'นิกร' ยันคำวินิจฉัยศาลรัธรรมนูญให้ทำประชามติแก้ รธน. 3 ครั้ง หวั่นทำผิดขั้นตอนจากเร็วขึ้นจะกลายเป็นช้าแทน
27 พ.ย.2567 - นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์กรณีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.) พยายามให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา บรรจุระเบียบวาระสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอให้พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และให้ทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญเพียง 2 ครั้ง ว่า ในฐานะที่เคยเป็นเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.)พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ.... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1) และได้ร่วมจัดทำรายงานที่เสนอต่อรัฐสภา มองว่าตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ 11 มี.ค. 2564 ที่ระบุให้รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยต้องให้ประชาชนประชามติก่อนว่าจะต้องการให้มีฉบับใหม่หรือไม่ และระบุว่าเมื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จต้องส่งให้ประชาชนลงประชามติอีกครั้ง ดังนั้นการทำตามคำวินิจฉัยจำเป็นต้องทำประชามติสอบถามประชาชนก่อนการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้นถูกกำหนดเป็นสภาพบังคับว่าต้องทำประชามติรวม 3 ครั้ง โดยไม่มีทางใดให้เลี่ยงได้ ส่วนการเข้าพบประธานรัฐสภาของกรรมาธิการพัฒนาการเมืองนั้นไม่มีผลให้ลดจำนวนทำประชามติ เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกผันต่อรัฐสภา การไปเรียกร้องบังคับให้ประธานรัฐสภาบรรจุวาระให้ได้นั้น ประธานรัฐสภาอาจถูกร้องได้ว่ากระทำขัดหรือแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไม่มีใครรับผิดแทนประธานรัฐสภาได้”นายนิกร กล่าว
นายนิกร กล่าวด้วยว่า หากมีการบรรจุเนื้อหาและฝืนพิจารณา ขอให้คำนึงถึงเหตุการณ์ระหว่างการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อปี 2564 ที่ สว.กังวลกับการลงคะแนนเห็นชอบในวาระ 3 ด้วยเกรงว่าจะเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ แต่ในครั้งนี้อาจเป็นไปได้ว่าจะมีปัญหาตั้งแต่การลงคะแนนเห็นชอบในวาระแรกชั้นรับหลักการได้ และหากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ไม่สำเร็จ ต้องกลับไปนับหนึ่งในสมัยประชุมถัดไป ทั้งที่เวลาการพิจารณาของรัฐสภาเหลือไม่มาก
“ภารกิจการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้สำเร็จ จำเป็นต้องรับฟังความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้เกิดการประนีประนอมร่วมกัน เพราะถ้าทำขั้นตอนใดผิดพลาดล้มเหลว แทนที่จะเร็วขึ้นกลับจะกลายเป็นช้าลงไปอีกมาก เหมือนที่เป็นมาให้เห็นๆ กันจนจะไม่ทันการอยู่แล้ว แม้จะมีการลดธงเป้าหมายให้เหลือเพียงแค่ให้ได้แค่ ส.ส.ร.ก็ตามที” นายนิกรกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เด็ก ปชน.ยันพรรคตรวจสอบรัฐบาลผ่านกลไกสภาเท่านั้น!
'พริษฐ์' ย้ำ 'ปชน.' เดินหน้าตรวจสอบรัฐบาลผ่านกลไกสภาฯ แม้ 'สนธิ' ปลุกม็อบลงถนน ชี้ชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของ ปชต. แต่ต้องไม่ละเมิดหลักการขั้นพื้นฐาน
'พริษฐ์' ตีขลุมย้ำทำประชามติ 2 ครั้งก็เพียงพอชำเรา รธน.
'พริษฐ์' เผยหลังหารือ 'ปธ.สภา' ย้ำทำประชามติ 2 ครั้งเพียงพอเสนอเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ด้าน ‘วันนอร์’ ให้ยื่นร่างแก้ไข รธน. เพิ่มหมวด ส.ส.ร. เข้ามาใหม่อีกครั้ง
'ไพบูลย์' เย้ยรัฐบาลไม่มีทางแก้รธน.ทั้งฉบับได้ทัน คาดอยู่ไม่ถึง 1 ปี
นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่าร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ จะตีความเป็นกฎหมายการเงิน
ติดสลักกม.ประชามติ รธน.ใหม่ส่อลากยาว
สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์ที่จะใช้สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรียบร้อย โดยให้ยึดเสียงข้างมาก 2 ชั้น กล่าวคือ 1.ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และ 2.ต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์
'นิกร' ยอมรับสภาพ พรบ.ประชามติ แก้รธน.ล่าช้าไป 1 ปี คาดทำครั้งแรกต้นปี 69
นายนิกร จำนง ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงกรณีที่มีการระบุว่ากฎหมายประชามติเป็นกฎหมายการเงิน เพื่อลดเวลาพักร่างกฎหมาย 180 วัน
'ชูศักดิ์' รับเลือกตั้งครั้งหน้า คงต้องใช้ รธน.ฉบับเดิม ขอแค่ตั้ง ส.ส.ร. ทันรัฐบาลนี้
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ยืนยันว่าการจะแปลงร่างกฎหมายประชามติเป็นกฎหมายการเงินไม่สามารถทำได้