16 พ.ย.2567 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ 15 พ.ย. 2567 เวลา 16.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงลิมา ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 12 ชม.) ณ the Grand National Theater of Peru กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับเกียรติจากที่ประชุมในการขึ้นกล่าวบนเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปก (the APEC CEO Summit)
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าขอบคุณที่ประเทศไทยได้รับเกียรติในครั้งนี้ ทั้งนี้เชื่อว่าสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกๆท่าน เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ โดยปัจุบันพบว่า ความสูงวัย สุขภาพ และนวัตกรรม นั้นเกี่ยวกันโดยตรงที่จะส่งผลกับโอกาสทางเศรษฐกิจในทุกด้านที่ทุกประเทศต้องเผชิญร่วมกัน ทั้งนี้ประเทศไทยเชื่อว่าหากประชาชนมีสุขภาพที่ดีก็จะเป็นรากฐานสำคัญของความมั่นคงของมนุษย์ และจะเป็นความมั่งคั่งที่แท้จริงทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่ผ่านมาประเทศไทยภูมิใจที่สามารถบรรลุเป้าหมายในนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม“โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค”(Universal Health Coverage (UHC)มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 ทำให้ การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ ของคนไทยมีราคาไม่แพงแต่มากด้วยคุณภาพในการรักษาและเกิดความเท่าเทียมกันในสังคมสุขภาพของคนไทยทุกคน
“กว่า 22 ปี ของโครงการนี้ ปัจจุบันสามารถยืนยันได้ว่าคนไทยเกือบทั้งประเทศมีระบบประกันสุขภาพของรัฐ ที่ทำให้ครอบครัวและผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงระบบสุขภาพที่ดีได้และรัฐบาลไทยในปัจจุบันเชื่อมั่นว่าระบบสาธารณสุขถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ของประชาชนอีกด้วย และที่ผ่านมา ประเทศไทยและเขตเศรษฐกิจอื่นๆ ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร (demographic shift) ที่ประชากรมากกว่า 20% มีอายุมากกว่า 60 ปี และไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสูง (Super Aged Society) ภายในทศวรรษหน้า ซึ่งจะทำให้กำลังในการพัฒนาประเทศลดน้อยลง รัฐบาลไทยจึงมุ่งมั่น ที่จะพัฒนาระบบสุขภาพที่ดีถ้วนหน้าหรือ UHC เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนให้สอดรับกับโลกปัจจุบัน"นายกฯกล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่าในเดือนที่ผ่านมารัฐบาลได้ปรับปรุงนโยบายเมื่อ 22 ปีที่แล้วมาเป็นนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ระบบสาธารณสุขทั้งหมดมีความพร้อม ที่จะดูแลรักษาประชาชนคนไทย โดยรัฐบาลได้ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยในการให้บริการได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การนัดแพทย์ การส่งต่อ การวินิจฉัยโรค การสั่งยา การบริการสุขภาพ และเข้าถึงผู้คนทุกวัย โดยรัฐบาลยังกำหนดค่าใช้จ่ายไว้เพียงแค่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เหมือนเมื่อ 22 ปีที่แล้ว เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้สึกที่ดี มีศักดิ์ศรี ที่เป็นผู้จ่ายค่าบริการ ไม่ใช่มาขอรับการรักษาฟรีจากรัฐ ที่ผ่านมา
ต้องขอขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ของไทยทุกคนสำหรับการบริการและความทุ่มเท โดยระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ช่วยให้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นโดย ประชาชนสามารถตรวจสุขภาพหรือปรึกษาแพทย์จากที่ใดๆในประเทศไทยได้ โดยปัจจุบันรัฐบาลได้เชื่อมโยง ข้อมูลสุขภาพ(Health Link) กับฐานข้อมูลของโรงพยาบาลมากกว่า 500 แห่งทั่วประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและให้บริการดูแลสุขภาพอย่างไร้รอยต่อในทุกสถานพยาบาลของไทย
“ประเทศไทยให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมสุขภาพและการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เรามีแอปพลิเคชันสมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุ (Blue Book Application)ที่ให้คำแนะนำด้านการดูแลสุขภาพกับผู้สูงอายุ และมีนโยบายสนับสนุนให้ผู้สูงอายุสามารถติดตามสุขภาพและความเป็นอยู่อย่างจริงจัง มากขึ้นเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งสุขภาพที่ดีของประเทศไทย “นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า เมื่อ 21 ปีที่แล้วประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปก 2003 ขณะนั้นในภูมิภาคเผชิญกับปัญหาโรคซาร์ส ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่ส่งผลกระทบ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของโลก รัฐบาลไทยในขณะนั้นตั้งคณะทำงานด้านสุขภาพ เพื่อแก้ไข สถานการณ์ดังกล่าว และได้เปลี่ยนมาเป็น คณะทำงานด้านสุขภาพ ภายใต้กระบวนการทำงานของเอเปกในขณะนั้น ซึ่งปัจจุบันมีภารกิจครอบคลุมประเด็นต่างๆ มากขึ้น รวมถึงการสร้างระบบสุขภาพที่มีความพร้อมอย่างรอบด้าน และเมื่อ2 ปีที่แล้ว ( 2022 )ไทยเป็นเจ้าภาพจัด APEC Health Week Policy Dialogue ที่กรุงเทพฯ และทำงานกับภาคเอกชนเพื่อเปิดตัวโครงการ APEC Smart Family ซึ่งเป็นการทำงานด้านนโยบาย ในรูปแบบการเพิ่มปริมาณประชากร เพื่อเพิ่มความสามารถในการปรับตัวทางประชากรในเขตเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยเอเปกสนับสนุนคนในทุกช่วงวัยเพื่อให้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีมีความสุขและมีเป้าหมายเนื่องจากผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น เอเปกจึงมีบทบาทสำคัญในการมีส่วนร่วมพัฒนาความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุในระบบเศรษฐกิจเช่น จะต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อรองรับผู้สูงวัย
ทั้งนี้ APEC มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลในการดูแลสุขภาพ เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันในบางประเทศที่ไม่สามารถแก้ปัญหานี้เพียงลำพังได้ เอเปคจึงจำเป็นที่ต้องใช้แนวทางความร่วมมือในทุกภาคส่วน ทั้งรัฐและเอกชน ซึ่งเอกชนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบสาธารณสุข ที่สนับสนุนให้ประชากรสูงวัยมีชีวิตที่ดีและยืนยาวขึ้น และขอสนับสนุนให้ สภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเปค (ABAC) หารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายในการส่งเสริมการจ้างงานสำหรับแรงงานสูงอายุ ซึ่งรวมถึงการฝึกอบรมทักษะใหม่และยกระดับทักษะอีกด้วย”
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความรู้ที่มีเกี่ยวกับสุขภาพ วิทยาศาสตร์อาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ และนวัตกรรมการดูแลสุขภาพ เป็นเครื่องมือสำคัญในการชี้แนะให้ดูแลสุขภาพและความสมบูรณ์ของร่างกายได้ดีขึ้น สามารถลดโอกาสการเกิดโรคร้ายแรงได้ และจากแนวคิดนี้ จึงเกิด ธุรกิจ“เวลเนส ”(the Care and Wellness Economy) ซึ่งผสมผสานสุขภาพ การท่องเที่ยว และนวัตกรรม ซึ่งประเทศไทยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านการดูแลสุขภาพที่แข็งแกร่ง สิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูง มีผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูง และต้นทุนที่ไม่สูงนัก ทำให้ประเทศไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้รัฐบาลได้ให้นโยบาย กับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ของไทย ให้มีมาตรการทางภาษีและมาตรการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ บริการด้านสาธารณสุข และการวิจัยทางคลินิก ให้กับนักลงทุนจากต่างประเทศอีกด้วย ทั้งนี้ไทยมุ่งหวังที่จะมีส่วนร่วมกับเขตเศรษฐกิจเอเปกและสภาธุรกิจเอเปคมากขึ้นเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในภูมิภาคและพื้นที่อื่นๆ ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการกล่าวเสร็จสิ้นที่ประชุมได้ปรบมือต่อเนื่องแสดงความชื่นชมในตัวผู้นำของประเทศไทยที่ เป็นสุภาพสตรี เพียง 1 ใน 2 ท่านของผู้นำประเทศเอเปก ที่กล่าวบนเวทีได้อย่างน่าสนใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างการเข้าร่วมประชุมผู้นำภาคธุรกิจเอเปก นายกฯ ยังได้พูดคุยและร่วมถ่ายภาพกับผู้แทนเยาวชนไทยในโครงการ APEC Voices of the Future (VoF)
โอกาสนี้ ผู้แทนเยาวชนไทยในโครงการ VOF ได้ฝากข้อความให้กำลังใจถึงนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า “อยากจะบอกว่าเป็นกำลังใจให้ท่านนายก ฯ จริงๆ เพราะเราทราบว่างานทุกอย่างหนักมาก และพวกเราก็เหมือนเป็นตัวแทนของเยาวชนไทย ที่ได้เห็นกระบวนการหลายๆอย่าง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชาวอุยกูร์ บอกคนไทยไม่ต้องห่วง ชีวิตปกติดี มีวัว 52 ตัว จีนสร้างบ้านให้
นายภูมิธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี ได้วิดีโอคอล กับชาวอุยกูร์ ที่เดินทางกลับมาจากประเทศไทย จำนวน 6 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นชาวอุยกูร์ที่เดินทางกลับมาเมื่อปี 58 ซึ่งได้เล่าชีวิตหลังกลับมายังเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
'จิรายุ' เผยภารกิจพบ 'ชาวอุยกูร์' ถูกส่งกลับจีน ได้รับการดูแลอย่างดี แม่สุดดีใจได้พบลูก
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เวลา 09.40 น. (ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พันตำรวจเอก
'ภูมิธรรม' ขอบคุณรัฐบาลจีน จัดการให้ไทยได้พบชาวอุยกูร์ถูกส่งกลับ
ที่เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน วันนี้ (19 มี.ค.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
อดีต สว.จับตาศึกอภิปรายหากเกี้ยเซียะเจอเปิดเวทีประชาชนสับแน่
ดร.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.)
วันซักฟอก! สส.เพื่อไทย ห้ามขาดห้ามตาย 'อิ๊งค์' พร้อมตอบแบบกว้างๆ
นายกฯแพทองธาร ร่วมประชุม สส.เพื่อไทย เตรียมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เผยจะชี้แจงในประเด็นกว้างๆ ให้รมต.ตอบละเอียด พร้อมแซวให้ สส.เฝ้ากลุ่มไลน์ขอข้อมูล ขณะที่ “วิสุทธิ์” สั่งห้ามขาดห้ามตายในช่วงซักฟอก พร้อมส่งกำลังใจให้นายกฯ
ปูเสื่อรอ 'ลุงป้อม' พร้อม! จัดหนัก 'อิ๊งค์-คนในครอบครัว' เนื้อๆเน้นๆไม่เยิ่นเย้อ
บิ๊กป้อม-'คอยฟังสิ คอยฟัง' ซักฟอกนายกฯหุ่นเชิดบุคคลในครอบครัว เลขาฯพปชร.ลั่นมีหมัดเด็ด ประชาชนไม่ผิดหวังแน่ เผยหัวหน้าพรรคข้อมูลแน่น-สมบูรณ์ เน้นเนื้อๆไม่เยิ่นเย้อกินเวลา ตอก 'สงคราม' ปรามาสลุง หากไม่เป็นอย่างพูด ต้องมาขอโทษที่พรรค แซะพรรคร่วมรัฐบาลง่อนแง่นแล้ว