    เพราะทั้งสองกรณีเป็นปัญหาในการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับเพราะทำให้แก้ไขรัฐธรรมนูญยากขึ้นสอดคล้องกับระบบสองชั้นใน พรบ.ประชามติ มาตรา 13 
            
แม้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ให้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ในรายมาตรา แต่ก่อนหน้านี้  ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัย ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ว่า 
             
“รัฐสภามีอำนาจในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้  โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่า ประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชน ลงมติเห็นชอบหรือไม่ กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้ง”
 
ดร.ณัฐวุฒิ อธิบายว่า แม้นายมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา สั่งบรรจุเป็นญัตติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามที่สมาชิกรัฐสภาเสนอได้ เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุ รัฐสภามีอำนาจในการจัดทำรัฐธรรมนูญได้ ดังนั้น ไม่แปลกที่ฝ่ายกฎหมายของสภาตีความว่าสามารถบรรจุร่างได้ เพราะไม่ฝ่าฝืนในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ  ส่วนเมื่อบรรจุไปแล้ว จะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คนละส่วนกัน
          
รัฐธรรมนูญไทย เป็นลายลักณ์อักษร แก้ไขยาก ดังจะเห็นได้จากรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 256 (6) และ พรบ.ประชามติ ประกอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 อีกทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 256 ให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา หมายความว่า การพิจารณาจะต้องมีองค์ประกอบ ส.ส.และ สว. ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 156(15)
            
โดยรัฐธรรมนูญบัญญัติในมาตรา 211 วรรคสี่ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระและหน่วยงานของรัฐ
              
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564  ระบุตอนหนึ่งว่า  รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ที่กำหนดรูปแบบของประเทศ องคาพยพในการบริหารกิจการบ้านเมือง และความสัมพันธ์ขององคาพยพดังกล่าวที่สำคัญ เป็นเสมือนสัญญาประชาคม ที่จะยอมให้รัฐมีบทบาทในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนได้มากน้อยเพียงใด ภายใต้เงื่อนไขอย่างใด แต่ที่รัฐธรรมเป็นกฎหมายที่กำหนดโครงสร้างและกลไกทางการเมือง อันถือเป็นกติกาของสังคม หรือกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมของประเทศนั้นๆ และถือเป็นกฎหมายที่มีความยืดหยุ่น เพื่อให้คนในสังคมรุ่นใหม่ สามารถจัดการกับความเปลี่ยนแปลงหรือความหลากหลาย ทางการเมือง    เศรษฐกิจ สังคม ที่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาได้ ดังนั้น ผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ย่อมเล็งเห็นถึงความเป็น พลวัตของรัฐธรรมนูญด้วยการกำหนดให้มีบทบัญญัติว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้นเอง 
            
และเป็นที่เป็นสาระสำคัญอีกตอนหนึ่งที่ว่า  “..การที่สมาชิกสภาผุ้แทนราษฎรยื่นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่...) พุทธศักราช....ต่อที่ประชุมร่วมกันรัฐสภา ตามมาตรา 256 ซึ่งมีหลักการ และเหตุผลจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้น โดยมีเนื้อหาแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด 15/1 จัดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และมาตรา 256/1 ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญมีอำนาจหน้าที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามหมวดนี้ เป็นการที่รัฐธรรมนูญมาตรา 156(15) บัญญัติให้การแก้ไขเพี่มเติมรัฐรรมนูญให้กระทำโดยร่วมกันของรัฐสภา มุ่งประสงค์ให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เป็นการใช้อำนาจของรัฐสภาโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญได้กำหนดให้กระบวนการใช้อำนาจนิติบัญญัติของรัฐสภา ในกรณีดังกล่าวมีหลักเกณฑ์และวิธีการ ซึ่งมีลักษณะแตกต่าง จากการทำหน้าที่ในกระบวนการนิติบัญญัติทั่วไป โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรรมนูญและรักษาความต่อเนื่องของรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ 
         
“...แม้รัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แต่เป็นอำนาจที่ได้รับมอบมาซึ่งถูกจำกัดทั้งรูปแบบ กระบวนการและเนื้อหา  รัฐสภาจึงต้องกระทำหน้าที่ได้รับอย่างเคร่งครัด โดยไม่อาจกระทำนอกขอบเขตอำนาจหน้าที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ได้  การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงต้องอยู่ในเงื่อนไขที่มีความผูกพันกับรัฐธรรมนูญฉบับเดิม ยึดโยงกับหลักการพื้นฐานและให้เหมาะสมแสอดคล้องกับมติมหาชน  รัฐธรรมนูฐแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 หมวด 15 เพียงบัญญัติให้สามารถแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้เท่านั้น ไม่มีบทบัญญัติใดให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยวิธีการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด 15/1 ด้วยวิธีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด 15/1  ย่อมมีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560..”  
            
เป็นการแก้ไขหลักการสำคัญ  ที่ผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญดังเดิม ต้องการปกป้องคุ้มครองไว้ หากรัฐสภาต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องจัดให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญออกเสียงประชามติเสียก่อนว่า สมควรจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่  ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วย จึงจะดำเนินการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไป เมื่อเสร็จแล้ว ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติว่า เห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นการให้ประชาชนพิจารณาเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว จึงจะนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว จึงจะประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป อันเป็นกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญตามครรลองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 
            
ดร.ณัฏฐ์ นักกฎหมายมหาชน อธิบายอีกว่า เนื้อหาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับที่....)พุทธศักราช....ที่พรรคประชาชน ยื่นเสนอต่อสภาและนายมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา บรรจุในญัตติ หากพิจารณาถึงรายละเอียดในเนื้อหาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และเพิ่มเติมหมวด 15/1 มีเนื้อหาลักษณะคล้ายคลึงกัน อาจแตกต่างวิธีการได้มาซึ่ง สสร.ที่แตกต่างไปจากเนื้อหาเดิม แต่สารัตถะไม่แตกต่างกัน  ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานไว้แล้ว  ซึ่งผลของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญย่อมเด็ดขาด ผูกพันทุกองค์กร ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 211 วรรคสี่  
              
"จะเห็นได้ว่า แนวทางร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ที่นำเสนอโดยพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยจะประกบร่าง จะมีปัญหาความชอบด้วยกฎหมาย หากพิจารณาจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่เคยวินิจฉัยไว้  จะเกิดปัญหาว่า ร่างที่แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในหมวด 15/1  เป็นการลักไก่ ที่รัฐสภาไม่อาจดำเนินการได้ เพราะฝ่าฝืนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะผู้เสนอร่างฯจะต้องไปจัดทำประชามติสอบถามประชาชนก่อนและเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชน ลงมติเห็นชอบหรือไม่ กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้ง แต่เทคนิคถอดมาตรา 256 (8) ออกทั้งยวง โดยไม่ต้องจัดทำประชามติอีกครั้ง ก่อนเสนอทูลเกล้าฯ จะเกิดปัญหาความชอบด้วยกฎหมาย แม้เป็นช่องทางลัด แต่เป็นความสุ่มเสี่ยงต่อการถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง และเมื่อมีการแก้ไขจะเพิ่มระดับความร้อนแรงทางการเมือง เพราะในมาตรา 256 (6) ยังต้องผ่านด่านหินของเสียงสมาชิกวุฒิสภาหนึ่งในสามอีกด้วย"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ปชน.' กระจายแกนนำสมัคร สส. 'เท้ง' หัวเรือ กทม. 'ไหม' บุกถิ่นน้ำเงิน

'ปชน.' กระจายแกนนำให้กำลังใจผู้สมัครแบบเขตทุกภูมิภาค 'เท้ง' นำทีม กทม. 7 โมงเช้าถึงกีฬาเวสน์ 2 'ไหม' บุกถิ่นน้ำเงินบุรีรัมย์ 'อ.ต้น' ลงใต้ 'ต๋อม' ปักหลักหัวเมืองเหนือ

กังขา 'ปชน.' ไม่จับมือ 'กธ.' แต่จับมือ 'พท.' แม้ 'ทักษิณ-ประเสริฐ' แนบแน่น 'เบน สมิธ'

นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊กระบุว่า พรรคประชาชนไม่จับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม เพราะ ธรรมนัส สนิทกับ เบนสมิธ

'เท้ง' ลั่นเลือกตั้งครั้งนี้ แข่งกันจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคประชาชนกับภูมิใจไทย

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยว่า ในเมื่อคุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศชัดว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาชน

’อนุทิน‘ ชัด ไม่ร่วมรัฐบาลพรรคประชาชน ปมยังเดินหน้าแก้ ม.112

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุจุดยืนชัด ไม่จับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่ยังมีนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลังดีเบตไทยรัฐทีวี ย้ำต่างอุดมการณ์ แต่ยังทำงานร่วมกันได้ หากเป็นเรื่องแก้ปัญหาประชาชน