กมธ.พลังงานจับตาตั้งคณะกรรมการ JTC

'กมธ.พลังงาน' ถกพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ห่วงเลิกสัมปทานเสียค่าโง่เอกชน จับตาตั้งคกก. JTC พร้อมแนะเพิ่มผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานร่วมวง

28 พ.ย.2567 - นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังประชุม กมธ. ว่า วันนี้ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์ด้านพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญา กระทรวงต่างประเทศ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน กองทัพเรือ และสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม มาให้ข้อมูลล่าสุดในพื้นที่พัฒนาร่วม ซึ่งกรมสนธิสัญญายืนยันว่า ใช้กรอบของ MOU 44 เป็นกรอบหลักในการเจรจา โดย กมธ.ได้นำคำถามจากภาคประชาสังคมมาสอบถาม ได้ข้อมูล 2 ส่วนว่า ในพื้นที่ส่วนบนต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ทับซ้อน ก็ต้องมีการเจรจากันไป พร้อมกับแบ่งทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ส่วนล่าง โดยตามกรอบ MOU ต่างฝ่ายต่างรับรู้พื้นที่ของแต่ละฝ่าย และไทยค่อนข้างมั่นใจข้อมูลที่จะไปเจรจากับกัมพูชา โดยยึดหลักอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล หรือ อันโคลซ ส่วนเรื่องสัมปทานที่ให้สิทธิกับเอกชนไปแล้ว ก็ต้องพูดคุยกันต่อว่าจะเดินหน้าอย่างไร แต่สิ่งที่ กมธ. ไม่อยากให้เกิดขึ้นคือการยกเลิกสัมปทาน เพราะภาครัฐต้องจ่ายค่าชดเชยให้โดยใช้ภาษีของประชาชน

นายศุภโชติ ยังกล่าวถึงระยะเวลาในการนำทรัพยากรขึ้นมาใช้ประโยชน์ โดยทางกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ชี้แจงว่าถ้าดูจากกรอบที่เราเคยทำกับมาเลเซียจะต้องใช้เวลาถึง 25 ปี จึงมีคำถามว่า ทรัพยากรเหล่านี้ยังจำเป็นหรือไม่ เพราะขณะนี้เรากำลังเดินไปสู่พลังงานสะอาด จึงได้พูดคุยกันว่าถ้าจะทำให้เร็วกว่านี้ทำอย่างไรได้บ้าง

เมื่อถามว่า กมธ. เห็นด้วยกับการเดินหน้าตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค หรือ JTC ไทย-กัมพูชา หรือไม่ นายศุภโชติ กล่าวว่า แน่นองต้องมีอยู่แล้ว เพราะเป็นเหมือนบันไดขั้นแรกที่ทำให้การเจรจาเกิดขึ้นได้ และทางเราก็อยากเห็นว่าองค์ประกอบเป็นอย่างไร โดยการเข้าไปเจรจาเรื่องใดเรื่องหนึ่งต้องมีผู้แทน ซึ่งในส่วนของไทยมีการพูดคุยกันว่าไม่ใช่แค่เรื่องเขตแดนแต่มีเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน ดังนั้นองค์ประกอบของ JTC จึงเป็นประเด็นสำคัญว่าประกอบด้วยใครบ้าง ที่จะต้องคุยทั้งเรื่องเขตแดน อาณาเขตประเทศ รวมทั้งทรัพยากร ซึ่งที่ผ่านมาองค์ประกอบของ JTC มีผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานค่อนข้างน้อย จึงขอฝากข้อเสนอแนะว่าต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานเพิ่มไปด้วย พร้อมย้ำว่าคณะกรรมการ JTC จะต้องครอบคลุมโดยยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง

ถามว่ากังวลหรือไม่ที่อาจจะมีการตั้งคนจากฝ่ายการเมืองเข้าไปด้วย นายศุภโชติ กล่าวว่า คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความพยายามจากฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซงในคณะกรรมการ JTC แต่อยากให้ยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง และให้การทำงานในเรื่องนี้เป็นกลางจริงๆ แต่เรื่องนี้จะชัดเจนที่สุดก็ต่อเมื่อได้เห็นรายชื่อคณะกรรมการ JTC ออกมาก่อน แล้วค่อยมาตั้งคำถาม

ถามอีกว่า รัฐมนตรีพลังงานควรอยู่ในคณะกรรมการ JTC ด้วยหรือไม่ นายศุภโชติ กล่าวว่า ถ้าเทียบกับในอดีต ก็ควรจะต้องเป็นบุคคลที่ดูเรื่องเขตแดน เรื่องทรัพยากร ต้องร่วมอยู่ในโต๊ะเจรจาด้วย

ถามถึงข้อเสนอให้ยกเลิก MOU 44 นายศุภโชติ กล่าวว่า ใน กมธ. พูดถึงเรื่องนี้ค่อนข้างน้อย เพราะการมี MOU 44 ถือเป็นกรอบที่ชัดในการเจรจา ส่วนจะต้องมีการปรับปรุงอะไรหรือไม่ เราต้องศึกษากันว่าบริบทนี้ผ่านมา 20 ปีแล้ว มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างเยอะ จึงเห็นว่าต้องมีการทบทวน แต่ถึงขั้นต้องยกเลิกหรือไม่ยังไม่สามารถสรุปได้

เมื่อถามว่า ถ้าคุยเรื่องเส้นเขตแดนแล้วไปไม่ได้ จะคุยเรื่องผลประโยชน์ต่อหรือไม่ นายศุภโชติ กล่าวว่า รอให้ถึงจุดนั้นก่อน แล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้เราควรย้ำจุดยืนว่าควรเข้าสู่โต๊ะเจรจา โดยนำ 2 เรื่อง คือ ผลประโยชน์และเขตแดน มาคุยพร้อมกัน

ถามย้ำว่าได้เห็นแผนที่แนบท้าย MOU 44 หรือไม่ นายศุภโชค กล่าวว่า กรมสนธิสัญญาได้มาชี้แจงว่าแผนที่แนบท้ายเป็นแค่การรับรู้เส้นที่ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างอิง ซึ่งเป็นคนละเส้นกัน และไม่ได้มีบทบังคับใช้ตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดสมัยประชุมสภา ควรนำเรื่องนี้พิจารณาในสภาอย่างเปิดเผย เพื่ออธิบายให้ประชาชนทราบว่ากำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งอาจจะช่วยให้คำถามที่ตามมาลดน้อยลง เพราะปัญหานี้ใหญ่เกินกว่าการแก้ไขปัญหาด้วยคนเพียงไม่กี่คน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สมชาย กางเหตุผลทำไม ไทยถึงเสียดินแดน ถ้าไม่ปักปันเขตแดน ก่อนเจรจา MOU2544

นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ทำไมการดื้อเจรจาตาม MOU2544 แบ่งผลประโยชน์กัน ถ้าไม่ปักปันเขตแดนทางทะเลไทย-กัมพูชาให้ถูกต้องยุติก่อน

คำนูณ ผ่าปม 2 ได้ 3 เสีย ถ้าไม่ยกเลิก MOU 2544

ความเคลื่อนไหวและการแสดงความคิดเห็นเรื่อง MOU 2544 ที่เชื่อมโยงถึงเกาะกูด, การหาแหล่งพลังงานแห่งใหม่ในพื้นที่อ้างสิทธิไทย-กัมพูชา ที่มีการประเมินกันว่ามีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านบาท ยั

ขึ้นต้นก็(เขียน)ผิดแล้ว ! ว่าด้วยเส้น “ละติดจูด” ที่ 11° “E” ในเอกสารแนบท้าย MOU 2544

เขียนและพูดเรื่อง MOU 2544 มาหลายปี หลากมุมมอง ล่าสุดช่วงนี้ก็จำแนกข้อดีข้อเสีย รวมทั้งส่วนที่จะได้และส่วนที่จะเสียหากเจรจาสำเร็จ ล้วนหนัก ๆ ทั้งนั้น .

เลขาฯกฤษฎีกา ขออย่าเรียก 'พื้นที่ทับซ้อน' ให้ใช้คำว่า 'พื้นที่อ้างสิทธิ' ตามรัฐบาลบิ๊กตู่

นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีเรียกร้องให้ยกเลิกเอ็มโอยู 44 สามารถยกเลิกฝ่ายเดียวได้หรือไม่ ว่า ตามหลักการทำเอ็มโอยูมีจุดเริ่มต้นมาจากสองประเทศ